หุ้น Vinfast น่าลงทุนไหม? แนะนำ 2 วิธีการซื้อหุ้น Vinfast ที่ง่ายๆ

หุ้น Vinfast กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีหลังจากเข้าเทรดในตลาดหุ้น Nasdaq ได้ไม่ถึงเดือนอันเนื่องมาจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเกือบ 4 เท่าตัวจากราคาก่อนหน้า และปัจจุบันก็ได้ปรับลงมาแล้วกว่า 70% จากจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อวันที่ 28 สิงหา 2566 ที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนี้ หุ้น Vinfast มีที่มาที่ไปอย่างไร และที่ราคาปัจจุบันยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนหรือไม่ คราวนี้เราจะมาหาคำตอบให้กับสิ่งเหล่านี้กัน

Vinfast เป็นบริษัทยานยนต์หน้าใหม่ของวงการยานยนต์โลกที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของบริษัทแม่ Vingroup บริษัทยักษ์ใหญ่ของเวียดนามที่ประกอบธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจเทคโนโลยี ยานยนต์ อสังหา เทรดและบริการ แต่แม้ว่า Vinfast จะเป็นบริษัทสัญชาติเวียดนาม ตัวบริษัทได้ถูกจดทะเบียนและมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์โดยตั้งเป้าที่จะผลิตยานยนต์ส่งออกไปทั่วโลกและปัจจุบันก็แทบจะเรียกได้ว่า Vinfast กลายเป็นบริษัทรถยนต์แห่งชาติของเวียดนามไปแล้ว

Lux A 2.0

Vinfast เริ่มต้นธุรกิจในช่วงแรกปี 2560 ด้วยการเปิดโรงงานบนพื้นที่กว่า 827 เอเคอร์ในเวียดนาม บริษัทใช้เวลาเพียง 21 เดือนเพื่อสร้างโรงงานพร้อมคอมมูนิตี้คอมเพล็กซ์ขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าและการผลิต จากนั้นในปีถัดมาก็ได้เปิดตัว Lux Model ที่งาน Paris Motor Show จนได้รางวัล “A Star is Born” จาก AUTOBEST และปีถัดมาก็ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าโมเดลใหม่อย่างรถซีดาน Lux A2.0, รถ SUV Lux SA2.0, และรถยนต์ขนาดเล็ก Fadil พร้อมกับการวางขายสกูตเตอร์ไฟฟ้ารุ่น Ludo, Impes, และ Klara ในตลาดเวียดนาม

VF e34

การเติบโตของบริษัทในช่วงถัดมาเริ่มในปี 2563 ที่ Vinfast ได้กลายเป็นผู้นำด้านยอดขายรถยนต์ในเวียดนาม และในปี 2564 บริษัทก็ได้วางขายสกูตเตอร์ไฟฟ้าอีกสองรุ่น รวมทั้งเปิดตัวรถบัสไฟฟ้าคันแรก การเปิดตัวที่น่าตื่นเต้นของบริษัทเกิดขึ้นในปีเดียวกันนั้นที่ Vinfast ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแบบ SUV ขนาดเล็ก รุ่น VF e34 โดยเป็นการวางขายในเวียดนาม และเปิดตัวรถยนต์พรีเมี่ยม SUV รุ่น VF 8 และ VF 9 สำหรับการส่งออกสู่ตลาดโลก

VF8

ในปี 2565 Vinfast เริ่มรุกเข้าสู่ตลาดโลกเต็มตัวด้วยการเปิดจองรถไฟฟ้ารุ่น VF8 และ VF9 พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย พร้อมเปิดโชว์รูมรถไฟฟ้าในสหรัฐ แคนาดาและยุโรป และเริ่มส่งมอบรถรุ่น VF8 และ VF9 ได้ในปีถัดมา นอกจากนี้ในปี 2565 บริษัทยังประกาศวิสัยทัศน์ในการเข้าสู่การผลิตรถ EVในทุกประเภทและได้ประกาศตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่รัฐนอร์ทแคโรไลน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา บทพื้นที่กว่า 828 เอเคอร์ ซึ่งคาดว่าเมื่อแล้วเสร็จในปี 2567 จะมีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้กว่า 150,000 คันต่อปี 

ตัวบริษัทเริ่มมีแนวคิดที่จะส่งธุรกิจเข้าทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐแล้วตั้งแต่ปี 2565 แต่เนื่องจากความกังวลในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนจากทั้งเงื่อนไขของภาคเศรษฐกิจและการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ การนำ Vinfast เข้าเทรดในตลาดหุ้นสหรัฐจึงถูกเลื่อนมาจนถึงปี 2566

การเข้าเทรดในตลาดหุ้นสหรัฐของหุ้น Vinfast เกิดขึ้นในปี 2566 ในวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาภายใต้ชื่อย่อ VFS (VinFast Auto Ltd.) ทันทีที่เข้าเทรดในตลาดก็สร้างปรากฏการณ์เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดแตะ $1 แสนล้านเร็วที่สุดโดยใช้เวลาเพียง 10 วันหลังจากเข้าเทรดเท่านั้น ขณะที่ Tesla กว่าจะมีมูลค่าตามราคาตลาดแตะ $1 แสนล้านได้ก็เพิ่งเกิดขึ้นในปี 2563 นี้เอง 

ในช่วงที่มูลค่าตามราคาตลาดของหุ้น Vinfast พุ่งขึ้นสูงสุดนั้นมีมูลค่าถึง $191.23 พันล้านในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 จากนั้นมูลค่าตามราคาตลาดของหุ้น Vinfast ก็ปรับลดลงมาเรื่อย ๆ ตามราคาหุ้นที่ปรับลงกว่า 70% จากราคาสูงสุด จนปัจจุบันหุ้น Vinfast ยังคงมีมูลค่าตามราคาตลาดที่ $68.49 พันล้าน 

ในเวลาเพียงสองสัปดาห์หลังจากที่หุ้น Vinfast เข้าเทรดในตลาดหุ้นสหรัฐมีการปรับตัวขึ้น 480% จนทำราคาสูงสุดที่ $93 จากนั้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจนทำราคาต่ำสุดที่ $26.3 หรือปรับลงแล้วกว่า 71.7% เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนี้จนทำให้ราคาปรับขึ้นลงได้อย่างรุนแรงในเวลาไม่กี่วัน เราคงต้องมาดูที่วิธีเข้าเทรดในตลาดหุ้นสหรัฐของหุ้น Vinfast กันก่อน

1. การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐของหุ้น Vinfast เกิดจากการควบรวมกิจการด้วยวิธีพิเศษ (SPAC - Special Purpose Acquisition Company) กับบริษัท Black Spade Acquisition Co. (NYSE: BSAQ) ที่มีหุ้นอยู่เดิมในตลาดหุ้นอยู่แล้ว ข้อตกลงการควบรวมกิจการจบลงด้วยการที่ Vinfast เข้าซื้อหุ้นบริษัท Black Sprade ในราคาหุ้นละ $10 รวมมูลค่าดีลทั้งหมดกว่า $23 พันล้าน ซึ่งภายหลังการควบรวมกิจการในครั้งนี้ Pham Nhat Vuong ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Vingroup ก็ยังคงเป็นเจ้าของหุ้น Vinfast กว่า 99% ของหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ 2.3 พันล้านหุ้น เมื่อไม่ได้มีรายงานว่าผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง Pham Nhat Vuong ขายหุ้นออกมา แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่หุ้น Vinfast ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด (Free Float) จะมีปริมาณน้อยกว่า 1% หรือราว 23 ล้านหุ้น

2. การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น Vinfast ที่เป็นผลจาก free float ต่ำ

การมีปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดน้อยมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น Vinfast นั่นคือทำให้ปริมาณขายหุ้นที่นำมาขายในตลาด (Ask) มีจำนวนเบาบาง เมื่อมีความต้องการซื้อเข้ามาจำนวนมากก็จะทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว และส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ของหุ้น Vinfast เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน แต่แม้จะมีหุ้นบางส่วนของ Vinfast สามารถขายได้ที่ราคา $191.23 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทั้งหมดของ Vinfast จะสามารถขายได้ที่ราคาเดียวกันนั้น ที่ราคา $191.23 จึงเป็นราคาที่ไม่เสถียรและต้องปรับลงมาเมื่อมีผู้ขายหุ้นและไม่ได้มีคนรับซื้อที่ราคาแพงกว่านั้น

ราคาหุ้น Vinfast ยังปรับลงได้เร็วจากการปรับขึ้นที่ไม่ได้อิงมูลค่าพื้นฐาน แต่เป็นการปรับตัวขึ้นด้วยปัจจัยทางเทคนิค ทำให้ผู้ซื้อชะลอการซื้อหุ้นและมี Bid เบาบาง เมื่อมีผู้ขายหุ้นออกมาจึงทำให้ราคาปรับตัวลงได้เร็วเช่นกัน

การปรับขึ้นลงของหุ้น Vinfast ที่มีความหวือหวาและไม่เสถียรนี้ดูได้จากปริมาณการซื้อขายหุ้น (Volume) ที่เบาบางเฉลี่ย 7 วันที่ 5,636,663  หุ้น ขณะที่ความผันผวนของราคา (SD) มีสูงที่ 19.14 เท่า เทียบกับหุ้น BYD ที่มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 7 วันที่ 8,758,055 หุ้น แต่มีความผันผวนของราคาเพียง 4.5 เท่า 

จากงบการเงินของหุ้น Vinfast สิ้นปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม $14.96 พันล้าน แต่ยังมีผลดำเนินงานขาดทุน $49.78 ล้านอันเนื่องมาจากรายจ่ายด้านการดำเนินงาน บวกรวมกับการลงทุนในโรงงานที่สหรัฐ ทำให้ตัวหุ้นยังไม่สามารถคำนวณค่า PE ได้ และยังมี EPS ติดลบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจสำหรับหุ้นสตาร์ทอัปที่เพิ่งเริมดำเนินงานมาได้ไม่นาน

อย่างไรก็ดี ตัวกิจการ Vinfast ยังคงมีมูลค่าอยู่ที่ $72.12 พันล้าน และมีแนวโน้มที่บริษัทจะสามารถเปิดใช้โรงงานที่สร้างขึ้นในรัฐสหรัฐได้ในช่วงปี 2567 ทำให้ปีหน้าค่อนข้างมีโอกาสที่ดีที่จะทำให้เห็นความคืบหน้าของการส่งมอบรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น นำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าโรงงานที่อเมริกาจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 150,000 คันต่อปีเพื่อป้อนตลาดอเมริกา แคนาดา และยุโรป ที่มีความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในระดับสูง ซึ่งถือเป็นแน้วโน้มที่ดี

ในส่วนของหุ้น Vinfast ที่เริ่มเทรดในตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมายังมีการซื้อขายได้ไม่นาน ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่อาศัยข้อมูลในอดีตเพื่อมองหาแนวโน้มในอนาคตยังไม่สามารถใช้วิเคราะห์ได้เต็มที่ แต่จากรูปแบบราคาที่ทำจุดกลับตัวไว้ที่โซนราคา $90 ขึ้นไปก็มีแนวโน้มว่าราคาในปัจจุบันควรมีการปรับฐานลงมาก่อน และนักลงทุนไม่จำเป็นต้องรีบเข้าซื้อ กลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีจึงอาจเป็นการเทรดในระยะสั้นไปก่อน

สำหรับการลงทุนในหุ้น Vinfast ในประเทศไทยนั้นไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนในตลาดหุ้นไทย (SET) ที่ตอบโจทย์นี้ได้ นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้น Vinfast จึงต้องซื้อขายด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินตัวอื่น หรือเลือกบริการซื้อขายหุ้น Vinfast ในต่างประเทศจากผู้ให้บริการในประเทศไทยแทน

1. เทรดหุ้น Vinfast ผ่าน CFD

การเทรดหุ้น Vinfast ด้วย CFD หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Difference) เป็นการเทรดสัญญาอนุพันธ์รูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของหุ้น แต่สามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นได้ทั้งในทิศทางราคาขาขึ้นและขาลงด้วยเงินทุนตั้งต้นไม่มาก แต่ใช้ความได้เปรียบจากอัตราทดในการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับเงินทุน จนสามารถทำกำไรได้แบบไม่จำกัด ในทางตรงกันข้ามผลิตภัณฑ์ทางการเงินตัวนี้ก็มีความเสี่ยงสูงที่ทำให้นักลงทุนต้องขาดทุนทั้งหมดได้เช่นเดียวกัน

▲ ข้อดี

• ใช้เงินลงทุนน้อย เริ่มต้นเพียง $50 ก็สามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่รวมแค่หุ้น Vinfast แต่ยังมีสกุลเงินต่างประเทศ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี สกุลเงินดิจิทัล ฯลฯ

• คาดหวังผลกำไรจำนวนมากจากความได้เปรียบด้านอัตราทด ด้วยการให้อัตราทดของการเทรดหุ้นสูงสุดถึง 1:10 ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรเป็น 10 เท่าของเงินลงทุนได้แบบไม่ยาก

     

• มีสภาพคล่องสูง ไม่ต้องรอ Bid & Ask จากนักเทรดด้วยกันเนื่องจากโบรกเกอร์จะเป็นผู้จัดหาสภาพคล่องในการเทรดสัญญา CFD ให้ ช่วยให้ได้ราคาที่ดีกว่าสำหรับหุ้นที่มีสภาพคล่องไม่มาก

• ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง การเทรด CFD เป็นเครื่องมือทางอนุพันธ์ที่ช่วยให้ทำกำไรได้ทั้งในทิศทางราคาขาขึ้นด้วยการเปิดสถานะ Long และการทำกำไรในทิศทางราคาขาลงด้วยการเปิดสถานะ Short

• การเปิดบัญชีทำได้ง่าย ใช้เอกสารไม่มาก อนุมัติรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเริ่มการเทรดได้ทันที

▲ ข้อเสีย

• ไม่ได้ทำให้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ เนื่องจากเป็นการซื้อขายสัญญาอนุพันธ์ ทำให้นักลงทุนไม่ได้มีสิทธิเหมือนผู้ถือหุ้น ไม่ได้สิทธิในปันผลและการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น

• มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการใช้อัตราทดทำให้ CFD มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาก่อนเริ่มลงทุน

• มีต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap) หากมีการถือสถานะข้ามวันซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนส่วนเพิ่มสำหรับการลงทุนในระยะยาว

▲ ผู้ให้บริการ

Mitrade เป็นโบรกเกอร์ผู้ให้บริการซื้อขาย Forex และ CFD ที่มีสำนักงานใหญ่ในออสเตรเลีย ให้บริการซื้อขาย CFD ที่อ้างอิงราคาสินค้าหลากหลาย รวมทั้งหุ้น Vinfast: VFS ด้วยขนาดขั้นต่ำในการเทรด 1 Lot ที่เท่ากับ 1 หุ้น และให้อัตราทดกับการเทรดหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 1:10 นั่นคือสามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของเงินลงทุนได้ถึง 10 เท่า และมีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้น 10 เท่าด้วยเช่นกัน Mitrade ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC, CIMA และ FSC ทำให้เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงอีกด้วย

   

เทรดหุ้น Vinfast กับโบรกชั้นนำในโลก!!!    

     

🎁 รับโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 

หรือ             

💰 ทดลองเทรดด้วยเงินเสมือนจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์ไว้ก่อน!    

รับโบนัสเดี๋ยวนี้    

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

2. ลงทุนหุ้น Vinfast ผ่านผู้ให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ

การลงทุนหุ้น Vinfast ผ่านผู้ให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศเป็นบริการใหม่ที่แตกยอดจากผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์เดิมในประเทศไทยที่ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก และไม่จำเป็นต้องแลกเงินก่อนลงทุน ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงการลงทุนหุ้นและ ETF ในตลาดหุ้นอเมริกาได้

▲ ข้อดี

• ได้เป็นเจ้าของหุ้นและมีสิทธิในความเป็นเจ้าของหุ้นทุกประการ

• ลงทุนได้ง่ายจากผู้ให้บริการในประเทศไทย

• ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำเพียง 50 บาท

▲ ข้อเสีย

• ทำกำไรได้เฉพาะทิศทางราคาหุ้นขาขึ้น

• มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายสูง โดยคิดที่ 0.15% ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ซื้อขาย + ภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% + ค่าธรรมเนียมการขาย (TAF Fee) 0.000119 USD ต่อการขายหุ้น 1 หุ้น

• มีเงื่อนไขด้านภาษีที่ต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม โดยต้องนำกำไรที่ได้ไปยื่นเสียภาษีตามกฎหมายอเมริกา

• ไม่มีความได้เปรียบด้านอัตราทด ผลกำไรหรือขาดทุนที่ได้จะเท่ากับราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ

▲ ผู้ให้บริการ

InnovestX เป็นแอปเทรดหุ้นต่างประเทศจากบริษัทในเครือ SCB รองรับการเทรดหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งสามารถใช้เทรดหุ้น Vinfast รวมทั้งการเทรดหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงได้ด้วย

Dime เป็นแอปเทรดหุ้นต่างประเทศจากกลุ่มการเงินภัทร ที่มีจุดเด่นตรงที่ให้นักลงทุนสามารถเทรดหุ้นต่างประเทศได้ฟรี 1 ครั้งต่อเดือน และมีขั้นต่ำในการลงทุนเพียง 50 บาทเท่านั้น แต่กำไรที่ได้ไม่มีการใช้อัตราทดจึงจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับเงินทุนที่ลงไป

NEXT เป็นแอปเทรดหุ้นต่างประเทศจาก KTB ให้นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้ด้วยเงินบาทโดยที่ไม่ต้องแลกเงินเป็นดอลลาร์ก่อน และเป็นอีกหนึ่งแอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการลงทุนให้กับนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ

และทั้งหมดนี้ก็คือหุ้น vinfast บริษัทผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากเวียดนามที่มีความฝันที่จะก้าวสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันเราก็เริ่มเห็นพัฒนาการของหุ้นตัวนี้ตั้งแต่การเริ่มผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ไปจนถึงการสร้างโรงงานในต่างประเทศ จนมาถึงการเข้าเทรดในตลาดหุ้นสหรัฐที่แม้จะยังไม่สามารถระดมทุนไปได้มาก แต่ก็เป็นหลักหมุดหนึ่งของบริษัทที่จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก