หุ้น BYD น่าซื้อไหมและวิธีการซื้อเป็นยังไง

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

ในปี 2567 ยอดขายรถ EV ในจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นตลาด EV ที่เติบโตสูงที่สุดในโลกท่ามกลางการสงครามราคาและแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม BYD ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำ โดยปี 2567 มียอดขายทั้งหมด 3,740,930 คัน เพิ่มขึ้น 40% YoY ทำให้หุ้น BYD ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในธุรกิจที่กำลังเติบโตสูงนี้ แต่ในปี 2568 นี้หุ้น BYD จะยังน่าซื้อหรือไม่ มีอะไรที่เราควรรู้เกี่ยวกับหุ้นตัวนี้บ้าง เราลองมาดูกัน

หุ้น BYD คือหุ้นอะไร ทำความรู้จักกับ BYD

รถยนต์ BYD


BYD Co., Ltd. เป็นบริษัทผลิตยานยนต์สัญชาติจีนที่ก่อตั้งเมื่อปี 2538 โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ที่สามารถนำกลับมาชาร์จใหม่ได้ และเข้าเทรดในตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อปี 2545 ด้วยรหัสหุ้น 01211 จากนั้นบริษัทเริ่มเบนเข็มเข้าสู่การผลิตรถยนต์อีวีในปีถัดมา ปัจจุบัน BYD มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซีอาน ประเทศจีน มีโรงงานผลิตยานยนต์ รถบัส รถบรรทุก มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถยก แบตเตอรี่รถยนต์ และปัจจุบันยังประกอบโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEVs (battery electric vehicles) และ PHEVs (plug-in hybrid electric vehicles)  


ในปี 2565 BYD เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าแรกในจีนที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 1 ล้านคัน


นอกจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD ยังมีหน่วยผลิตแบตเตอรี่ที่ชื่อว่า FinDreams Battery ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยส่วนแบ่ง 12% ในตลาดโลกนับจากครึ่งปีแรกของปี 2565 FinDreams Battery โดยเน้นไปที่การผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ถัดมาในปี 2566 FinDreams ได้ตั้งบริษัทร่วมกับ Huaihai Holding Group ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ จักรยานสามล้อและสกูตเตอร์เพื่อผลักดันการเป็นผู้จัดหาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนระดับโลก


ปัจจุบัน BYD มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ $109.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า โดย BYD เป็นผู้ผลิตยานยนต์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก Tesla ($565.95 พันล้าน) และ Toyota ($298.14 พันล้าน)

โครงสร้างธุรกิจหุ้น BYD และปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้น

BYD DEDIGN


ปัจจุบันหุ้น BYD ยังผลิตทั้งรถยนต์ที่ใช้น้ำมันควบคู่ไปกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ต่อยอดมาจากธุริกจผลิตแบตเตอรี่ดั้งเดิมของตัวเองด้วยพันธกิจที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้เป็น 0 บริษัทเน้นการวิจัยและพัฒนาจากสถาบันวิจัยที่จัดตั้งขึ้นเอง เพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าหลักของบริษัท ได้แก่


1. รถยนต์ BYD 

ใช้เทคโนโลยีหลากหลายในการผลิตรถรองรับทั้ง BEVs (battery electric vehicles) และ PHEVs (plug-in hybrid electric vehicles) ขณะที่ Tesla รองรับเฉพาะรถ BEVs ซึ่งให้ทางเลือกกับผู้บริโภคได้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีรุ่นรถยนต์ที่หลากหลายกว่า 30 รุ่น ตั้งแต่ SUV ซีดาน รถยนต์ไฮบริด ไปจนถึงรถยนต์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ BYD ยังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับกลุ่มแท็กซี่สำหรับการสนับสนุนการใช้งานทั้งในประเทศจีนเองและการส่งออกไปต่างประเทศด้วย


2. รถบัสไฟฟ้า 

ไม่ใช่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตสูงในปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มที่จะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งในปี 2554 BYD ได้ส่งมอบรถบัสไฟฟ้าไปทั่วโลกแล้วกว่า 70,000 คัน และยังเปิดโรงงานผลิตรถบัสไฟฟ้าเพิ่มในฮังการีเพื่อป้อนตลาดในยุโรป


3. รถบรรทุกไฟฟ้า 

เป็นประเภทรถที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเนื่องจากรถบรรทุกไฟฟ้าใช้ค่าดูแลรักษาต่ำกว่ารถบรรทุกที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการปล่อยมลพิษน้อยกว่า ซึ่ง BYD ให้บริการรถบรรทุกไฟฟ้าแล้วกว่า 10,000 คันทั่วโลก ตั้งแต่สวีเดนไปจนถึงสหรัฐอเมริกา และตลาดกลุ่มนี้ก็กำลังเติบโตอย่างน่าสนใจเช่นกัน


4. แบตเตอรี่ 

พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะเป็นแบตเตอรี่แบบบาง (Blade Battery) ที่มีความปลอดภัยสูง แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้ยาวนานากว่า 372 ไมล์สำหรับการชาร์จหนึ่งครั้งและกำลังพัฒนาให้เพิ่มขึ้นเป็น 434-497 ไมล์ในอนาคต 


5. เซมิคอนดักเตอร์ 

BYD มีความได้เปรียบจากค่ายรถไฟฟ้าเจ้าอื่นจากการที่ตัวเองสามารถผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับบริษัทเทคโนโลยีในจีนที่อาจถูกจำกัดการเข้าถึงโดยสหรัฐและชาติพันธมิตร ทำให้ BYD ไม่มีความเสี่ยงของการขาดแคลนชิปเหมือนบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ และยังมีแผนที่จะนำธุรกิจนี้เข้า IPO เพื่อระดมทุนต่อในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้กว่า $424 ล้าน


  • BYD แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งตลอดปี 2567 โดยมีการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยสำคัญในหลายกลุ่มธุรกิจ

  • บริษัทสร้างรายได้ 301.1 พันล้านหยวนในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 คิดเป็นเกือบ 50% ของรายได้รวมทั้งปี 2566


ไตรมาส 3 รายได้แตะระดับ 201.12 พันล้านหยวน (28.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 24.04% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ไตรมาสนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากรายได้ของ BYD สูงกว่า Tesla เป็นครั้งแรก


บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 1.9 ล้านคันในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2024 และสร้างสถิติยอดขายรายเดือนสูงกว่า 500,000 คันในช่วงปลายปี 2567 ด้วยยอดขาย 502,700 คัน ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) รวมทั้งปี 2567 อยู่ที่ 4.27 ล้านคัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3.6 ล้านคัน


ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) เติบโต 12.08% ในปี 2567 ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) สำหรับผู้โดยสารแสดงการเติบโตที่โดดเด่น โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 72.83% เป็น 2.49 ล้านคัน


นอกจากนี้ BYD ยังลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา 33.32 พันล้านหยวนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้น 33.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบริษัทรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในตลาดในประเทศ พร้อมกับขยายการดำเนินงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดยุโรป


ผลกระทบที่มีต่อหุ้น BYD

BYD ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการที่ Warren Buffett ประกาศลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือต่ำกว่า 5% ในเดือนกรกฎาคม 2567 ส่งผลให้ราคาหุ้นในตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลงทันทีกว่า 3% และทำให้ราคาหุ้นตลอดปีที่ผ่านมาลดลงเกือบ 9%


อย่างไรก็ตาม BYD แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการฟื้นตัว โดยหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 10% ในปี 2567 ขณะที่หุ้นในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นถึงเกือบ 30% สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะสูญเสียการสนับสนุนจาก Warren Buffett แต่นักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่น

วิเคราะห์หุ้น BYD หุ้น BYD น่าลงทุนไหมปี 2568

สถานการณ์และภาพรวมธุรกิจ

BYD ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอย่างแข็งแกร่ง ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในปี 2567 ที่ 3.024 ล้านคัน เติบโต 61.9% จากปีก่อน แม้จะเผชิญการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นจนต้องปรับลดราคารถยนต์ 5-20% ในหลายรุ่น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 16.2%


จุดแข็งและความได้เปรียบ

บริษัทมีห่วงโซ่การผลิตแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการผลิตแบตเตอรี่และชิปซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีต้นทุนสูงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ยอดการผลิตที่สูงยังช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ลดต้นทุนต่อหน่วยลงได้อย่างมีนัยสำคัญ


ฐานะการเงิน

BYD มีความแข็งแกร่งด้านการเงินสูง ด้วยเงินสดในมือกว่า 214 พันล้านหยวน ขณะที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.3 เท่า สะท้อนความสามารถในการลงทุนขยายธุรกิจและรับมือกับการแข่งขันในตลาด อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ยังอยู่ในระดับสูงที่ 18.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม


การประเมินมูลค่า

ปัจจุบันหุ้น BYD ซื้อขายที่ระดับ PE 18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 25 เท่า สะท้อนว่าตลาดได้ตีราคาความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงไปพอสมควรแล้ว และเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าสะสมที่ราคาที่น่าสนใจ


การวิเคราะห์ทางเทคนิค

กราฟราคา BYD

ที่มา: tradingview


ราคามีการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 170-180 HKD ในช่วงต้นปี 2567 โดยปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 320 HKD ในเดือนกันยายน 2567 หลังจากนั้นราคาเข้าสู่ช่วงพักตัวในกรอบ Sideways ระหว่าง 250-280 HKD


ปัจจุบันราคากำลังเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ 26 สัปดาห์ โดยทั้งสองเส้นกำลังแยกตัวในลักษณะ Golden Cross และมีความชันเป็นบวก สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง ขณะที่เส้น EMA 26 สัปดาห์ที่ระดับประมาณ 260 HKD ทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้จะเป็นสัญญาณบวกต่อเนื่อง


ดัชนี RSI อยู่ในโซนกลางที่ระดับ 50-60 ไม่ได้แสดงภาวะซื้อหรือขายมากเกินไป และมีแนวโน้มทรงตัว ส่วน Stochastic RSI เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากโซนขายมากเกินไป ทั้งนี้ แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 280 HKD ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเคยพยายามทะลุผ่านหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ หากสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้จะเป็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่ง เปิดทางไปสู่การทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 300 HKD


รูปแบบการเคลื่อนไหวในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นการสร้างฐานที่แข็งแกร่งบริเวณ 250-260 HKD โดยมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาฟื้นตัว สะท้อนแรงซื้อที่กลับเข้ามา อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดแนวรับที่ 260 HKD ลงมา อาจทำให้แนวโน้มระยะสั้นกลับมาเป็นลบ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 240 และ 220 HKD ตามลำดับ


โดยสรุปราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นถึงกลาง โดยมีจุดสำคัญที่ต้องติดตามคือการทดสอบแนวต้าน 280 HKD ขณะที่ควรระมัดระวังหากราคาหลุดแนวรับ 260 HKD นักลงทุนอาจพิจารณาทยอยเข้าซื้อที่แนวรับ หรือรอสัญญาณการผ่านแนวต้านที่ชัดเจนก่อนเพิ่มน้ำหนักการลงทุน


ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม

  • การแข่งขันด้านราคาที่อาจรุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรายใหม่

  • การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจกระทบกำลังซื้อ

  • การเปลี่ยนแปลงนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลจีน

  • ความเสี่ยงจากการขยายตลาดต่างประเทศ

วิธีลงทุนหุ้น BYD ที่ไทย

BYD เป็นหุ้นที่มีนักลงทุนไทยให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย ทำให้เป็นหนึ่งในหุ้นต่างประเทศที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายให้นักลงทุนได้เลือกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการลงทุน


1. เทรดหุ้น BYD ผ่าน CFD

CFD คือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for difference) ที่เป็นสัญญาอนุพันธ์อ้างอิงราคาหุ้น BYD ที่เทรดอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งไม่ได้เป็นการซื้อขายหุ้นจริง ๆ แต่ช่วยให้นักลงทุนสามารถหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น BYD ได้ด้วยเงินลงทุนไม่มาก


ข้อดี

  • ใช้เงินลงทุนน้อย แต่เพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้จากการใช้อัตราทดที่ให้สูง ซึ่งอัตราทดนี้สามารถแตกต่างกันได้ในแต่ละโบรกเกอร์ที่ให้บริการ เช่น 2x/ 5x หรือ 10x

  • มีสภาพคล่องสูง ใช้ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ทำให้เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นเพื่อหาโอกาสทำกำไรในทุกสภาพตลาด

  • การเปิดบัญชีทำได้ง่าย ใช้เอกสารไม่มาก อนุมัติรวดเร็ว 


 ข้อเสีย

  • การเทรด CFD ไม่ได้ทำให้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ นักลงทุนที่ถือ CFD หุ้น BYD จะไม่ได้ปันผลหรือสิทธิในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น

  • มีความเสี่ยงสูง ที่สามารถสร้างผลกำไรได้สูงแต่ก็สามารถขาดทุนได้ทั้งหมด

  • มีต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap) 


▲ ผู้ให้บริการ

Mitrade เป็นโบรกเกอร์ CFD ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC, CIMA และ FSC ให้บริการซื้อขาย CFD ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรวมทั้งหุ้น BYD ด้วยขนาดขั้นต่ำในการเทรด 1 Lot ที่เท่ากับ 1 หุ้น และมีการใช้อัตราทดที่ 10 เท่า นั้นคือหากมีเงินลงทุน $100 เงินลงทุนนี้จะมีความสามารถสร้างกำไรได้เทียบเท่าเงินทุน $1,000 รองรับการใช้งานภาษาไทยทั้งบนเว็บเบราเซอร์และแอปพลิเคชั่น


ตัวอย่างเปิดคำสั่งซื้อหุ้น BYD กับโบรกเกอร์ Mitrade


mitrade    
💸 ห้ามพลาด!!! 💸    
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁    

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑    
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน


2. ลงทุนหุ้น BYD ผ่านการเทรด DR ในตลาดหุ้นไทย

DR (Depositary Receipt) เป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เปิดโอกาสให้นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศได้เหมือนกันซื้อหุ้นไทยทั่วไป ซึ่ง DR ของหุ้น BYD ที่เทรดอยู่ใช้ชื่อ BYDCOM80 ออกโดยธนาคารกรุงไทย ด้วยสัดส่วนหุ้น BYD 1 หุ้นจะเท่ากับ DR 1,000 หน่วย และ DR ที่ตราขึ้นนี้จะมีราคาเปลี่ยนแปลงไปตามราคาหุ้นที่เปลี่ยนไปจริง ๆ ร่วมกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทและดอลลาร์ฮ่องกง ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้น BYD ผ่านการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้โดยตรง


▲ ข้อดี

  • ซื้อขายได้ง่าย ไม่ต้องแลกเงิน ไม่ต้องเปิดบัญชีเพิ่ม ใช้บัญชีซื้อขายหุ้นส่งคำสั่งได้เหมือนการซื้อขายหุ้นปกติทุกประการ

  • ใช้เงินลงทุนไม่มาก เพราะไม่จำเป็นต้องลงทุนขั้นต่ำที่ 1 หุ้น BYD จริง ๆ เพราะ DR เป็นการแตกหน่วยลงมาแล้ว

  • ทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของหุ้น มีสิทธิได้เงินปันผลจากการถือหุ้นตามสัดส่วนที่ถือ


 ข้อเสีย

  • สามารถทำกำไรได้เฉพาะในทิศทางราคาขาขึ้น

  • สภาพคล่องไม่สูง ทำให้ราคาอาจผิดเพี้ยนไปจากราคาที่ควรเป็นได้ง่ายเนื่องจากมีสภาพคล่องต่ำ

  • มีค่าธรรมเนียมซื้อขายสูง เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น คือ ราว 0.15 – 0.25% ของมูลค่าซื้อขาย และอาจมีขั้นต่ำในการซื้อขายสำหรับโบรกเกอร์บางแห่ง


▲ ผู้ให้บริการ

บริษัทหลักทรัพย์ทั่วไป โดยสามารถใช้บัญชีซื้อขายหุ้นไทยส่งคำสั่งซื้อขาย BYDCOM80 ในเวลาทำการเช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นไทยทุกประการ

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็คือ BYD บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่มียอดขายมากที่สุดในประเทศจีน และเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยความครบทั้งการผลิตยานยนต์หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงรถบรรทุกและระบบราง ควบคู่ไปกับการเป็นเจ้าของโรงงานผลิตแบตเตอรี่และเซมิคอนดักเตอร์เป็นของตัวเอง ทำให้ BYD เป็นหุ้นที่น่าสนใจและมีความสามารถในการทำกำไรแม้ในช่วงที่มีความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐสูง และการเติบโตที่น่ามหัศจรรย์ในปีที่ผ่านมา ก็ทำให้นักลงทุนไม่น่าจะมีคำถามแล้วว่าหุ้น BYD น่าซื้อไหม แต่ควรเริ่มวางแผนการซื้อทั้งจังหวะและจำนวนเงิน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการเป็นเจ้าของหุ้นเติบโตที่น่าสนใจตัวนี้ไป

คำถามที่พบบ่อย

ราคาหุ้น BYD ในปัจจุบันน่าซื้อไหม?

ปัจจุบันหุ้น BYD มีการซื้อขายที่ระดับ PE 18 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 25 เท่า สะท้อนว่าตลาดได้มองความเสี่ยงไปสมควรแล้ว นอกจากนี้ ยังมีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สุดถึง 18.2% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสหกรรม จึงถือว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจ

สามารถลงทุนในหุ้น BYD ได้ผานช่องทางใดบ้าง?

สามารถลงทุนในหุ้น BYD ได้ 2 ช่องทางหลักคือ 1. ผ่าน CFD ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยและสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และ 2. ผ่าน DR ในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งจะทำให้ได้รับเงินปันผล แต่จะทำกำไรได้เฉพาะขาขึ้นเท่านั้น

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
How to วิธีเทรดหุ้นแบบละเอียดสำหรับมือใหม่หัดเทรด 2024การเริ่มต้นเทรดหุ้นอาจดูซับซ้อนสำหรับนักเทรดหุ้นมือใหม่ แต่ด้วยความเข้าใจพื้นฐานและการวางแผนอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีเทรดหุ้นแบบละเอียด พร้อมทั้งวิธีการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้คุณเริ่มต้นการเล่นหุ้นได้อย่างมั่นใจและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในเส้นทางการลงทุน
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 12 พ.ค. 2023
การเริ่มต้นเทรดหุ้นอาจดูซับซ้อนสำหรับนักเทรดหุ้นมือใหม่ แต่ด้วยความเข้าใจพื้นฐานและการวางแผนอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีเทรดหุ้นแบบละเอียด พร้อมทั้งวิธีการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้คุณเริ่มต้นการเล่นหุ้นได้อย่างมั่นใจและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในเส้นทางการลงทุน
placeholder
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ โบรกไหนค่าคอมถูกสุด 2567การลงทุนในหุ้น คือการดำเนินกลยุทธทางธุรกิจเพื่อให้ได้ผลกำไรที่งดงามที่สุด หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคือ ลงทุนให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากที่สุด เช่นเดียวกัน การลงทุนหุ้น แม้ว่าเงินทุนหลักของเราคือการจ่ายค่าซื้อหุ้นเข้ามาเก็บไว้ในพอร์ต แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีรายจ่ายแอบแฝงที่ถือเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้น นั่นคือ ค่าธรรมเนียมการเทรดหุ้น แต่โบรกเกอร์แต่ละแห่ง มีรูปแบบการเก็บค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจึงได้ทำการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ โบรกไหนค่าคอมถูกสุด 2567 เพื่อช่วยสำหรับในการที่จะทำให้รายได้เราเพิ่มพูนขึ้น เรามาเลือกไปพร้อมๆ กันครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 25 พ.ค. 2023
การลงทุนในหุ้น คือการดำเนินกลยุทธทางธุรกิจเพื่อให้ได้ผลกำไรที่งดงามที่สุด หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคือ ลงทุนให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากที่สุด เช่นเดียวกัน การลงทุนหุ้น แม้ว่าเงินทุนหลักของเราคือการจ่ายค่าซื้อหุ้นเข้ามาเก็บไว้ในพอร์ต แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีรายจ่ายแอบแฝงที่ถือเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้น นั่นคือ ค่าธรรมเนียมการเทรดหุ้น แต่โบรกเกอร์แต่ละแห่ง มีรูปแบบการเก็บค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจึงได้ทำการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ โบรกไหนค่าคอมถูกสุด 2567 เพื่อช่วยสำหรับในการที่จะทำให้รายได้เราเพิ่มพูนขึ้น เรามาเลือกไปพร้อมๆ กันครับ
placeholder
เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี? 8 โบรกเกอร์หุ้นที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2024ใครที่กำลังมองหาโบรกเกอร์หุ้นหรือกำลังเริ่มต้นลงทุนแล้วมองหาที่เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี คราวนี้เราจะมาทำความรู้จักวิธีการลงทุนในหุ้นผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อมาประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกโบรกเกอร์หุ้นโบรกเกอร์ไหนดี คราวนี้เราได้รวบรวม 8 โบรกเกอร์หุ้นน่าสนใจปี 2024 มาไว้ให้แล้ว ตามไปดูกัน!
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 24 พ.ค. 2023
ใครที่กำลังมองหาโบรกเกอร์หุ้นหรือกำลังเริ่มต้นลงทุนแล้วมองหาที่เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี คราวนี้เราจะมาทำความรู้จักวิธีการลงทุนในหุ้นผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อมาประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกโบรกเกอร์หุ้นโบรกเกอร์ไหนดี คราวนี้เราได้รวบรวม 8 โบรกเกอร์หุ้นน่าสนใจปี 2024 มาไว้ให้แล้ว ตามไปดูกัน!
placeholder
ตลาดหุ้นเปิดกี่โมง?ก่อนเทรดหุ้นต้องรู้การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 15 มี.ค. 2023
การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
placeholder
แนะนำ 12 หุ้นน่าลงทุน! หุ้นตัวไหนน่าลงทุนที่สุดในปี 2567ต้อนรับเข้าสู่โลกของโอกาสทางการเงินและการลงทุน ท่ามกลางเทรนด์ พฤติกรรมผู้บริโภคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มีทั้งมาใหม่และจบไป สินค้าและบริการต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า และผู้ถือหุ้น และเมื่อไหร่ที่เราสามารถจับโอกาสและเข้าใจของการเปลี่ยนแปลงนั้น จากคนธรรมดาสามารถแปรเปลี่ยนเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดี รายได้เติบโตหรือแม้แต่จับกระแสสั้น ๆ เพื่อหาโอกาสเก็งกำไร จึงแนะนำ 12 หุ้นน่าลงทุนในบทความนี้
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 14 ก.ค. 2023
ต้อนรับเข้าสู่โลกของโอกาสทางการเงินและการลงทุน ท่ามกลางเทรนด์ พฤติกรรมผู้บริโภคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มีทั้งมาใหม่และจบไป สินค้าและบริการต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า และผู้ถือหุ้น และเมื่อไหร่ที่เราสามารถจับโอกาสและเข้าใจของการเปลี่ยนแปลงนั้น จากคนธรรมดาสามารถแปรเปลี่ยนเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดี รายได้เติบโตหรือแม้แต่จับกระแสสั้น ๆ เพื่อหาโอกาสเก็งกำไร จึงแนะนำ 12 หุ้นน่าลงทุนในบทความนี้
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์