หุ้นน้ำมัน 10 อันดับแรกที่มาแรงและน่าลงทุนในปี 2025 มีหุ้นอะไรบ้าง
เมื่อพูดถึงการลงทุนในสินทรัพย์เราอาจจะมองถึงสินทรัพย์อย่างทองคำ สกุลเงิน หุ้น หรือคริปโทเคอร์เรนซี ว่าสามารถทำกำไรขึ้นลงตามสภาพเศรษฐกิจและฤดูกาล จนลืมไปเลยว่ายังมีสินทรัพย์อีกประเภทที่ใกล้ตัวนักลงทุนเช่นกัน และยังได้ติดตามข่าวสาร ราคาความเคลื่อนไหวเป็นประจำอีกด้วย จะเป็นอะไรไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “น้ำมัน” ถึงขึ้นเราให้ฉายาเลยว่า ทองคำสีดำ เพราะมีมูลค่ามหาศาลในทั้งด้านของการใช้งาน ทรัพยากรธรรมชาติ และการลงทุนในหุ้นน้ำมัน เรามาทำความรู้จักหุ้นน้ำมันกันในบทความนี้
ประเภทของบริษัทน้ำมันมีอะไรบ้าง
หุ้นในกลุ่มพลังงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมัน เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงจากนักลงทุน เพราะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่มากมายอยู่ในธุรกิจน้ำมัน
1.ธุรกิจต้นน้ำ คือทำการสำรวจขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ
เป็นบริษัทที่ทำการสำรวจและขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ-ก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ ทั้งในทะเลและบนบก แล้วจึงส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ส่งต่อไปยังโรงกลั่นน้ำมัน โดยการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มนี้ ประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลัก คือ ราคาน้ำมันดิบ และ อัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม เช่น ExxonMobil (XOM), Chevron (CVX), ConocoPhillips (COP), EOG Resources (EOG) และ Occidental Petroleum (OXY)
2.ธุรกิจกลางน้ำ คือโรงกลั่นน้ำมันและผลิตปิโตรเคมี
เป็นกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นที่รับน้ำมันดิบเข้าสู่กระบวนการกลั่น เพื่อผลิตออกมาเป็นน้ำมันสำเร็จรูป เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน น้ำมันอากาศยาน ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเตา รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและเม็ดพลาสติกต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ใช้พิจารณาหุ้นโรงกลั่น ประกอบด้วย ค่าการกลั่น และ การบริหารสต๊อกน้ำมัน ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจกลางน้ำของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม เช่น Enterprise Products Partners (EPD), Kinder Morgan (KMI), Williams Companies (WMB), Enbridge (ENB) และ Magellan Midstream Partners (MMP)
3.ธุรกิจปลายน้ำ คือค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ
เป็นกลุ่มปลายน้ำที่นำน้ำมันสำเร็จรูปที่ได้จำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันต่างๆ โดยสิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุนหุ้นปั๊มน้ำมัน ได้แก่ ค่าการตลาดน้ำมัน และ การบริหารพื้นที่บริการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจปลายน้ำของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเลียม เช่น Phillips 66 (PSX), Valero Energy Corporation (VLO), Marathon Petroleum Corporation (MPC), Royal Dutch Shell (RDS-A) และ TotalEnergies (TTE)
หุ้นน้ำมันมีอะไรบ้าง? หุ้นน้ำมัน 10 อันดับแรกที่ต้องสนใจในปี 2025
5 อันดับหุ้นน้ำมันของไทย
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติของประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 โดยรัฐบาลไทย และได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน ปตท. ดำเนินธุรกิจครอบคลุมทุกกิจกรรมของพลังงานธรรมชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน การกลั่น การจัดจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่างๆ
ปตท. ไม่เพียงแต่เป็นบริษัทพลังงานที่สำคัญของประเทศไทย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ปตท. ยังมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้พลังงานที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน PPT มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 906.9 พันล้านบาท ราคา 31.75 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 43.00 บาท และ ราคาต่ำสุดที่ 29.50 บาท
2. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ของประเทศไทย และเป็นบริษัทในเครือของ ปตท. (PTT) ซึ่งดำเนินธุรกิจในด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์และพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดย PTTGC ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์ระดับโลก ที่มีความหลากหลายและมีความยั่งยืนในกระบวนการผลิต
PTTGC ลงทุนในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน PTTGC มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 109 พันล้านบาท ราคา 24.30 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 39.00 บาท และ ราคาต่ำสุดที่ 21.00 บาท
3. บริษัท ไทยออยล์
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Oil ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยเป็นบริษัทในเครือของ PTT Group (ปตท. กรุ๊ป) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันและการผลิตพลังงานในประเทศไทย รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆ เพื่อสนับสนุนความต้องการพลังงานในประเทศและภูมิภาค โดยบริษัทมีการดำเนินงานภายใต้การสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
Thai Oil ยังดำเนินธุรกิจการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน Thai Oil Station และการขายน้ำมันให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานและธุรกิจขนส่ง นอกจกานี้ ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และการนำเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน TOP มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 62 พันล้านบาท ราคา 28.00 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 70.00 บาท และ ราคาต่ำสุดที่ 21.00 บาท
4. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Bangchak Corporation เป็นบริษัทพลังงานที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 โดยมีการดำเนินธุรกิจในด้านการกลั่นน้ำมัน การจำหน่ายน้ำมัน และการผลิตพลังงานทดแทน รวมถึงการพัฒนาโครงการด้านพลังงานที่ยั่งยืน
บางจากมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันมากมายทั่วประเทศ ภายใต้แบรนด์ Bangchak ซึ่งจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น เบนซิน ดีเซล และแก๊สโซฮอล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น น้ำมันหล่อลื่นและก๊าซธรรมชาติ (CNG) สำหรับยานยนต์ บางจากยังดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เช่น สารเคมีสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และการผลิตพลาสติก เป็นต้น
ปัจจุบัน BCP มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 48 พันล้านบาท ราคา 35.25 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 62.00 บาท และ ราคาต่ำสุดที่ 32.00 บาท
5. บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG Energy เป็นบริษัทพลังงานที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการจัดจำหน่ายน้ำมันและพลังงาน ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดยมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดน้ำมันและพลังงาน โดยมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่มีจำนวนมากและครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการดำเนินธุรกิจในด้านพลังงานทดแทนและการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน
PTG Energy ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและลงทุนในพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีโครงการพลังงานหมุนเวียนหลายโครงการที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในอนาคต
ปัจจุบัน PTG มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 13.861 พันล้านบาท ราคา 8.30 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 11.00 บาท และ ราคาต่ำสุดที่ 6.80 บาท
5 อันดับหุ้นน้ำมันของสหรัฐฯ
6.Saudi Aramco from Saudi Arabia
Saudi Aramco เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย และถือเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ธุรกิจของ Saudi Aramco ครอบคลุมทุกส่วนของอุตสาหกรรมน้ำมัน ตั้งแต่ "ต้นน้ำ" เช่น การสำรวจและขุดเจาะ ไปจนถึง "ปลายน้ำ" อย่างการกลั่นน้ำมันดิบและผลิตสินค้าแปรรูป เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงและปิโตรเคมีชนิดต่างๆ อาทิ เอทิลีน เบนซีน และดีเซล
บริษัทมีบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในการดูแลมากกว่า 100 แห่ง รวมถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความจุประมาณ 284.8 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ความสามารถในการผลิตน้ำมันสูงสุดของบริษัทอยู่ที่ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ Saudi Aramco ยังเป็นเจ้าของและผู้ร่วมลงทุนในโรงกลั่นน้ำมัน 11 แห่งในซาอุดีอาระเบีย และอีก 7 แห่งในต่างประเทศ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของโลก
