คู่มือและวิธีการเล่นหุ้นระยะสั้น 2567
การเล่นหุ้นระยะสั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีการแสวงหาผลกำไรจาก ตลาดหุ้น ซึ่งแม้วิธีการนี้มักไม่ค่อยได้รับการพูดถึงในวงกว้างแต่ก็เป็นที่นิยมในตลาดหุ้นอยู่มาก คราวนี้เราจึงจะมาลองดูกันว่าการเล่นหุ้นระยะสั้นนั้นทำได้อย่างไรบ้าง และเราจะมีวิธีเล่นหุ้นระยะสั้นให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร โดยเริ่มจากการไปสำรวจดูว่าการเล่นหุ้นระยะสั้นนั้นต่างกับการทำกำไรวิธีอื่น ๆ ในตลาดหุ้นอย่างไร
วิธีการแสวงหากำไรในตลาดหุ้น
การทำกำไรในตลาดหุ้นนั้นมีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีจุดเด่นจุดด้อยและความเสี่ยงแตกต่างกันไป ซึ่งเทรดเดอร์หรือนักลงทุนก็สามารถเลือกวิธีการได้ตามรสนิยมและความต้องการของตัวเอง เช่น
การซื้อหุ้นดีเพื่อถือยาว
นี่เป็นวิธีการที่นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์มักจะแนะนำ เป็นการลงทุนที่เน้นการเลือกหุ้นดีที่มีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคตมาเก็บไว้ในพอร์ตเพื่อคาดหวังการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว
การซื้อหุ้นปันผล
วิธีนี้นักลงทุนมักเลือกหุ้นพื้นฐานที่ให้เงินปันผลดีเพื่อสร้างผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอทดแทนผลตอบแทนจากการฝากเงิน
การซื้อหุ้นขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูง
เป็นวิธีที่นักลงทุนจะคัดเลือกหุ้นเติบโตที่แม้จะมีความไม่แน่นอนในอนคตเพื่อคาดหวังการเติบโตของเงินทุนที่มากกว่าปกติ เช่น หุ้นกลุ่มสตาร์ทอัป แต่ต้องก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
การเล่นหุ้นระยะสั้น
วิธีนี้เป็นการจับจังหวะความผันผวนของราคาหุ้นเพื่อเข้าทำกำไรในส่วนต่างของราคาระยะสั้น ซึ่งเป็นการสร้างกระแสเงินสดด้วยเงินทุนที่ไม่มากนัก และรอบการซื้อขายจะใช้เวลาสั้นมากตั้งแต่เสี้ยววินาที (HFT) การเทรดรายวัน ไปจนถึงรายสัปดาห์
-โดยทั่วไปแล้วการเล่นหุ้นระยะสั้นมี 2 แบบ คือ
1. การซื้อขายหุ้นจริง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์
วิธีนี้เป็นการเล่นหุ้นแบบดั้งเดิมคือต้องมีการเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้น เช่น บัวหลวง ฯลฯ เพื่อทำการซื้อขายหุ้นจริง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในระหว่างที่ถือครองหุ้นอยู่เทรดเดอร์จะได้เป็นเจ้าของหุ้นที่ซื้อมานั้นจริง ๆ และได้รับสิทธิเหมือนกับผู้ถือหุ้คนอื่น ๆ ทุกประการ
2. การเทรดหุ้นด้วยตราสารอนุพันธ์ผ่านโบรกเกอร์ CFD
วิธีการเล่นหุ้นแบบนี้นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นจะไม่ได้ถือครองหุ้นที่ซื้อและไม่ได้เป็นเจ้าของของหุ้นที่ซื้อนั้นแต่ก็ยังสามารถเก็งกำไรได้จากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ซื้อนั้น และยังได้เปรียบในหลายด้าน เช่น โอกาสในการทำกำไร เรื่องเงินทุนเริ่มต้น ต้นทุนในการซื้อขาย เวลาการซื้อขาย ความสภาพคล่อง เป็นต้น
การซื้อขายหุ้นจริง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์
อย่างที่กล่าวไปว่าวิธีนี้คือการที่เทรดเดอร์ต้องเข้าซื้อหุ้นจริงในตลาด ซึ่งเทรดเดอร์จะได้เป็นเจ้าของหุ้นและได้สิทธิเหมือนผู้ถือหุ้นคนอื่นตลอดระยะเวลาการถือครองหุ้นนั้น
ข้อดี
มีตั้งแต่สิทธิที่จะได้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น การได้วอแรนท์ การแตกพาร์ สิทธิจองซื้อหุ้นลูก ฯลฯ ที่มากับตัวหุ้นนั้น ๆ
แต่ด้วยกฎระเบียบข้อบังคับของตลาดหุ้นไทย และเงื่อนไขของเครื่องมือทางการเงินอย่างหุ้นก็ก่อให้เกิดข้อจำกัดกับเทรดเดอร์ที่นิยมเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยวิธีนี้เหมือนกัน
ข้อเสีย
ต้องลงทุนเต็มจำนวน
การซื้อขายหุ้นใช้เงินทุนไม่น้อย ไม่เพียงแค่จำเป็นต้องซื้อขายเต็มจำนวน (มีน้อยรายที่สามารถใช้บัญชีมาร์จิ้นได้ แต่ส่วนใหญ่โบรกเกอร์จะไม่อนุมัติ) แต่การซื้อขายหุ้นยังต้องมีขั้นต่ำที่ 100 หุ้น ทำให้หากต้องการซื้อหุ้นที่ราคา 200 บาท ก็จำเป็นต้องใช้เงินตั้งต้น 20,000 บาท บวกด้วยค่าคอมมิสชั่นขั้นต่ำ 53 บาทเป็นอย่างน้อย
มีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องและเงื่อนไขในการซื้อขาย
วิธีนี้นอกจากมีการจำกัดปริมาณซื้อขายที่ต้องเพิ่มเป็นหน่วย 100 แล้ว ราคาที่ทำการซื้อขายก็ถูกจำกัดด้วยส่วนต่างราคาที่ค่อนข้างกว้างเช่น หุ้นราคา 50-100 บาท ต้องเพิ่มราคาครั้งละ 0.25 บาท และหุ้นบางตัวยังมีสภาพคล่องต่ำทำให้ซื้อขายยาก
มีต้นทุนการซื้อขายสูง
การคิดค่าคอมมิสชั่นของการซื้อขายหุ้นเป็นสัดส่วนราว 0.278 %ของมูลค่าซื้อขายหุ้น ซึ่งจะคิดทั้งขาซื้อและขาขาย นั่นหมายความว่าการซื้อขายหุ้นด้วยเงินทุน 1,000,000 บาท จะต้องเสียค่าคอมมิสชั่นราว 5,400 บาท ซึ่งจะเป็นภาระโดยเฉพาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องทำการซื้อขายบ่อยครั้ง
เป็นวิธีที่ใช้ทำกำไรในตลาดขาขึ้นได้อย่างเดียว
จึงทำกำไรได้เพียงแค่การซื้อถูกขายแพงเท่านั้น
มีขั้นตอนและกฎระเบียบมาก
นอกจากการเปิดบัญชีหุ้นที่ต้องกรอกเอกสารหลายขั้นตอน ในแง่ของระบบการถอนเงินหรือการประมวลผลก็ยังต้องใช้เวลา เช่น การถอนเงินออกจากบัญชีปัจจุบันใช้เวลา T+2 เป็นต้น
อาจไม่ได้รับสิทธิจากการถือครองหุ้นจริง ๆ
แม้วิธีนี้จะมีข้อดีในแง่การได้เป็นเจ้าของหุ้น แต่ในกรณีที่เทรดเดอร์มีการซื้อขายเร็ว และมีช่วงเวลาถือครองหุ้นสั้น เช่นการเทรดในวัน ก็จะเสมือนว่าไม่ได้ครอบครองหุ้นนั้น ทำให้ไม่ได้รับประโยชน์ตรงนี้ได้จริง ๆ
จะเห็นได้ว่าในการเล่นหุ้นระยะสั้น การเทรดด้วยหุ้นจริง ๆ ยังมีข้อจำกัดสำหรับการทำกำไรอยู่ ทั้งด้านเงินทุนและสภาพคล่อง และในกรณีที่ต้องการเทรดด้วยระยะสั้นมาก ๆ เช่น การเทรดในวัน เทรดเดอร์ก็จะไม่ได้รับสิทธิจากการถือหุ้น เนื่องจากสิทธิจากการถือหุ้นตัดรอบตอนสิ้นวัน ดังนั้นวิธีนี้จึงอาจะไม่ใช่เครื่องมือที่ทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบนัก
การเทรดตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD
การเทรดตราสารอนุพันธ์หุ้นด้วย CFD (ชื่อเต็ม Contract for Difference ภาษาไทยเรียกว่า สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นแบบระยะสั้น เรามาดูทั้งข้อดีและข้อเสียของการซื้อขายหุ้นด้วยวิธีนี้
ข้อดี
เทรดด้วยเลเวอเรจ
เพียงฝากเงินมาร์จิ้นจำนวนน้อยก็สามารถเปิดคำสั่งและมีโอกาสทำกำไรก้อนใหญ่ด้วยอัตราทด ยิ่งมีการใช้เลเวอร์เรจจำนวนสูงแค่ไหนก็ยิ่งมีโอกาสได้ผลกำไรสูงเท่านั้น (เช่นเดียวกับผลขาดทุน)
ทำกำไรได้ทั้งแนวโน้มราคาขาขึ้นและขาลง
ช่วยขยายโอกาสการทำกำไรของเทรดเดอร์ให้ทำกำไรได้แม้ในภาวะตลาดที่เป็นขาลง
มีความคล่องตัวสูง
การซื้อขายด้วยสัญญา CFD นั้นมีข้อได้เปรียบตรงที่มีความคล่องตัวสูงกว่าการซื้อขายหุ้นมาก ทำให้สามารถเปิดปิดคำสั่งได้รวดเร็วโดยไม่เสียราคา
การเทรดแบบ T+0
เมื่อทราบผลกำไรในพอร์ตแล้วสามารถถอนออกได้ทันที ซึ่งระยะเวลาการถอนเงินขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละโบรกซึ่งจะมีระบุให้ทราบ
เป็นตลาดการเงินที่มีความโปร่งใส่เป็นธรรมกว่า
การเทรด CFD อ้างอิงราคาสินค้าหลายชนิด เช่น ค่าเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และดัชนี ซึ่งตลาดเหล่านี้เป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่มาก มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงและมีผู้เล่นหลากหลาย จึงไม่มีใครสามารถชี้นำตลาดได้ ตลาดเหล่านี้จึงชื่อได้ว่ามีความโปร่งใสสูง
เปิดบัญชีง่ายและรวดเร็ว
การเปิดบัญชีซื้อขาย CFD มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้งหมด ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถลงทะเบียนเปิดบัญชีที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าอย่างที่สุด
ทั้งนี้การเทรด CFD ก็ยังมีข้อเสียอยู่เช่นเดียวกัน
ข้อเสีย
ไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้น
เทรดเดอร์จึงไม่ได้รับสิทธิใด ๆ ก็ตามที่จะมาจากการถือครองหุ้นนั้น ๆ ไม่ว่าจะใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ในการลงทุนก็ตาม
มีเฉพาะหุ้นต่างประเทศให้เลือกเทรด
การเทรดหุ้นด้วย CFD นั้นจะมีเฉพาะหุ้นของบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับ เช่น Amazon, BABA, APPL ฯลฯ ซึ่งยังไม่มีการเปิดให้เทรดหุ้นในประเทศไทย
มีความเสี่ยงของโบรกเกอร์
เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการเทรด CFD โบรกเกอร์ทั้งหมดที่ให้บริการในปัจจุบันจึงเป็นโบรกเกอร์จากต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นอาจถูกโกงจากโบรกเกอร์ที่ฉ้อฉลได้
การเทรดด้วยเลเวอร์เรจมีความเสี่ยงสูง
แม้จะช่วยขยายความสามารถในการทำกำไร แต่ถ้าเทรดพลาดก็อาจขาดทุนมากมายได้เช่นเดียวกัน
เปรียบเทียบการซื้อขายหุ้นจริง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์และการเทรดตราสารอนุพันธ์หุ้น CFD
การซื้อขายหุ้นจริง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ | การเทรดหุ้นด้วย CFD | |
ความเป็นเจ้าของหุ้น | ใช่ | ไม่ใช่ |
เงินทุนที่ใช้ | ปานกลาง-สูง | ต่ำ |
ความเข้มงวดของกฎระเบียบ | สูง | ต่ำ |
การใช้เลเวอร์เรจ | ไม่มี | มี |
วิธีการทำกำไร | ได้เฉพาะขาขึ้น | ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง |
วิธีทำกำไรในตลาดหุ้นนั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งสิ่งที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจที่สุดก็คือความต้องการและรสนิยมในการเทรดของตัวเอง
◆ นักลงทุนที่ต้องการประโยชน์จากการถือครองหุ้นและมีเงินทุนเป็นจำนวนมากก็สามารถเลือกทั้งการเทรดหุ้นจริงในตลาดหลักทรัพย์ที่จะทำให้ได้ประโยชน์จากการถือหุ้นและมีความเสี่ยงต่ำกว่าหรือเทรดหุ้นผ่าน CFD ได้
◆ ขณะที่ผู้ที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดด้วยการเล่นหุ้นระยะสั้นอาจเลือกเทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์ CFD ที่ใช้ต้นทุนน้อยกว่า มีความคล่องตัวในการเทรดมากกว่า และจะทำให้ได้เปรียบในตลาดมากกว่า
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด มีแค่เหมาะกับเราหรือไม่และใช้ทำกำไรได้หรือเปล่าเท่านั้น
ฝึกเทรดหุ้น CFD กับโบรกเกอร์ชั้นนำเดี๋ยวนี้ >>
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน