FAANG: หุ้นกลุ่ม FAANG มีอะไรบ้าง? หุ้น FAANG ลงทุนยังไง

FAANG เชื่อว่านักลงทุนได้เห็นคำนี้มาไม่มากก็น้อยในสายการลงทุนตลาดต่างประเทศว่าเป็นบริษัทที่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเราในช่วง 10 ปีหลังอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะสินค้าไอโฟน ดูหนังผ่านเน็ตฟลิค หรือจะการใช้คลาวดิ้งอัพโหลดต่างๆ บทความนี้จะมารู้จักหุ้น FAANG ให้มากขึ้นว่ายังน่าสนใจหรือโอกาสในการลงทุนอย่างไรบ้าง

ในปี 2013 Jim Cramer เป็นคนริเริ่มชื่อหุ้นกลุ่ม “FAANG” เป็นครั้งแรก กลุ่ม FAANG คือตัวอักษรแรกของบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลที่มีผลกระทบมากในตลาดทุนหุ้นโลก มีหนึ่งหุ้นที่ตั้งชื่อเป็นตัวอักษรแรก ๆ ของชื่อหุ้นทั้ง 5 บริษัทดังต่อไปนี้:

• F - Facebook (Meta Platforms, Inc.): เปลี่ยนชื่อเป็น Meta Platforms, Inc. ในต้นปี 2022

• A - Apple Inc.: บริษัทผู้ผลิต iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

• A - Amazon.com Inc.: บริษัทค้าออนไลน์ที่มีทั้งการขายสินค้าและบริการอื่น ๆ

• N - Netflix Inc.: บริษัทบริการสตรีมมิ่งทางอินเทอร์เน็ตที่โฆษณาตนเองว่าเป็น "สตรีมมิ่งบริการอุตสาหกรรมทำภาพยนตร์และรายการทีวี

• G - Alphabet Inc.: บริษัท-มารวมของ Google, ที่มีบริการต่าง ๆ รวมถึงการค้นหา, โฆษณา, แผนที่, YouTube, และระบบปฏิบัติการ Android

  
  

แน่นอนเวลาเปลี่ยนไป ณ ตอนนี้ตลาดกำลังให้ความสนใจหุ้นกลุ่มใหม่ คือ "MATANA"

ซึ่งประกอบไปด้วย Microsoft = M , Apple = A , Tesla = T , Aphabet = A , Nvidia = N และ Amazon = A  

ซึ่งการเอา Facebook (ปัจจุบัน คือ META) และ Netflix ตัดออกจากกลุ่ม เหตุผลหลักๆของการรวม MATANA คือ 

• เป็นหุ้นกลุ่มยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี (Digital Giants) ที่เป็นหุ้นคุณภาพ มีความแข็งแกร่งของแบรนด์และบริการ มีฐานลูกค้าทั่วโลก และที่สำคัญคือ การเติบโตเป็นเลขสองหลัก

  
  

• มีผู้ใช้บริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผิดกับ Facebook และ Netflix ที่ลดลงเรื่อยๆ

หุ้น FAANG มีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร?

1.Facebook (หรือ Meta Platforms)

เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยฐานผู้ใช้งานถึง 3.8 พันล้านคนต่อเดือน หรือประมาณ 47.5% ของประชากรโลก จากฐานผู้ใช้งานนี้ทำให้ Facebook มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างมหาศาล จากการขายโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย และความแม่นยำในการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของ Instagram, WhatsApp, Messenger และ Oculus อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม: ซื้อหุ้น Facebook(Meta) ได้ยังไง? สเต็ปการซื้อหุ้นเฟซบุ๊กแบบละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น

2.APPLE บริษัทแอปเปิล หรือในชื่อเดิม บริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ 

เป็นบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่องแอปเปิล I และแอปเปิล II และแมคอินทอช ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน ไอแพด และร้านขายเพลงออนไลน์ไอทูนส์

ข้อมูลเพิ่มเติม: หุ้น Apple พุ่งทำสถิติสูงสุด! ยังน่าลงทุนไหม? จะซื้อหุ้น Apple ยังไง

3.AMAZON แอมะซอน.คอม 

เป็นเว็บไซต์ในลักษณะอีคอมเมิร์ซ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา แอมะซอนเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีขนาดใหญ่กว่าอันดับ 2 ซึ่งคือ สเตเปิลส์ ประมาณสามเท่าตัว เจฟฟ์ เบซอสก่อตั้งแอมะซอนในปี พ.ศ. 2537 และเริ่มเปิดให้บริการออนไลน์ในปี พ.ศ. 2538

ข้อมูลเพิ่มเติม: ซื้อหุ้น Amazon ได้ยังไง? สเต็ปการซื้อหุ้นแอมะซอนแบบละเอียด

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์！💰💰💰

เพียงแค่สร้างบัญชีง่ายๆ ก็จะได้ $10 เรียบร้อย! ยังรออะไรอีกเหรอ?! 🤑🤑🤑

รับโบนัสเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

4.NETFLIX เน็ตฟลิกซ์ 

เป็นบริษัทข้ามชาติที่ให้บริการโอทีที แบบสื่อแบบส่งต่อเนื่องตามคำขอทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และผู้ให้บริการเช่ายืมดีวีดีและแผ่นบลูเรย์ทางไปรษณีย์ในสหรัฐอเมริกา บริษัทได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540

ข้อมูลเพิ่มเติม:หุ้น Nvidia พุ่ง 500% ทำความรู้จักหุ้น Nvidia และวิธีซื้อ

5.GOOGL อัลฟาเบ็ท อิงค์ 

เป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งประกอบธุรกิจด้านการจัดหาและดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ดำเนินการผ่าน Google และส่วนการเดิมพันอื่น ๆ กลุ่ม Google ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์อินเทอร์เน็ตหลัก เช่น โฆษณา, Android, Chrome, ฮาร์ดแวร์, Google Cloud, Google Maps, Google Play, Search และ YouTube

ข้อมูลเพิ่มเติม:ซื้อหุ้น Google ยังไงให้เกาะกระแสธีมหุ้นแห่งอนาคต

การเติบโตอย่างมากของบริษัทกลุ่มนี้ได้รับแรงหนุนจากการเข้าลงทุนมากมายจากนักลงทุนทั่วโลกทั้งรายใหญ่ รายย่อย รวมถึงนักลงทุนสถาบัน เช่น Berkshire Hathaway (BRK), Soros Fund Management และRenaissance Technologies นี่เป็นเพียงไม่กี่นักลงทุนรายใหญ่ที่เพิ่มหุ้นของ FAANG เข้าไปในพอร์ตการลงทุน เพราะเชื่อในความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างการยิ่งใหญ่ของหุ้นกลุ่ม FAANG และความก้าวหน้าทางวิทยาการ

1. Facebook เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยฐานผู้ใช้งานถึง 3.8 พันล้านคน มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างมหาศาล จากการขายโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย และความแม่นยำในการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้

   
   

2. Amazon จากผู้บุกเบิกการขายหนังสือออนไลน์ กลายเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลกในธุรกิจ e-commerce (B2C) ซึ่งใช้เทคโนโลยี cloud computing และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อขายแคตตาล็อกค้าปลีก มีสินค้าให้เลือกมากกว่า 120 ล้านชิ้น 

   
   

3. Netflix เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการเติบโตของจำนวนลูกค้า กับโดดเด่นในสตรีมมิ่งคอนเทนต์ออนไลน์ด้านภาพยนตร์ ซีรีย์ และรายการโทรทัศน์ ฐานสมาชิกของ Netflix

   
   

4. Apple ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกในปี 2561 ด้วยการเริ่มต้นจากนวัตกรรมและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ iPod ไปยัง iPhone iPad และ Apple Watch และตราบใดที่ Apple ยังคงคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์

   
   

5. Alphabet หรือ Google ยกระดับความเชี่ยวชาญหลักในฐานะ search engine ชั้นนำของโลก สู่ผู้พัฒนาธุรกิจโฆษณาออนไลน์ที่สร้างผลกำไรสูงมาก ในขณะเดียวกันก็ผลักดันการรักษาฐานผู้ใช้ผ่านเว็บแอปพลิเคชันยอดนิยม เช่น YouTube, Google Docs และ Google Maps

FAANG เป็นคำย่อของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ได้แก่ Facebook (Meta), Apple, Amazon, Netflix และ Google (Alphabet) ซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนไทย การพิจารณาว่าหุ้นกลุ่มนี้เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ข้อดีของการลงทุนในหุ้น FAANG

• การเติบโตที่แข็งแกร่ง: มีประวัติการเติบโตที่โดดเด่นและต่อเนื่อง อย่างเช่น Apple ที่เพิ่มขึ้นกว่า 800% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

• นวัตกรรมและการพัฒนา: ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างมาก ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน

• ฐานะการเงินที่มั่นคง: มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและงบดุลที่ดี เช่น Amazon ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก $74.45 พันล้านในปี 2013 เป็น $513.98 พันล้านในปี 2023

• การเข้าถึงตลาดระดับโลก: เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ความท้าทายและความเสี่ยง

• ความผันผวนของราคา: หุ้นเทคโนโลยีมักมีความผันผวนสูง

• การกระจุกตัวของการลงทุน: การลงทุนเฉพาะในกลุ่ม FAANG อาจเพิ่มความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

• ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: บริษัทเหล่านี้อาจเผชิญกับการตรวจสอบด้านกฎระเบียบมากขึ้น

• การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: แม้จะเป็นผู้นำตลาด แต่ก็เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว

โดยสรุปแล้ว การลงทุนในหุ้นกลุ่ม FAANG อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการเข้าถึงการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาทั้งโอกาสและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การกระจายความเสี่ยง การลงทุนระยะยาว และการศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ

ผลตอบแทนของหุ้น FAANG ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

คาดการณ์หุ้น FAANG ในปี 2024 

ในปี 2024 หุ้นกลุ่ม FAANG ยังคงเป็นที่จับตามองในตลาดเทคโนโลยี แม้จะมีโอกาสเติบโตจากนวัตกรรมและการขยายตลาด แต่ก็เผชิญกับความท้าทายด้านกฏระเบียบและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

Meta มุ่งเน้นไปที่ AR/VR และ Metaverse แต่ก็ต้องระวังประเด็นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Amazon คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจาก e-commerce และ cloud computing ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึง Apple, Netfilx และ Google ซึ่งนอกจากต้องเผชิญแรงกดดันด้านกฏระเบียบแล้ว ยังต้องต่อสู้กับความท้าทายของห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจของตนด้วย

ปัจจัยสำคัญต่างๆ ทั้งนโยบายการเงิน การพัฒนา AI และ Machine Learning การเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบในอุตสาหกรรมเทคโนโนยี และแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค ล้วนส่งผลต่อทิศทางของหุ้น FAANG ในปี 2024 ซึ่งหากกลุ่ม FAANG สามารถปรับตัวตามได้ ก็จะเป็นโอกาสในการเติบโตต่อไป

1. ลงทุนโดยตรงในหุ้นแต่ละตัว

นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นกลุ่ม FAANG ในแต่ละตัวนั้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศหรือต่างประเทศที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นได้ เช่น หลักทรัพย์ฟินันเซีย หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์หรือ หลักทรัพย์กสิกรไทย การดำเนินการนั้นง่ายมาก ดาวน์โหลดแอป เข้าสู่หน้า ค้นหารหัสหุ้นที่เกี่ยวข้อง และทำการสั่งซื้อหุ้นเช่น AAPL หรือ GOOGL

2. การซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ CFD 

เป็นวิธีที่ยอดนิยมในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของค่าธรรมเนียมและความสะดวกสบายในการเปิดบัญชี ด้วยจุดเด่นของสินค้า CFD คือ มี Leverage ช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนน้อยลงที่จะทำกำไร รวมถึงมีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย รวมถึงสามารถเข้าเทรดได้ทั้งฝั่งขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของหุ้นนั้นๆ และสภาพตลาดการลงทุน 

จากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียนถ้านักลงทุนที่มีความชำนาญและศึกษาเรื่องการเทรดลักษณะของสัญญาส่วนต่างหรือ CFD รวมถึงใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนที่น้อยลงเพื่อที่ทำกำไรได้มากขึ้น สามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มของ Mitrade ลงทุนได้อย่างเหมาะสมแน่นอน

โดยที่โบรกเกอร์ Mitrade ใช้เงินเพียงแค่ 50 USD ก็สามารถเข้าเทรดหุ้นในกลุ่ม FAANG ชื่อดังได้แล้ว หรือสามารถใช้บัญชีทดลองมูลค่าถึง 50,000 USD เพื่อลองฟังก์ชั่นหรือกลยุทธ์การเทรดให้มั่นใจก่อนจะลงทุนเงินจริง

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

3. ลงทุนในหุ้น ETFs

หุ้น FAANG มีความน่าสนใจและเป็นที่นิยมในการลงทุน, และมี Exchange-Traded Funds (ETFs) ที่จัดทำขึ้นเพื่อติดตามและลงทุนในหุ้นของกลุ่ม FAANG. ETFs เหล่านี้มักจะสะท้อนผลของ FAANG Index หรือมีนโยบายการลงทุนที่เน้นทางเทคโนโลยีหรือหุ้นในกลุ่ม FAANG. นี่คือตัวอย่างของ ETFs บางตัวที่เกี่ยวข้องกับหุ้น FAANG:

-Invesco QQQ Trust (QQQ): QQQ ไม่ได้สร้างมาเพื่อติดตามหุ้น FAANG โดยตรง แต่มันติดตาม Nasdaq-100 Index ที่มีส่วนแบ่งในหุ้นของบริษัททางเทคโนโลยี รวมทั้งบริษัท FAANG

-Technology Select Sector SPDR Fund (XLK): XLK มีการลงทุนในหุ้นของภาคเทคโนโลยีและสามารถมีส่วนแบ่งในหุ้นของบริษัท FAANG

-Vanguard Information Technology ETF (VGT): VGT เป็น ETF ที่เน้นการลงทุนในภาคเทคโนโลยี, และมีส่วนแบ่งในหุ้นของบริษัททางเทคโนโลยีระดับโลก, รวมถึง FAANG

ข้อมูลเพิ่มเติม: 

S&P 500 คืออะไร?>>

SET100 คืออะไร? รายชื่อหุ้น SET 100>>

แม้จะผ่านมาแล้วถึง 10 ปีหลังจากมีการแนะนำหุ้นในกลุ่ม FAANG ทั้ง 5 ตัว จะเห็นว่าในปัจจุบันหุ้นดังกล่าวทั้ง ยังมีผลประกอบการและราคาที่เติบโตขึ้นมาอย่างน่าสนใจ และเชื่อว่านักลงทุนยังคงสนใจที่จะเข้าลงทุนอยู่ แต่อย่าลืมศึกษาเรื่องของพื้นฐานการลงทุนและกราฟเทคนิคอลของหุ้น FAANG ควบคู่กัน เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและลดความเสี่ยงในการลงทุนที่ผิดจังหวะอาจทำให้เกิดความสูญเสียได้ และเลือกลงทุน FAANG ในสินทรัพย์ที่เข้าใจ