ปัจจุบัน Saudi Aramco มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $1.803 T ราคา $28.00 ต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ $37.00 และ ราคาต่ำสุดที่ $26.50
7. Exxon Mobil Corporation (XOM)
Exxon Mobil Corporation (ExxonMobil) เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซครบวงจรชั้นนำของโลกที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมหลากหลายด้าน ตั้งแต่การสำรวจและผลิตน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว ไปจนถึงการกลั่นน้ำมันดิบ การผลิต การขนส่ง การค้าขาย และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตน้ำมันพื้นฐาน น้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์พิเศษหลากหลายประเภท ExxonMobil มีการดำเนินงานในหลายภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ อเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
Exxon Mobil ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 จากการควบรวมกิจการระหว่าง Exxon และ Mobil อย่างไรก็ตาม ทั้ง Exxon และ Mobil ต่างเป็นบริษัทที่แยกตัวมาจาก Standard Oil ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1870 โดยจอห์น ดี. ร็อกเกอะเฟลเลอร์ นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้ทรงอิทธิพล
ปัจจุบัน XOM มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $467.98 B ราคา $106.48 ต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ $147.00 และ ราคาต่ำสุดที่ $105.00
8.Chevron Corp (CVX)
Chevron Corporation หรือที่รู้จักในชื่อย่อ CVX เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานรามอน รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา Chevron มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ครอบคลุมทั้งธุรกิจต้นน้ำ (upstream) และปลายน้ำ (downstream) กิดจากการควบรวมกิจการของสแตนดาร์ดออยล์แห่งแคลิฟอร์เนีย (SoCal) กับกัลฟ์ออยล์ จากพิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ในปี ค.ศ. 1984 ชื่อบริษัทมาจากชื่อเครื่องหมายการค้า "Chevron"
Chevron มุ่งเน้นการสำรวจ การผลิตน้ำมันดิบ และการสกัดก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพลังงานทั่วโลก บริษัทมีโครงการสำคัญในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ Chevron ยังดำเนินธุรกิจการกลั่นน้ำมัน การผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง สารหล่อลื่น และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น ๆ พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ "Chevron," "Texaco," และ "Caltex"
ที่สำคัญ Chevron ได้ลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไฮโดรเจน พลังงานหมุนเวียน และการดักจับคาร์บอน (Carbon Capture) เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตพลังงานที่ยั่งยืน
ปัจจุบัน CVX มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $256.74 B ราคา $144.00 ต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ $197.00 และ ราคาต่ำสุดที่ $154.00 ดังนัั้น นักลงทุนควรรอจังหวะการเข้าซื้อที่เหมาะสมมากกว่านี้
9.PetroChina Co. Ltd.
PetroChina Co. Ltd. ดำเนินธุรกิจสำรวจ พัฒนา ผลิตและจำหน่ายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ บริษัทยังมีส่วนร่วมในการกลั่นน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม บริษัท PetroChina ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2542 และมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 PetroChina มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 258.72 พันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้ทำให้ PetroChina เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 39 ของโลกตามมูลค่าตลาดตามข้อมูล
ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทร่วมหุ้นที่มีหนี้สินจำกัดภายใต้กฎหมายบริษัทของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้าง CNPC อัดฉีดสินทรัพย์และหนี้สินส่วนใหญ่ของ CNPC ให้กับ PetroChina ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสำรวจและผลิต การกลั่นและการตลาด เคมีภัณฑ์ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติ แม้ว่า PetroChina จะเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในเอเชีย แต่ความสำเร็จนี้อาจเป็นผลมาจากการจัดการขององค์กร แต่ก็อาจเป็นผลมาจากการผูกขาดในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกของผลิตภัณฑ์น้ำมันที่แบ่งปันกับซิโนเปกในจีน
ปัจจุบัน PetroChina มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $214.04 B ราคา $0.78 ต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ $1.27 และ ราคาต่ำสุดที่ $0.45
10.Royal Dutch Shell
หรือ เชลล์ เป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติสัญชาติดัตช์และอังกฤษ ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันปิโตรเลียม รวมไปถึงธุรกิจพลังงานทดแทน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1907 จากการควบรวมกิจการของบริษัท รอยัลดัตช์ปิโตรเลียม สัญชาติเนเธอร์แลนด์ และบริษัท "เชลล์" ทรานสปอร์ตแอนด์เทรดดิง สัญชาติอังกฤษ รอยัลดัตช์เชลล์ เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกเมื่อวัดจากขนาดรายได้และนับว่าใหญ่ที่สุดในยุโรป
ในเดือนพฤศจิกายน 2024, ศาลอุทธรณ์ของเนเธอร์แลนด์ได้ยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่บังคับให้ Shell ลดการปล่อยคาร์บอนลง 45% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยศาลอุทธรณ์เห็นว่า การบังคับให้บริษัทเดียวลดการปล่อยคาร์บอนอาจไม่ส่งผลต่อการชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยรวม
ปัจจุบัน Shell PLC มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $187.44 B ราคา $61.69 ต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์จาก investing.com มองว่าในปี 2025 ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ $67.82 และ ราคาต่ำสุดที่ $53.63
หลายช่องทางในการลงทุนในหุ้นน้ำมัน
1.กองทุนน้ำมัน
กองทุนกลุ่มนี้จะเข้าไปลงทุนผ่าน “กองทุนหลัก” ที่มีนโยบายลงทุนใน “สัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบโลก” ซึ่งส่วนใหญ่จะอ้างอิง WTI เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมากที่สุด แม้จะไม่เป๊ะๆ 100% ก็ตาม แต่ถือเป็นทางเลือกที่ตรงเป้า ตรงจุดที่สุด
2.ETF กลุ่มพลังงาน
“ETF: Exchange Trade Fund” เท่านั้นเอง ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ลงทุนใน “ตลาดหุ้นไทย” อยู่แล้ว มีพอร์ตหุ้นเทรดหุ้นรายตัวก็สามารถจะลงทุนผ่าน ‘ETF กลุ่มพลังงาน’ ได้เลย เคาะซื้อ-ขายในราคา Real Time เหมือนหุ้น ปัจจุบันมี 2 กอง ได้แก่ ENGY, ENY
3.หุ้นกลุ่มพลังงาน เป็นการเข้าไปลงทุนใน “หุ้นรายตัว”
ในกลุ่มพลังงานซึ่งมีทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากราคาน้ำมันขาขึ้นก็อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไป ก็สามารถเข้าไปเลือกลงทุนกันได้ แทนที่จะไปลงทั้ง “ตะกร้าหุ้นพลังงาน” เราก็มาเลือกเอาเองเป็นตัวๆ ไป ก็มีให้เลือกมากมายให้ลงทุน
4.ลงทุนในโบรกเกอร์ต่างประเทศในรูปแบบของซื้อขายแบบ CFD
CFD (Contract For Difference) หรือซื้อขายสัญญาส่วนต่าง ซึ่งอิงจากราคาหุ้นแม่ โดยการซื้อขายในรูปแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นในเรื่องดังต่อไปนี้
🔸 เปิดบัญชีสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงสามารถสมัครได้ทั้งผ่านหน้าเว็ปไซต์และแอพพลิเคชั่นของโบรกเกอร์
🔸 ใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่าการซื้อในรูปแบบอื่น เนื่องจากโบรกเกอร์จะมีอัตราทดหรือ Leverage ให้ทางลูกค้าที่ลงทุน เพื่อทำให้สามารถได้กำไรมากขึ้นโดยใช้เงินทุนน้อยลง
🔸 สามารถเทรดได้ทั้งสองฝั่ง คือ ในขาขึ้น มองหน้า Buy และขาลง มองหน้า Sell ทำให้ไม่พลาดทุกสถานการณ์สำคัญ ปรับเปลี่ยนหน้าเทรดตามช่วงจังหวะ
เทรดหุ้นน้ำมันดิบกับ Mitrade เดี๋ยวนี้
Mitrade ช่วยให้คุณลงทุนและสร้างกำไรจากน้ำมันได้โดยตรง ซึ่งข้อดีของการลงทุนในน้ำมันโดยตรงคือผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่น้อยกว่า และสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันได้ง่ายขึ้น หากคุณเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาหุ้นของบริษัทอาจไม่เพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทมีผลโดยตรงต่อราคาหุ้นนั้นเอง ดังนั้นการลงทุนในน้ำมันโดยตรงจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดความซับซ้อนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในบริษัทน้ำมัน
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นน้ำมันมีอะไรบ้าง?
การลงทุนในหุ้นน้ำมันสามารถมีข้อดีจำนวนมาก แต่ข้อดีเหล่านี้อาจมีความเหมาะสมต่อสถานการณ์และวัตถุประสงค์การลงทุนของแต่ละบุคคล ดังนี้:
🔸 ความเสถียรภาพในราคาและความต้านทานต่อความผันผวน
ราคาน้ำมันมีความผันผวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในระยะยาว ตลาดน้ำมันมักมีความเสถียรและต้านทานต่อความผันผวน การลงทุนในหุ้นน้ำมันอาจช่วยให้ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการผันผวนของราคา
🔸 ความต่อเนื่องของอุตสาหกรรม
น้ำมันเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่ใช้ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง อุตสาหกรรมการผลิต การใช้เป็นเชื้อเพลิง และอื่นๆ การต่อเนื่องของอุตสาหกรรมเหล่านี้สร้างความเสถียรให้กับกลุ่มหุ้นน้ำมัน
🔸 อัตรากำไรสูง
บางบริษัทหุ้นน้ำมันมีอัตรากำไรสูงจากการขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจสร้างรายได้ที่น่าพอใจสำหรับผู้ลงทุน
🔸 ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend)
บางบริษัทหุ้นน้ำมันมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เมื่อบริษัทมีผลกำไร การได้รับเงินปันผลอาจเป็นที่มาของรายได้สำรองและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า
🔸 การคุ้มครองและการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเงิน
การลงทุนในหุ้นน้ำมันสามารถเป็นการคุ้มครองตัวเองจากความเสี่ยงในการเงิน เนื่องจากหุ้นน้ำมันมักเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพื่อความมั่นคงและการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการลงทุน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวโน้มหุ้นน้ำมัน
สภาพเศรษฐกิจโลก
การเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน เมื่อศรษฐกิจเติบโต ความต้องการใช้น้ำมันจะสูงขึ้น ในทางกลับกันราคาน้ำมันอาจปรับตัวลดลงเมื่อเศรษฐกิจไม่ขยายตัวหรือถดถอย เพราะมีปริมาณน้ำมันมากกว่าความต้องการของตลาด เช่น กรณีการระบาดของโควิด-19 ในปี 2562-2563 แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันและโรงกลั่น
ถ้าผู้ผลิตไม่สามารถผลิตน้ำมันได้เพียงพอกับความต้องการก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากความต้องการน้ำมันดิบลดลงเหลือน้อยกว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ผลิตได้ ก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หรือหากประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มอัตราการผลิต ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบในตลาดเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงได้เช่นกัน ซึ่งกลุ่มผู้ใหญ่น้ำมันรายใหญ่อย่าง โอเปก หรือ รัสเซีย สหรัฐ จีน จะมีบทบาทมากในการกำหนดทิศทางราคา
ฤดูกาลกับสภาพภูมิอากาศ
เมื่อฤดูเปลี่ยน ทำให้อุปสงค์หรือความต้องการใช้น้ำมันปรับเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น ในฤดูหนาว ประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นเพื่อทำความอบอุ่น (Heating Oil) เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นได้
ภูมิรัฐศาสตร์มีผลต่อราคาน้ำมัน
แถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เป็นภูมิภาคหลักของผู้ผลิตน้ำมันดิบในตลาดโลก หากบริเวณดังกล่าวเกิดความไม่สงบ หรือความขัดแย้งทางการเมือง การทหาร ก็จะส่งผลต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ (Supply) ในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ รวมไปถึงอุปสรรคการขนส่งในบางภูมิภาคของบางช่วงเวลา ก็ทำให้ปริมาณน้ำมันที่เข้าสู่ตลาดลดลงได้
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
น้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดหลักของโลกนั้นซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือความผันผวนเกิดขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินท้องถิ่นกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีผลต่อต้นทุนไปด้วย
สรุป
น้ำมัน ถือว่าเป็นอีกสินทรัพย์ที่มีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นน้ำมัน กองทุน หรือแม้แต่เทรดแบบสัญญาส่วนต่างหรือ CFD ดังนั้นการเข้าใจในที่มาของรายได้และลักษณะธุรกิจที่เกี่ยวข้องของหุ้นน้ำมันต่างๆที่ต่างกันนั้น ทำให้เกิดจุดแข็งและจุดที่แตกต่างกัน ที่จะเลือกลงทุนในหุ้นน้ำมันที่โดดเด่น ดังนั้นลองเข้ามาศึกษาแนวทางการเทรดและพฤติกรรมของหุ้นน้ำมันไม่ว่าจะ EXXON CHEVRON SHELL ที่คุ้นเคยกัน เชื่อเลยว่าถ้านักลงทุนเข้าใจแล้ว น้ำมันจะเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ทำกำไรให้คุณอย่างน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน
ต้องใช้เงินทุนมากแค่ไหนถึงจะลงทุนในหุ้นน้ำมันได้
ข้อควรระวังในการลงทุนหุ้นน้ำมัน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน