หุ้นสิงคโปร์ตัวไหนดี？แนะนำ 10 อันดับหุ้นสิงคโปร์ที่น่าลงทุนในปี 2024

หุ้นสิงคโปร์ ก็เป็นอีกหุ้นจากต่างประเทศที่ค่อนข้างน่าสนใจและน่าลงเป็นอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์เป็นตลาดที่มีการซื้อขายหุ้นระหว่างประเทศมากที่สุดในเอเชีย เพราะมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทต่างชาติจำนวนมากกว่าร้อยละ 40 เรียกได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้กระจายความเสี่ยงไปสู่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และให้บริการซื้อขายตราสารทุนกับสามประเทศเศรษฐกิจหลักที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เช่น จีน อินเดียและญี่ปุ่น เป็นต้น

ดังนั้นเนื้อหาในบทความนี้เราจะพานักลงทุนทุกท่านมาทำความรู้จักกับตลาดหุ้นสิงคโปร์อย่างละเอียด พร้อมตอบคำถาม หุ้นสิงคโปร์ตัวไหนดี ด้วยลิสต์ 10 หุ้นสิงคโปร์ที่น่าลงทุนในปี 2024 ใครที่สนใจอยากจะลงทุนหุ้นต่างประเทศแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี บทความนี้มีคำตอบและคำแนะนำให้คุณเสมอ ติดตามข้อมูลพร้อมเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับการลงทุนใน ”หุ้นสิงคโปร์” ได้ที่บทความนี้เลย

หากพูดถึง “หุ้นต่างประเทศ” คนส่วนมากก็คงนึกถึงประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ประเทศมหาอำนาจ ที่มีอุตสาหกรรมมากมาย มีแรงงานที่เยอะ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ จีน เป็นต้น  แต่สำหรับประเทศสิงคโปร์ แม้ว่าจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่หากพิจารณาในเรื่องของมูลค่าเศรษฐกิจภายในประเทศ ก็ถือว่าเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีมูลค่าที่สูงสุดในกลุ่มประเทศตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้

เนื่องจากว่าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ยังคงเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องมากที่สุดของโลกในด้านการเชื่อมต่อไปสู่การซื้อขายตราสารอนุพันธ์ในเอเชีย ด้วยร้อยละ 90 ของตราสารอนุพันธ์ที่ประกอบไปด้วยดัชนีที่สำคัญในตลาดทุนของเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และประเทศในอาเซียนอีกด้วย

ทั้งนี้ทางผู้เขียนเองได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่เป็นเหตุผลทางเชิงบวกที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจในตลาดหุ้นสิงคโปร์มากยิ่งขึ้นว่า ”ทำไมหุ้นสิงคโปร์ถึงน่าลงทุน” โดยมีรายละเอียดดังนี้

• สิงคโปร์ เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจด้วยนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตลาดการเงินและภาคการค้าของสิงคโปร์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

• ประชากรภายในประเทศมีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งข้อนี้แสดงให้เห็นว่าสิงคโปร์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจนั่นเอง

  
  

• สิงคโปร์เป็นประเทศที่เปิดกว้างทางด้านเศรษฐกิจ มีช่องทางการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่มาจาก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การขนส่ง ตลาดการเงิน และอุตสาหกรรมทางด้านเภสัชกรรม เป็นต้น

  
  

วันนี้ทางผู้เขียนได้ทำการคัดเลือก 10 อันดับหุ้นสิงคโปร์ที่น่าลงทุนในปี 2024 โดยทางเราจะทำการเกี่ยวกับรายละเอียดข้อมูลของบริษัทและงบการเงินในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจและวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูรายละเอียดไปพร้อมกันเลย

1. Keppel Corp Ltd 

ประเดิมกันที่หุ้น Blue Ship ตัวแรก “Keppel Corp Ltd (SGX: BN4)” คือ ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและบริการสำหรับพลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการลดคาร์บอน การฟื้นฟูเมืองอย่างยั่งยืน และการเชื่อมต่อทางดิจิทัล ด้วยแพลตฟอร์มการลงทุนที่มีคุณภาพส่งผล Keppel กลายเป็นหนึ่งบริษัทที่มีนักลงทุนพูดถึงเป็นอย่างมาก

สำหรับ Keppel มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ โดยมีการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก 

หากพิจารณาในเรื่องของผลประกอบการหรือการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ในช่วงเวลา 9 เดือนแรกของปี 2022 ทางบริษัทมีรายได้ 6.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบเป็นรายปีภายหลังจากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้บริษัทมีรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นเนื่องจากว่าทางบริษัทมีการประกอบธุรกิจอยู่ 3 ประเภท ตามที่กล่าวไปข้างต้น

ทั้งนี้ในช่วงเดือนเมษายนของปี 2023 ที่ผ่านมา ทางบริษัทเองก็ได้มีการประกาศการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกอยู่ที่ 0.18 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น หากเปรียบเทียบราคาปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันก็ถือราคาสูงกว่าปีที่แล้ว

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

2. DBS Group

หุ้น Blue Ship ตัวที่สองเป็นหุ้นธนาคารรายใหญ่ “DBS Group” เป็นผู้ให้บริการทางด้านการลงทุนการเงินต่างๆและการธนาคารพาณิชย์ ถูกก่อตั้งขึ้นมาแต่ปี ค.ศ.1968 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Marina Bay Financial Centre ในย่าน Marina Bay ประเทศสิงคโปร์ ถือว่าเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับหนึ่งในประเทศสิงคโปร์และกลุ่มประเทศอาเซียน 

ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา ธุรกิจธนาคารได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องซึ่งมีลักษณะเด่นในช่วงสามปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 และช่วยเพิ่มเงินปันผลเป็น 1.44 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้นในปี 2565

กำไรสุทธิของ DBS Group ในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 เพิ่มขึ้น 43% จากปีที่แล้ว สู่ระดับ 'บันทึก' ที่ 2.57 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งสูงกว่าประมาณการของอุตสาหกรรมที่ 2.01 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 18.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่เช่นกัน 

ด้วยความที่หุ้นพื้นฐานดีและผลประกอบการดีเช่นนี้ ถือว่าเป็นหุ้นสิงคโปร์อีกตัวที่น่าลงในปี 2023

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

3. Singtel

แนะนำหุ้น Blue Ship ตัวที่ 3 คือ "Singapore Telecom" ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านโทรคมนาคมและบริการด้านดิจิทัลอย่างครบวงจร เช่น บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์ ตลอดจนบริการโทรทัศน์แบบที่สถานีส่งเก็บเงินจากผู้รับ (Pay TV) เป็นต้น 

ในปี 2023 หุ้น Singtel เป้นอีกหนึ่งหุ้นที่นักลงทุนพูดถึงเป้นอยากมากและแนะนำให้ลงทุนในหุ้นตัวนี้เนื่องจากว่าเป็นตัวหุ้นที่มีรายได้สูงขึ้นในปีงบประมาณ 2023

สำหรับกำไรสุทธิของ Singtel ในช่วงปีที่ผ่านมาถือว่าเพิ่มขึ้น 14% จากปีงบประมาณ 2565 เป็น 2.23 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ถือว่าเป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงิน “ที่มีความแข็งแกร่งสูง” เนื่องจากหนี้สินสุทธิลดลงเหลือ 8.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จาก 10.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีที่แล้ว เงินสดและยอดคงเหลือในธนาคารที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ส่งผลให้หุ้น Singtel “อยู่ในสถานะที่ดีเนื่องจากยังคงดำเนินการตามกลยุทธ์และการลงทุนเพื่อการเติบโต”

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

4. OCBC Bank 

หุ้น Blue Ship ตัวที่ 4 ที่น่าลงลงในปี 2023 ก็คือ OCBC Bank หรือ "Oversea-Chinese Banking Corporation" ถือว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านธนาคารพาณิชย์และให้บริการทางด้านการเงินแบบครบวงจรเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการให้บริการเกี่ยวกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเงินที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า, ให้บริการทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนในตราสารอนุพันธ์และตราสารทุน ตลอดจนถึงให้บริการทางด้านกลุ่มประกันภัยให้บริการทั้งผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันทั่วไปแก่ลูกค้า 

ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมากลุ่มหุ้นธนาคารได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เช่นเดียวกันกับ “หุ้น OCBC Bank” ที่ในปี 2565 ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นราคาที่ 0.56 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับการจ่ายเงินปันผลในปี 2564 ที่ 0.409 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น

เมื่อช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา OCBC ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.40 เหรียญสิงคโปร์ต่อหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจต่อนักลงเป็นอย่างมาก 

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

5. Singapore Exchange Ltd

หุ้น Blue Ship ตัวที่ 5 หุ้นพื้นฐานดีที่น่าลงทุนอีกตัวนั่นก็คือ "Singapore Exchange Ltd" หรือ SGX Group คือ บริษัทตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เป็นบริษัทที่ให้บริการในเรื่องของตลาดทุน ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถนำหลักทรัพย์มาวางเพื่อทำการแลกเปลี่ยนกันได้อย่างเสรี โดยมีบริการหลักๆด้วยกันทั้งหมดดังนี้ 

1. Fixed Income, Currencies and Commodities (FCC) 

2. Equities 

3. Data, Connectivity and Indices

ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาจนถึง 2565 ทางบริษัทได้มีการยังคงจ่ายผลตอบแทนรายปีระหว่าง 0.30 ดอลลาร์สิงคโปร์ถึง 0.32 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น โดยสร้างผลตอบแทนตั้งแต่ 3.17% ถึง 3.4% ต่อปี

ทั้งนี้ทางบริษัทได้ทำการจ่ายผลตอบแทนไปในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับราคา 0.16 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

6. City Developments Limited 

City Developments Limited คือ บริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแม้ประเทศสิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก แต่ก็ระบบเศรษฐกิจก็ยังขับเคลื่อนด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉลี่ย 6% ต่อปี ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้หุ้น CDL อาจจะเป็นหุ้นสิงคโปร์ที่น่าลงทุนที่สุดในช่วงเวลานี้ก็เป็นได้

แม้ว่าในช่วงเวลาต้นปีที่ผ่านมาจะพบว่าอัตราการเติบโตของหุ้น CDL จะลดลงกว่า 17% ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นขาลง แต่ในทางตรงกันข้ามกลุ่มนักวิเคราะห์กลับมองว่า หุ้นขนาดใหญ่อย่าง CDL มีโอกาสที่จะเป็นช่วงชะลอตัวรอดูเป็นขาขึ้นก็เป็นได้ในช่วงเวลา 12 เดือนนับตั้งแต่ต่อจากนี้ไป โดยมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะขยับขึ้น 25.1% จากตอนนี้จนถึง 1 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเป็นเพียงแค่การคาดการ์ณโอกาสของราคาเพียงเท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องวิเคราะห์ปัจจัยอื่นในอนาคตร่วมด้วย ดังนั้นนักลงทุนท่านใดที่สนใจที่จะลงทุนในหุ้นตัวนี้จะต้องทำการติดตามสถานการ์ณตลาดให้ดีและศึกษาให้ละเอียดก่อนลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงของท่าน

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

7. Singapore Airlines 

บริษัทที่ดำเนินธุรกิจสายการบินที่เปิดให้บริการอย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องการขนส่งทั้งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ภายหลังจากจากสถานการ์ณโควิด-19 ผู้คนเริ่มออกเดินทาง ทำให้มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติมากมายเข้ามาในประเทศสิงคโปร์ส่งผลให้หุ้น Singapore Airlines ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปีในเดือนมิถุนายน 2023 ต่อเนื่องจากช่วงขาขึ้นล่าสุดที่เริ่มขึ้นหลังจากรายงานผลกำไรประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2023โดยสายการบินได้ทำกำไรสุทธิ 2.16 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี2023

หลังจากผลประกอบการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์ของ OCBC ได้ปรับราคาเป้าหมายของพวกเขาสำหรับหุ้น SIA เป็น 7.18 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น (เพิ่มขึ้นจาก 6.50 ดอลลาร์สิงคโปร์) ในขณะที่คงไว้ซึ่งการเรียก "พักตัว"

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาเป้าหมายที่คาดการ์ณไว้จะเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ แต่นักวิเคราะห์ก็ออกมาเตือนว่าการฟื้นตัวส่วนใหญ่ของ SIA "อาจจะมีการถูกกำหนดราคาไว้แล้ว" เนื่องจากการขึ้นลงของหุ้นในปัจจุบัน พวกเขาเตือนว่าโมเมนตัมการฟื้นตัวของ SIA "อาจเริ่มช้าลงในปลายปีนี้

ท่ามกลางสถานการ์ณในภูมิภาคที่มีการแข่งขันสูงขึ้นและแนวโน้มที่ถดถอย" ซึ่งหมายความว่าราคาหุ้นอาจจะต่ำกว่าที่คาดการ์ณไว้ก็เป็นได้

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

8. UOB 

UOB หรือ "United Overseas Bank" เป็นกลุ่มหุ้นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศสิงคโปร์ และคนไทยเองก็คุ้นหูกับชื่อธนาคารนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าทางบริษัทนั้นได้มี

ครือข่ายสาขาและสำนักงานมากกว่า 500 สาขาทั่วโลก รวมกว่า 19 ประเทศ และหนึ่งในมีประเทศไทยด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าด้วยปริมาณเครือข่ายที่มีเป็นจำนวนมากและธุรกิจธนาคารธุรกิจเกี่ยวกับการเงินยังคงเป็นธุรกิจที่นักลงทุนที่คนยังคงมองเห็นความสำคัญอยู่

จากการประกาศผลกำไรในไตรมาสแรกของปี 2023 พบว่าทางบริษัทสามารภสร้างรายได้สุทธิอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นตัวเลขกำไรที่เกินความคาดหมายจากเหล่านักวิเคราะห์ที่ได้มองไว้ว่ากำไรในไตรมาสจะอยู่ที่  1.55 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตามการประมาณการของ Refinitiv

เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจด้วยตลาดเงินและธุรกิจในภาคธนาคารเป็นหลัก ดังนัันจึงไม่แน่แปลกใจที่เหล่าบรรดากลุ่มหุ้นธนาคารในประเทศสิงคโปร์จะเป็นช่วงขาขึ้น ณ ช่วงเวลานี้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยจาก FED อยู่ดี ดังนั้นหากใครที่กำลังจะลงทุนให้นธนาคารของสิงคโปร์ อาจจะต้องวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่จะส่งผลกระทบต่อราคาหกุ้นที่เราจะทำการลงทุนอีกด้วย

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

9. CapitaLand Investment

สำหรับ CapitaLand Investment บริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆของประเทศสิงคโปร์และอาเซียน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา “Raffles City” ที่เป็นศูนย์รวมของห้างสรรพสินค้า โรงแรม และตึกประชุมขนาดใหญ่ในประเทศ 

หุ้น CLI ถือว่าเป็นอีกหุ้นที่นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน UOB ยกให้หุ้นนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในกลุ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ เนื่องจากว่าเขาเชื่อว่าหุ้น CLI จะมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งมากขึ้นในปี 2566 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ เหล่านักวิเคราะห์มองว่าอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศสิงคโปร์เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นภายหลังจากสถานการ์ณโควิด -19 ที่ผ่านมา

นับว่าเป็นหุ้นอีกตัวที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะเราไม่สามารถปฎิเศธได้เลยว่า ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนอย่างเสรี โดยเฉพาะธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีในการเลือกลงทุนในหุ้น CLI ในช่วงเวลานี้เพื่อสร้างผลกำไรในอนาคตก็เป็นได้

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com)

10. Jardine Cycle & Carriage 

สำหรับ Jardine Cycle & Carriage เป็นบริษัทโฮลดิ้งการลงทุนของ Jardine Matheson Group ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ JC&C พยายามที่จะเติบโตไปพร้อมกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยการลงทุนในธุรกิจชั้นนำของตลาดตามรูปแบบการขยายตัวของเมืองและกลุ่มผู้บริโภคเกิดใหม่ กลุ่มบริษัททำงานอย่างใกล้ชิดกับธุรกิจเพื่อให้พวกเขาบรรลุศักยภาพและยกระดับชุมชนของพวกเขา

นอกจากนี้ JC&C เป็นบริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ โดยมี Jardine Matheson Group ถือหุ้น 75% ร่วมกับบริษัทสาขาและบริษัทร่วม JC&C มีพนักงานประมาณ 240,000 คนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Jardine Cycle & Carriage มีมูลค่าตลาดสูงสุดอยู่ที่ 9.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อันดับสิบของตลาดหุ้นสิงคโปร์และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 1533 ของโลก (อ้งอิงข้อมูลจาก companiesmarketcap.com)

(อ้างอิงข้อมูลจาก investing.com )

เนื้อหาในบทความนี้ไม่ได้เป็นการชักจูงให้นักลงทุนทุกท่านลงทุนแต่อย่างใด เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “หุ้นสิงคโปร์” ที่น่าลงทุนในปี 2024 นี้เท่านั้น เป็นที่ทราบกับดีอยู่แล้วว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นเราจำเป็นที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียเงินทุนจากการลงทุน ทางผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เป้นอย่างมาก