หุ้นน้ำมัน 10 อันดับแรกที่มาแรงและน่าลงทุนในปี 2024 มีหุ้นอะไรบ้าง
เมื่อพูดถึงการลงทุนในสินทรัพย์เราอาจจะมองถึงสินทรัพย์อย่างทองคำ สกุลเงิน หุ้น หรือคริปโทเคอร์เรนซี ว่าสามารถทำกำไรขึ้นลงตามสภาพเศรษฐกิจและฤดูกาล จนลืมไปเลยว่ายังมีสินทรัพย์อีกประเภทที่ใกล้ตัวนักลงทุนเช่นกัน และยังได้ติดตามข่าวสาร ราคาความเคลื่อนไหวเป็นประจำอีกด้วย จะเป็นอะไรไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “น้ำมัน” ถึงขึ้นเราให้ฉายาเลยว่า ทองคำสีดำ เพราะมีมูลค่ามหาศาลในทั้งด้านของการใช้งาน ทรัพยากรธรรมชาติ และการลงทุนในหุ้นน้ำมัน เรามาทำความรู้จักหุ้นน้ำมันกันในบทความนี้
หุ้นน้ำมันต่างประเทศทำธุรกิจอะไรกันบ้าง?
หุ้นน้ำมันต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินและเศรษฐกิจ ธุรกิจของบริษัทหุ้นน้ำมันต่างประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะดังนี้:
การสำรวจและการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
บริษัทหลายแห่งจะเข้าไปในการสำรวจและแผนที่แหล่งพลังงานทางทะเลและที่ดินเพื่อค้นหาและสกัดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เมื่อพบแหล่งที่มีศักยภาพในการสกัดออกมาได้ก็จะมีกระบวนการผลิตและส่งออกน้ำมันและก๊าซเพื่อขายในตลาดโลก
จำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
บริษัทหุ้นน้ำมันสามารถซื้อและขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก การค้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นองค์ประกอบสำคัญของความเคลื่อนไหวในราคาและการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก
การค้าส่งและการขนส่ง
บริษัทหุ้นน้ำมันใหญ่มักมีส่วนร่วมในการค้าส่งและการขนส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการจัดส่งทางทะเลและทางบกไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก
ธุรกิจน้ำมันเครื่อง
บริษัทในกลุ่มนี้อาจมีส่วนร่วมในการผลิตน้ำมันเครื่องและเชื้อเพลิงที่เกี่ยวข้อง เช่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน เป็นต้น
การวิจัยและพัฒนา
บริษัทหุ้นน้ำมันอาจลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพื่อนวัตกรรมในการสกัดและใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
ประเภทของบริษัทน้ำมันมีอะไรบ้าง
หุ้นในกลุ่มพลังงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมัน เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงจากนักลงทุน เพราะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่มากมายอยู่ในธุรกิจน้ำมัน
1.ธุรกิจต้นน้ำ คือทำการสำรวจขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ
เป็นบริษัทที่ทำการสำรวจและขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ-ก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ ทั้งในทะเลและบนบก แล้วจึงส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ส่งต่อไปยังโรงกลั่นน้ำมัน โดยการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มนี้ ประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลัก คือ ราคาน้ำมันดิบ และ อัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม เช่น ExxonMobil (XOM), Chevron (CVX), ConocoPhillips (COP), EOG Resources (EOG) และ Occidental Petroleum (OXY)
2.ธุรกิจกลางน้ำ คือโรงกลั่นน้ำมันและผลิตปิโตรเคมี
เป็นกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นที่รับน้ำมันดิบเข้าสู่กระบวนการกลั่น เพื่อผลิตออกมาเป็นน้ำมันสำเร็จรูป เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน น้ำมันอากาศยาน ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเตา รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและเม็ดพลาสติกต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ใช้พิจารณาหุ้นโรงกลั่น ประกอบด้วย ค่าการกลั่น และ การบริหารสต๊อกน้ำมัน ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจกลางน้ำของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม เช่น Enterprise Products Partners (EPD), Kinder Morgan (KMI), Williams Companies (WMB), Enbridge (ENB) และ Magellan Midstream Partners (MMP)
3.ธุรกิจปลายน้ำ คือค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ
เป็นกลุ่มปลายน้ำที่นำน้ำมันสำเร็จรูปที่ได้จำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันต่างๆ โดยสิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุนหุ้นปั๊มน้ำมัน ได้แก่ ค่าการตลาดน้ำมัน และ การบริหารพื้นที่บริการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจปลายน้ำของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม เช่น Phillips 66 (PSX), Valero Energy Corporation (VLO), Marathon Petroleum Corporation (MPC), Royal Dutch Shell (RDS-A) และ TotalEnergies (TTE)
หุ้นน้ำมันมีอะไรบ้าง? หุ้นน้ำมัน 10 อันดับแรกที่ต้องสนใจในปี 2024
Oil Stock Market Cap 2024
ที่มา:companiesmarketcap
1.Saudi Aramco from Saudi Arabia
Saudi Aramco เป็นบริษัทปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ในปี 2020 บริษัทเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 Saudi Aramco มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.827 ล้านล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้ Saudi Aramco เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับหกของโลกตามมูลค่าตลาด
มีธุรกิจน้ำมันครอบคลุมตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ถึง “ปลายน้ำ” ตั้งแต่การขุดเจาะ กลั่นน้ำมันดิบแยกออกมาเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าปิโตรเคมีต่างๆ เช่น เอทีลีน เบนซีน ดีเซล แก๊สเชื้อเพลิงต่างๆ Saudi Aramco มีบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในการดูแลมากกว่า 100 แห่ง รวมไปถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติความจุกว่า 284.8 ล้านล้านลูกบาสก์ฟุต สามารถผลิตน้ำมันได้สูงสุดถึง 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน มีน้ำมันในคลังสำรองถึง 1.93 แสนล้านบาร์เรลในปี 2021 โดยเป็นเจ้าของและร่วมลงทุนในโรงกลั่นกว่า 11 แห่งในประเทศ และอีก 7 แห่งทั่วโลก
2. Exxon Mobil Corporation (XOM)
Exxon Mobil ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเกิดจากการควบรวมกันระหว่าง Exxon และ Mobil อย่างไรก็ตาม ทั้ง Exxon และ Mobil นั้น เป็นบริษัทลูกของ Standard Oil ที่ก่อตั้งโดยจอห์น ดี. ร็อกเกอะเฟลเลอร์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน มาตั้งแต่ปี 1870 หรือเมื่อ 150 ปีที่แล้ว ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 Exxon Mobil มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 503.23 พันล้านดอลลาร์ ข้อมูลนี้ทำให้ Exxon Mobil เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 17 ของโลกเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด
Exxon Mobil Corp (ExxonMobil) เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซครบวงจรที่ค้นพบ สำรวจ พัฒนา และผลิตน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว ดำเนินการกลั่นน้ำมันดิบ ผลิต ขนส่ง ค้าขายและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตน้ำมันพื้นฐานและน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูป นอกจากนี้ และผลิตภัณฑ์พิเศษหลากหลายประเภท บริษัทมีการดำเนินงานในอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
3.Chevron Corp (CVX)
เชฟรอน คอร์ปอเรชัน เป็นบริษัทด้านพลังงานสัญชาติอเมริกัน ประกอบธุรกิจสำรวจ ผลิต ขนส่งและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม พลังงานความร้อนใต้ดินและเคมีภัณฑ์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานรามอน รัฐแคลิฟอร์เนีย เกิดจากการควบรวมกิจการของสแตนดาร์ดออยล์แห่งแคลิฟอร์เนีย (SoCal) กับกัลฟ์ออยล์ จากพิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ในปี ค.ศ. 1984 ชื่อบริษัทมาจากชื่อเครื่องหมายการค้า "Chevron" น้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำตลาดมาตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เชฟรอนมีมูลค่าตลาด 282.23 พันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้เชฟรอนเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 34 ของโลกเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด
เชฟรอนเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกาในด้านรายได้ รองจาก ExxonMobil ทายาทบริษัท Standard Oil เชฟรอนอยู่ในอันดับที่ 16 ใน Fortune 500 ในปี 2565 โดยมีรายได้ 162.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 37 ใน Fortune Global 500
4.PetroChina Co. Ltd.
PetroChina Co. Ltd. ดำเนินธุรกิจสำรวจ พัฒนา ผลิตและจำหน่ายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ บริษัทยังมีส่วนร่วมในการกลั่นน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม บริษัท PetroChina ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2542 และมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 PetroChina มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 258.72 พันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้ PetroChina เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 39 ของโลกตามมูลค่าตลาดตามข้อมูล
ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทร่วมหุ้นที่มีหนี้สินจำกัดภายใต้กฎหมายบริษัทของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้าง CNPC อัดฉีดสินทรัพย์และหนี้สินส่วนใหญ่ของ CNPC ให้กับ PetroChina ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสำรวจและผลิต การกลั่นและการตลาด เคมีภัณฑ์ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติ แม้ว่า PetroChina จะเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในเอเชีย แต่ความสำเร็จนี้อาจเป็นผลมาจากการจัดการขององค์กร แต่ก็อาจเป็นผลมาจากการผูกขาดในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมันที่แบ่งปันกับซิโนเปกในจีน
5.Royal Dutch Shell
หรือ เชลล์ เป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติสัญชาติดัตช์และอังกฤษ ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันปิโตรเลียม รวมไปถึงธุรกิจพลังงานทดแทน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1907 จากการควบรวมกิจการของบริษัท รอยัลดัตช์ปิโตรเลียม สัญชาติเนเธอร์แลนด์ และบริษัท "เชลล์" ทรานสปอร์ตแอนด์เทรดดิง สัญชาติอังกฤษ รอยัลดัตช์เชลล์ เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกเมื่อวัดจากขนาดรายได้และนับว่าใหญ่ที่สุดในยุโรป
บริษัทเชลล์มีเครือข่ายธุรกิจในกว่า 70 ประเทศ ผลิตน้ำมันราว 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน มีสถานีน้ำมันกว่า 44,000 แห่งทั่วโลก ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เชลล์มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 230.57 พันล้านดอลลาร์ ข้อมูลนี้ทำให้เชลล์เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 50 ของโลกเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด
6. TotalEnergies (TTE)
TotalEnergies เป็นบริษัทข้ามชาติด้านน้ำมันและก๊าซแบบบูรณาการของฝรั่งเศส ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2467 และเป็นหนึ่งในเจ็ดบริษัทน้ำมัน " มหาอำนาจ " ธุรกิจของบริษัทครอบคลุมห่วงโซ่น้ำมันและก๊าซทั้งหมด ตั้งแต่การสำรวจและผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงการผลิตกระแสไฟฟ้า การขนส่งการกลั่นการตลาดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และการค้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ TotalEnergies ยังเป็นผู้ผลิตสารเคมีรายใหญ่อีกด้วย
มีพนักงาน 105,000 คน ในปัจจุบันมีการใช้งานมากกว่า 130 ประเทศ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกภาคส่วน รวมทั้งการดำเนินงานที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชน ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 TotalEnergies มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $160.76 พันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้ TotalEnergies เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 83 ของโลกตามมูลค่าตลาด
7. CNOOC (0883.HK)
CNOOC Limited ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2542 ทำหน้าที่เป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนที่เน้นการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซในทะเล โดยมีบริษัทแม่ของ CNOOC Limited คือ China National Offshore Oil Corporation (CNOOC) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐในจีนที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525
CNOOC Limited มุ่งเน้นการดำเนินงานหลักในกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) เป็นหลัก ได้แก่ธุรกิจ การสำรวจ (Exploration) ซึ่งจะลงทุนในการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจ การพัฒนา (Development) บริษัททำการพัฒนาและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อนำน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สำรวจได้มาใช้ประโยชน์ และ การผลิต (Production) เป็นการนำน้ำมันดิบและก๊าซมาเข้ากระบวนการ โดยบริษัทมีการดำเนินงานในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก รวมถึงการมีส่วนร่วมในโครงการต่างประเทศเช่นในแอฟริกาและอเมริกาเหนือ
CNOOC Limited ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงและนิวยอร์ก ทำให้เป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันและก๊าซที่สำคัญทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ โดยปัจจุบันหุ้นของบริษัท CNOOC เทรดอยู่ที่ราคา 23 ดอลลาร์ฮ่องกง ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดที่ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 CNOOC Limited มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 145.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งนี้ทำให้ปัจจุบัน CNOOC Limited เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 98 ของโลกตามมูลค่าตลาด
8. ConocoPhillips (COP)
ConocoPhillips ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2545 จากการควบรวมกิจการระหว่าง Conoco Inc. และ Phillips Petroleum Company ซึ่งทั้งสองบริษัทมีประวัติยาวนานในการดำเนินงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บริษัทมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ConocoPhillips ทำธุรกิจพลังงานหลายด้านทั้งน้ำมันดิบและแก๊ส ดำเนินการทั้งขุดเจาะ กลั่น-แปรรูป ไปจนถึงขายสินค้าในรูปแบบเชื้อเพลิงรถ ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมีสำหรับใช้งานในภาคอุตสาหกรรม
ปัจจุบันหุ้นของบริษัท ConocoPhillips เทรดอยู่ที่ราคา 112 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ConocoPhillips มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 130.67 พันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้ ConocoPhillips เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 113 ของโลกตามมูลค่าตลาด
9. China Petroleum & Chemical Corporation หริอ Sinopec
SINOPEC หรือบริษัทน้ำมันแห่งชาติจีน เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านพลังงาน และเคมี SINOPEC นับเป็นบริษัททางด้านพลังงานที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียและของโลก ที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง จดทะเบียนในฮ่องกงและซื้อขายในเซี่ยงไฮ้ด้วย ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 Sinopec มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 102.99 พันล้านดอลลาร์ ข้อมูลนี้ทำให้ Sinopec เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 156 ของโลกเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด
10. BP PLC ADR (BP)
BP เป็นบริษัทพลังงานที่เคยใหญ่ติดอันดับหนึ่งในเจ็ดของโลก ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันและแก๊สในแนวดิ่งที่รวบทั้งการสำรวจ ขุดเจาะ ผลิต กลั่น ไปจนถึงการตลาดและการจัดจำหน่าย บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษและดำเนินธุรกิจใน 80 ประเทศทั่วโลก โดยมีกำลังการผลิตในปี 2021 ราว 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำธุรกิจภายใต้แบรนด์ Amoco, Aral, ARCO, BP, BP Connect และ Castrol
ปี 2010 แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ในอ่าวแม็กซิโกเกิดอุบัติเหตุระเบิด ส่งผลให้น้ำมันกว่า 200 ล้านแกลลอนรั่วไหล และกลายเป็นคดีที่ BP ต้องจ่ายค่าปรับ $40 พันล้านเหรียญ โดยที่ยังไม่รวมค่าทำความสะอาดและค่าดำเนินการอื่น จนบริษัทต้องปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อบริหารสินทรัพย์ที่มีให้เพียงพอต่อการดำเนินการและค่าปรับ ด้วยการหาพันธมิตรใหม่และขายกิจการบางส่วนออกไป ปัจจุบัน BP เริ่มขยายธุรกิจไปยังส่วนอื่น ๆ เช่น พลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าหมายการเป็นสถานีชาร์จรถ EV ให้ได้มากกว่า 100,000 สถานีในปี 2030
