หุ้นต่างประเทศ "SMCI": คนไทยจะซื้อหุ้น SMCI ได้อย่างไร?

การลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้รับความสนใจอย่างมากทั้งด้านความสะดวกและโอกาสใหม่ๆและ SMCI (Super Micro Computer, Inc.) เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองในหมู่นักลงทุนระดับโลก หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์และศูนย์ข้อมูล บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจศักยภาพของการลงทุนใน SMCI อาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองที่ไม่ควรพลาด

Super Micro Computer, Inc. หรือที่รู้จักกันในชื่อ Supermicro เป็นบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 โดย Charles Liang โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซานโฮเซ่ (San Jose) รัฐแคลิฟอร์เนีย บริษัทมุ่งเน้นไปที่การออกแบบ พัฒนา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing: HPC) รวมถึงระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่

SMCI คือบริษัทที่ทำธุรกิจให้บริการประกอบตู้เซิร์ฟเวอร์ ที่ใช้ในการประมวลผลเรื่องซับซ้อน หรือใช้สำหรับเก็บข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจที่ต้องใช้บริการนี้ก็เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับ AI ที่ต้องใช้การประมวลผลในระดับสูง และเป็นกระแสมาแรงในตอนนี้ ไปจนถึงธุรกิจเกี่ยวกับ Data Center และคลาวด์ ที่ต้องเก็บข้อมูลจำนวนมาก Supermicro เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ SMCI ในปี 2007 และนับตั้งแต่นั้นมา ราคาหุ้นของบริษัทก็มีการเติบโตควบคู่ไปกับความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและการขยายตัวของธุรกิจเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์

• SMCI เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

  
  

• บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น AI, machine learning และ 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

  
  

• ผลิตภัณฑ์ของ SMCI สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท

  
  

• SMCI มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Intel, AMD และ Nvidia ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดได้อย่างรวดเร็ว

การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อหุ้น SMCI (Super Micro Computer, Inc.) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย การสนับสนุนลูกค้า เครื่องมือในการลงทุน และความสะดวกสบายในการใช้งานของแพลตฟอร์ม สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้น SMCI ต่อไปนี้คือโบรกเกอร์ที่ได้รับการแนะนำและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดหุ้น

- Interactive Broker ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำมาก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ทำธุรกรรมบ่อยหรือเทรดเดอร์มืออาชีพ เข้าถึงตลาดทั่วโลก: รองรับการซื้อขายในตลาดหุ้นกว่า 135 แห่งในกว่า 33 ประเทศ ทำให้สามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เช่น SMCI ได้อย่างง่ายดาย แพลตฟอร์มขั้นสูง: มีเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ทรงพลังและฟีเจอร์เทรดอัตโนมัติ 

- Captrader สามารถซื้อขายได้หลากหลายสินทรัพย์ในแพลตฟอร์มเดียว มีบัญชีทดลองให้ผู้เริ่มต้นได้ฝึกฝนก่อนลงทุนจริง เลเวอเรจสูงช่วยเพิ่มพลังในการซื้อขาย แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงสูงเช่นกัน

- Saxo เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ออนไลน์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยจุดเด่นหลายประการ สามารถซื้อขายได้หลากหลายสินทรัพย์ ทั้งหุ้น, ตราสารอนุพันธ์, Forex, ETF และอื่นๆ ครอบคลุมตลาดทั่วโลก มีแพลตฟอร์มเทรดให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเว็บ, แอปพลิเคชันบนมือถือ และ API สำหรับนักเทรดที่ต้องการความยืดหยุ่น มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่หลากหลาย ช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์ตลาดได้อย่างละเอียด

- Webull หนึ่งในจุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนมากที่สุดคือการซื้อขายหุ้นโดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก แพลตฟอร์มของ Webull ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีกราฟที่สวยงาม และมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลาย เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักลงทุนที่มีประสบการณ์ มีการอัปเดตข่าวสารและข้อมูลตลาดอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล

- Alpaca Trading Alpaca Trading เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจพัฒนาสคริปต์และสร้างระบบอัตโนมัติในการเทรด จุดเด่นที่โดดเด่นที่สุดของ Alpaca คือ API ที่ใช้งานง่ายและทรงพลัง ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสคริปต์และระบบอัตโนมัติเพื่อการเทรดได้อย่างสะดวกสบาย และมีค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายหุ้นอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเทรด

SMCI (Super Micro Computer, Inc.) เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง และเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยหลายท่าน การซื้อหุ้น SMCI สามารถทำได้ผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์หลายแห่ง โดยมีขั้นตอน ดังนี้

วิธีที่ 1: ผ่านโบรกเกอร์ไทยที่รองรับการซื้อหุ้นต่างประเทศ

ข้อดี: สะดวกสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากสามารถใช้ภาษาไทยในการทำธุรกรรม และอาจมีโปรโมชั่นหรือบริการที่รองรับลูกค้าไทยโดยเฉพาะ

- เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ เช่น หุ้นสหรัฐอเมริกา เช่น Krungsri Securities , SCBX เป็นต้น

- เปิดบัญชีและยืนยันตัวตน ทำการสมัครและเปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ที่เลือก แล้วดำเนินการยืนยันตัวตนตามที่โบรกเกอร์กำหนด เช่น ส่งสำเนาบัตรประชาชน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

- ฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขาย โดยสามารถโอนเงินผ่านธนาคาร ช่องทางอื่นๆ ที่โบรกเกอร์รองรับ

- พิมพ์ชื่อหุ้น SMCI ในระบบของโบรกเกอร์ โดยใช้ชื่อบริษัทหรือตัวย่อ (SMCI)

วิธีที่ 2: ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง

ข้อดี: อาจมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าโบรกเกอร์ไทย และมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลายกว่า

- เลือกเพราะอาจมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าโบรกเกอร์ไทย และมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลาย เช่น Interactive Brokers , Robinhood 

- เปิดบัญชีและทำ KYC ทำการสมัครและเปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ที่เลือก โดยอาจต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวข้องมากขึ้น (KYC)ตามที่โบรกเกอร์กำหนด ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารนานกว่าโบรกเกอร์ไทยทั่วไป

- ฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขาย โดยสามารถโอนเงินผ่านธนาคาร หรือช่องทางอื่นๆ ที่โบรกเกอร์รองรับ ค้นหาหุ้น SMCI ในระบบของโบรกเกอร์ โดยใช้ชื่อบริษัทหรือตัวย่อ (SMCI)

วิธีที่ 3: ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF)

หากไม่ต้องการลงทุนในหุ้นโดยตรง สามารถเลือกลงทุนผ่าน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นต่างประเทศโดยไม่ต้องซื้อหุ้นรายตัวเองโดยตรง กองทุนเหล่านี้จะมีการลงทุนในหุ้นหลายบริษัทรวมถึงหุ้น SMCI ด้วยหากเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเทคโนโลยีหรือหุ้นในตลาด Nasdaq

-กองทุนที่ลงทุนใน Nasdaq 100: เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ ซึ่งอาจรวมถึงหุ้น SMCI เช่น กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นดีคิวอินเด็กซ์ (KFNDQ)

-กองทุนที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีระดับโลก: บางกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่ง SMCI อาจเป็นหนึ่งในนั้น

นอกจาก SMCI แล้ว ยังมีหุ้นต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าลงทุน เช่น NVDA, AAPL, GOOGL และหุ้นอื่นๆ อีกด้วย สำหรับผู้เริ่มต้น การซื้อขายสัญญาส่วนต่างหรือ CFD ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน ทั้งสามารถเปิดบัญชีเทรดได้อย่างสะดวกและรวดเร็วภายในวัน รองรับหลายสินค้าเทรดในบัญชีเทรดเดียว รวมถึงใช้ประโยชน์จากอัตราทดหรือเลเวอเรจเพื่อทำกำไรให้มากขึ้นด้วย 

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

การลงทุนในหุ้น SMCI จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้

ข้อดีของการลงทุนในหุ้น SMCI

• เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: SMCI เป็นบริษัทชั้นนำในด้านเซิร์ฟเวอร์และโซลูชั่นดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตในโลกดิจิทัลที่ต้องการการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ AI, Cloud Computing และ Big Data กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

  
  

• การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม : SMCI มุ่งเน้นไปที่ Green Computing หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความต้องการของตลาดในการลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล

  
  

• ขยายตัวในตลาดโลก : SMCI มีการขยายธุรกิจในหลายประเทศและมีลูกค้าระดับองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้และโอกาสในการเติบโตระยะยาวในตลาดต่างประเทศ

  
  

• แนวโน้มอุตสาหกรรมที่เติบโต : อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการประมวลผลข้อมูลมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง และ SMCI อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น Edge Computing และการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

  
  

• ความสามารถในการทำกำไรสูง :ในอดีต SMCI มีผลประกอบการและอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง เป็นสัญญาณของการบริหารจัดการต้นทุนและการทำกำไรที่มีประสิทธิภาพ

ข้อเสียของการลงทุนในหุ้น SMCI

• การแข่งขันสูง : SMCI เผชิญการแข่งขันอย่างรุนแรงจากบริษัทใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Dell, Hewlett Packard Enterprise (HPE), Cisco และบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อส่วนแบ่งการตลาดและกำไร

  
  

• ความเสี่ยงจากความผันผวนของเทคโนโลยี : อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ล้าหลังหรือการไม่สามารถปรับตัวตามแนวโน้มใหม่อาจทำให้ SMCI สูญเสียความได้เปรียบในตลาด

  
  

• ความผันผวนของหุ้น : ราคาหุ้น SMCI อาจมีความผันผวนสูง เนื่องจากบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและข่าวสาร ทำให้การลงทุนในหุ้น SMCI มีความเสี่ยงมากขึ้น

  
  

• ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดศูนย์ข้อมูล : ถึงแม้ว่าตลาดศูนย์ข้อมูลจะเติบโต แต่ความพึ่งพิงสูงเกินไปกับอุตสาหกรรมเดียวอาจเพิ่มความเสี่ยงหากมีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายหรือการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์

สำหรับ ETF ที่มีการความสัมพันธ์หรือถือหุ้นในบริษัท Super Micro Computer (SMCI) นี่คือรายชื่อ ETF ที่มีการลงทุนใน SMCI:

-iShares Expanded Tech-Software Sector ETF (IGV) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และบริการทางเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ เช่น SMCI โดยการถือหุ้น SMCI: มักจะเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

-Invesco QQQ Trust (QQQ) ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Nasdaq-100 ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ มีการถือหุ้น SMCI ในสัดส่วนที่เล็กเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ แต่ QQQ ยังคงให้การน้ำหนักกับ SMCI

-SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นส่วนหนึ่งของดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม SMCI เป็นส่วนหนึ่งของดัชนี แต่สัดส่วนของ SMCI จะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับพอร์ตทั้งหมด

-Invesco Dynamic Software ETF (PSJ) ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ อาจมีการถือหุ้น SMCI เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการผลิตฮาร์ดแวร์

การลงทุนในหุ้น Super Micro Computer (SMCI) นับว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสใน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมรรถนะสูง ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้าน เซิร์ฟเวอร์, AI, และการประมวลผลข้อมูล ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนใน SMCI ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้เข้าถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับสูง แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จะขับเคลื่อนโลกการทำงานในยุคถัดไป