BP PLC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีพ.ศ. 2513 เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน สหราชอาณาจักร ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 BP มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 102.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งนี้ทำให้ปัจจุบัน BP เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 157 ของโลกตามมูลค่าตลาด
หลายช่องทางในการลงทุนในหุ้นน้ำมัน
1.กองทุนน้ำมัน
กองทุนกลุ่มนี้จะเข้าไปลงทุนผ่าน “กองทุนหลัก” ที่มีนโยบายลงทุนใน “สัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบโลก” ซึ่งส่วนใหญ่จะอ้างอิง WTI เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมากที่สุด แม้จะไม่เป๊ะๆ 100% ก็ตาม แต่ถือเป็นทางเลือกที่ตรงเป้า ตรงจุดที่สุด
2.ETF กลุ่มพลังงาน
“ETF: Exchange Trade Fund” เท่านั้นเอง ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ลงทุนใน “ตลาดหุ้นไทย” อยู่แล้ว มีพอร์ตหุ้นเทรดหุ้นรายตัวก็สามารถจะลงทุนผ่าน ‘ETF กลุ่มพลังงาน’ ได้เลย เคาะซื้อ-ขายในราคา Real Time เหมือนหุ้น ปัจจุบันมี 2 กอง ได้แก่ ENGY, ENY
3.หุ้นกลุ่มพลังงาน เป็นการเข้าไปลงทุนใน “หุ้นรายตัว”
ในกลุ่มพลังงานซึ่งมีทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากราคาน้ำมันขาขึ้นก็อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไป ก็สามารถเข้าไปเลือกลงทุนกันได้ แทนที่จะไปลงทั้ง “ตะกร้าหุ้นพลังงาน” เราก็มาเลือกเอาเองเป็นตัวๆ ไป ก็มีให้เลือกมากมายให้ลงทุน
4.ลงทุนในโบรกเกอร์ต่างประเทศในรูปแบบของซื้อขายแบบ CFD
CFD (Contract For Difference) หรือซื้อขายสัญญาส่วนต่าง ซึ่งอิงจากราคาหุ้นแม่ โดยการซื้อขายในรูปแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นในเรื่องดังต่อไปนี้
🔸 เปิดบัญชีสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงสามารถสมัครได้ทั้งผ่านหน้าเว็ปไซต์และแอพพลิเคชั่นของโบรกเกอร์
🔸 ใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่าการซื้อในรูปแบบอื่น เนื่องจากโบรกเกอร์จะมีอัตราทดหรือ Leverage ให้ทางลูกค้าที่ลงทุน เพื่อทำให้สามารถได้กำไรมากขึ้นโดยใช้เงินทุนน้อยลง
🔸 สามารถเทรดได้ทั้งสองฝั่ง คือ ในขาขึ้น มองหน้า Buy และขาลง มองหน้า Sell ทำให้ไม่พลาดทุกสถานการณ์สำคัญ ปรับเปลี่ยนหน้าเทรดตามช่วงจังหวะ
เทรดหุ้นน้ำมันดิบกับ Mitrade เดี๋ยวนี้
Mitrade Global Pty Ltd คือโบรกเกอร์ Forex และ CFD ตั้งอยู่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ปฏิบัติการภายใต้ หน่วยงานด้านการเงินของเกาะเคย์แมน (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) ด้วยใบอนุญาต AFSL เลขที่ 398528 และคณะกรรมการบริการด้านการเงินมอริเชียส (FSC) หมายเลขใบอนุญาต GB20025791
สำหรับนักลงทุนที่ต้องผลตอบแทนจากราคาน้ำมันดิบโดยตรงผ่านการซื้อหุ้น (Stock) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาจต้องรับความเสี่ยงที่ผลตอบแทนจะไม่เป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยนไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปัจจัยเฉพาะด้านการดำเนินงานของบริษัท ปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงของบุคลากร ปัจจัยด้านการบริหารภายในองค์กร และนโยบายการจ่ายเงินปันผล ฯลฯ ดังนั้น หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่เทียบเคียงได้กับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกโดยตรง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทางอนุพันธ์จะให้ผลตอบแทนที่ตรงไปตรงมาได้มากกว่า
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> เทรดนำ้มันยังไง แนะนำ 4 วิธีการเทรดนำ้มัน ซื้อขายน้ำมันออนไลน์ที่ไหนดี? 10 โบรกเกอร์เทรดน้ำมัน Forex ที่นิยมใช้กัน |
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นน้ำมันมีอะไรบ้าง?
การลงทุนในหุ้นน้ำมันสามารถมีข้อดีจำนวนมาก แต่ข้อดีเหล่านี้อาจมีความเหมาะสมต่อสถานการณ์และวัตถุประสงค์การลงทุนของแต่ละบุคคล ดังนี้:
🔸 ความเสถียรภาพในราคาและความต้านทานต่อความผันผวน
ราคาน้ำมันมีความผันผวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในระยะยาว ตลาดน้ำมันมักมีความเสถียรและต้านทานต่อความผันผวน การลงทุนในหุ้นน้ำมันอาจช่วยให้ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการผันผวนของราคา
🔸 ความต่อเนื่องของอุตสาหกรรม
น้ำมันเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่ใช้ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง อุตสาหกรรมการผลิต การใช้เป็นเชื้อเพลิง และอื่นๆ การต่อเนื่องของอุตสาหกรรมเหล่านี้สร้างความเสถียรให้กับกลุ่มหุ้นน้ำมัน
🔸 อัตรากำไรสูง
บางบริษัทหุ้นน้ำมันมีอัตรากำไรสูงจากการขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจสร้างรายได้ที่น่าพอใจสำหรับผู้ลงทุน
🔸 ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend)
บางบริษัทหุ้นน้ำมันมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เมื่อบริษัทมีผลกำไร การได้รับเงินปันผลอาจเป็นที่มาของรายได้สำรองและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า
🔸 การคุ้มครองและการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเงิน
การลงทุนในหุ้นน้ำมันสามารถเป็นการคุ้มครองตัวเองจากความเสี่ยงในการเงิน เนื่องจากหุ้นน้ำมันมักเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพื่อความมั่นคงและการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการลงทุน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวโน้มหุ้นน้ำมัน
สภาพเศรษฐกิจโลก
การเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน เมื่อศรษฐกิจเติบโต ความต้องการใช้น้ำมันจะสูงขึ้น ในทางกลับกันราคาน้ำมันอาจปรับตัวลดลงเมื่อเศรษฐกิจไม่ขยายตัวหรือถดถอย เพราะมีปริมาณน้ำมันมากกว่าความต้องการของตลาด เช่น กรณีการระบาดของโควิด-19 ในปี 2562-2563 แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันและโรงกลั่น
ถ้าผู้ผลิตไม่สามารถผลิตน้ำมันได้เพียงพอกับความต้องการก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากความต้องการน้ำมันดิบลดลงเหลือน้อยกว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ผลิตได้ ก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หรือหากประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มอัตราการผลิต ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบในตลาดเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงได้เช่นกัน ซึ่งกลุ่มผู้ใหญ่น้ำมันรายใหญ่อย่าง โอเปก หรือ รัสเซีย สหรัฐ จีน จะมีบทบาทมากในการกำหนดทิศทางราคา
ฤดูกาลกับสภาพภูมิอากาศ
เมื่อฤดูเปลี่ยน ทำให้อุปสงค์หรือความต้องการใช้น้ำมันปรับเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น ในฤดูหนาว ประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นเพื่อทำความอบอุ่น (Heating Oil) เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นได้
ภูมิรัฐศาสตร์มีผลต่อราคาน้ำมัน
แถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เป็นภูมิภาคหลักของผู้ผลิตน้ำมันดิบในตลาดโลก หากบริเวณดังกล่าวเกิดความไม่สงบ หรือความขัดแย้งทางการเมือง การทหาร ก็จะส่งผลต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ (Supply) ในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ รวมไปถึงอุปสรรคการขนส่งในบางภูมิภาคของบางช่วงเวลา ก็ทำให้ปริมาณน้ำมันที่เข้าสู่ตลาดลดลงได้
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
น้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดหลักของโลกนั้นซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือความผันผวนเกิดขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินท้องถิ่นกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีผลต่อต้นทุนไปด้วย
สรุป
น้ำมัน ถือว่าเป็นอีกสินทรัพย์ที่มีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นน้ำมัน กองทุน หรือแม้แต่เทรดแบบสัญญาส่วนต่างหรือ CFD ดังนั้นการเข้าใจในที่มาของรายได้และลักษณะธุรกิจที่เกี่ยวข้องของหุ้นน้ำมันต่างๆที่ต่างกันนั้น ทำให้เกิดจุดแข็งและจุดที่แตกต่างกัน ที่จะเลือกลงทุนในหุ้นน้ำมันที่โดดเด่น ดังนั้นลองเข้ามาศึกษาแนวทางการเทรดและพฤติกรรมของหุ้นน้ำมันไม่ว่าจะ EXXON CHEVRON SHELL ที่คุ้นเคยกัน เชื่อเลยว่าถ้านักลงทุนเข้าใจแล้ว น้ำมันจะเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ทำกำไรให้คุณอย่างน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน
ต้องใช้เงินทุนมากแค่ไหนถึงจะลงทุนในหุ้นน้ำมันได้
ข้อควรระวังในการลงทุนหุ้นน้ำมัน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน