หุ้นโรงแรม ตัวไหนดี 2568? TOP 8 หุ้นโรงแรมที่ควรจับตามอง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมโรงแรมได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย มากมาย ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว และแนวโน้มการเดินทางที่ยั่งยืน ส่งผลให้หุ้นโรงแรมกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มการลงทุนที่น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2568 ที่จะถึงนี้ นักลงทุนหลายคนต่างมองหาหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาว บทความนี้เราจะพามาเจาะลึก ถึงแนวทางการเลือกและวิธีการลงทุน
TOP 8 หุ้นโรงแรมที่ควรจับตามอง
หุ้นไทยจังหวะสะสมรอฟื้นตัว มีตัวที่น่าสนใจดังนี้
1.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
ข้อมูลทั่วไป เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในโรงแรมและธุรกิจอาหารทั่วโลก มีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี มีแบรนด์โรงแรมที่หลากหลาย ทั้งโรงแรมหรูและโรงแรมระดับกลาง ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลายกลุ่ม
ข่าวอัพเดท MINT รายงานผลประกอบการประจำปี 2567 มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,750.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.37% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,407.06 ล้านบาท เติบโตมาจาก ธุรกิจโรงแรมที่มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR)
2.บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
ข้อมูลทั่วไป มีพอร์ตโรงแรมที่อยู่ในทำเลทองของประเทศไทย มีโรงแรมหรูและโรงแรมที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ทำให้มีโอกาสในการเติบโตในระยะยาว
ข่าวอัพเดท แนวโน้มธุรกิจปี 2568 คาดทำนิวไฮต่อเนื่องจากปีก่อน และคาดว่าผลงานในไตรมาส 1/2568 คาดเติบโตดี ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อีกทั้งภาครัฐมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง
3.บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL
ข้อมูลทั่วไป มีธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารที่แข็งแกร่ง มีแบรนด์โรงแรมที่หลากหลาย และมีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี และมีโรงแรมที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ทำให้ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ข่าวอัพเดท CENTEL กางแผนลงทุน 3 ปี 19,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตต่อเนื่อง ปี 2568 เตรียมเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม 9 แห่งทั้งไทย-เทศ พร้อมลุยปรับโฉม “เซ็นทารา แกรนด์ หัวหิน-เซ็นทารา แกรนด์ กระบี่” เป็นโรงแรมระดับลักเซอรี่ คาดสิ้นปี 2568 รายได้แตะ 15,000 ล้านบาท เติบโต 23%
4.บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
ข้อมูลทั่วไป มีโรงแรมที่หลากหลาย ทั้งโรงแรมหรูและโรงแรมระดับกลาง มีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี มีเครือข่ายโรงแรมที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ทำให้ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศ
ข่าวอัพเดท โดยรวมของกลุ่มโรงแรมน่าจะดีขึ้นจากอุปสงค์ในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น ท่ามกลางอุปสงค์ในกลุ่ม MICE ธุรกิจการจัดประชุม สัมมนา โดยที่ปัจจัยดังกล่าวนี้จะสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากยิ่งขึ้น
5.บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR
ข้อมูลทั่วไป มีการลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มีแบรนด์โรงแรมที่เน้นความหรูหราและประสบการณ์การพักผ่อน ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์
ข่าวอัพเดท ทั้งไตรมาส 4/67 น่าจะสามารถพลิกกลับมีกำไรได้ โครงการปรับปรุงโรงแรม SAii Laguna Phuket คาดจะเสร็จเร็วกว่าแผน อีกทั้งโรงแรม SO/Maldives เข้าสู่ High season
หุ้น / บริษัท | ราคาหุ้นปัจจุบัน | P/E | จุดเด่น |
MINT | 28.25 | 20.85 | หลากหลายธุรกิจ |
AWC | 2.96 | 16.19 | ทำอสังหาฯครบวงจร |
CENTEL | 33.00 | 25.22 | บริหารระดับโลก |
ERW | 3.24 | 12.67 | กระจายความเสี่ยง |
SHR | 2.16 | 58.49 | เงินทุนแกร่ง |
หุ้นโรงแรมที่อยู่ในต่างประเทศและเป็นที่สนใจของนักลงทุนนั้นมีดังต่อไปนี้
1.Marriott International, Inc. (MAR)
Marriott หรือ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นกลุ่มบริษัทอเมริกันที่บริหาร ลงทุน และเป็นเจ้าของธุรกิจที่พักอาศัยรวมถึง โรงแรม ที่พักอาศัย และไทม์แชร์ เป็นหนึ่งในเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยแบรนด์โรงแรมที่โดดเด่นหลายแบรนด์ เช่น Marriott, Ritz-Carlton และ Sheraton บริษัทนี้มีการลงทุนในเทคโนโลยีและประสบการณ์การให้บริการที่ดีเพื่อดึงดูดผู้เข้าพัก ซึ่งส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว
2.Hilton Worldwide Holdings Inc. (HLT)
เป็นบริษัทข้ามชาติด้านการต้อนรับสัญชาติอเมริกันที่บริหารจัดการและให้แฟรนไชส์โรงแรม รีสอร์ท และทรัพย์สิน Hilton มีเครือข่ายโรงแรมที่กว้างขวางทั่วโลก มีแนวโน้มในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง และมักได้รับคะแนนสูงในด้านความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ ด้วยโมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นและกลยุทธ์ในการจัดการ โรงแรมยังสามารถประสบความสำเร็จในหลายสถานการณ์
3.Wyndham Hotels & Resorts, Inc. (WH)
Wyndham เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นไปยังตลาดโรงแรมราคาประหยัดและกลาง โดยมีแบรนด์ที่หลากหลายและครอบคลุมหลายภูมิภาคทั่วโลก การเติบโตของ Wyndham มาจากการขยายสาขาและการปรับปรุงบริหารจัดการโรงแรม
หุ้น / บริษัท | ราคาหุ้นปัจจุบัน USD | P/E (เท่า) | จุดเด่น |
MAR แมริออท | 280 | 32.52 | เครือข่ายรร.ที่ใหญ่ที่สุดในโลก , รอยัลตี้โปรแกรม |
HLT ฮิลตัน | 258 | 42.09 | แบรนด์แข็งแกร่ง,บริหารมืออาชีพ |
WH วินแฮม | 104 | 29.03 | บริหารต้นทุนเก่ง, โฟกัสตลาดกลางที่มีจำนวนมาก |
วิธีเลือกซื้อหุ้นโรงแรม
การเลือกซื้อหุ้นโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยหลายด้าน เพื่อประเมินศักยภาพในการเติบโตและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ต่อไปนี้เป็นวิธีและปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา:
วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
ผลประกอบการ: ตรวจสอบรายได้และกำไรย้อนหลัง เพื่อดูแนวโน้มการเติบโต วิเคราะห์อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ เพื่อดูความสามารถในการทำกำไร ศึกษาอัตราส่วนทางการเงิน เช่น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เพื่อประเมินความแข็งแกร่งทางการเงิน
การบริหารจัดการ: ศึกษาประวัติและประสบการณ์ของผู้บริหาร ตรวจสอบกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ทรัพย์สินและหนี้สิน: วิเคราะห์มูลค่าทรัพย์สินของบริษัท เช่น โรงแรม ที่ดิน ตรวจสอบภาระหนี้สินและดอกเบี้ยจ่าย
อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate): เป็นตัวชี้วัดหลักที่แสดงถึงจำนวนห้องพักที่มีผู้เข้าพัก ยิ่งอัตราสูงยิ่งดี ราคาขายเฉลี่ยต่อห้องพัก (Average Daily Rate หรือ ADR): แสดงถึงราคาเฉลี่ยที่โรงแรมเรียกเก็บต่อห้องพัก และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (Revenue Per Available Room หรือ RevPAR): เป็นตัวชี้วัดที่รวมทั้งอัตราการเข้าพักและราคาขายเฉลี่ยต่อห้องพัก
วิเคราะห์ปัจจัยภายนอก
แนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว: ศึกษาแนวโน้มการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เช่น เศรษฐกิจ การเมือง โรคระบาด
สภาพเศรษฐกิจ: ติดตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่บริษัทโรงแรมดำเนินธุรกิจ วิเคราะห์ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน
ปัจจัยทางภูมิศาสตร์: ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมหรือไม่ การเดินทางสะดวกหรือไม่
พิจารณาปัจจัยเพิ่มเติม
แบรนด์และชื่อเสียง: โรงแรมที่มีแบรนด์แข็งแกร่งและชื่อเสียงดีมักมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น รร.ในเครือเซ็นทารา มีจุดเด่นด้านเชนบริหารโรงแรมระดับโลก หรือ SHR ที่มีการจับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ลักชูรี่ทำตลาดที่แตกต่าง
การกระจายความเสี่ยง: บริษัทที่มีโรงแรมหลากหลายประเภทและตั้งอยู่ในหลายทำเลจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า ตัวอย่างที่เห็นชัด Hop Inn ในเครือของเอราวัณ หันมาเน้นกลุ่มรร.ตามหัวเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มคนทำงาน
ความสามารถในการปรับตัว: บริษัทที่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ดีจะมีความได้เปรียบ
คนไทยจะซื้อขายหุ้นโรงแรมได้อย่างไร
นักลงทุนชาวไทยสามารถซื้อขายหุ้นโรงแรมได้ทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีช่องทางหลัก ๆ ดังนี้
1.การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
วิธีการ: นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) และทำการซื้อขายหุ้นโรงแรมที่จดทะเบียนในตลาดไทย โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ข้อดี: การซื้อขายสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมมักต่ำกว่าการลงทุนในตลาดต่างประเทศ
ข้อเสีย: ตัวเลือกหุ้นโรงแรมมีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นอาจต่ำกว่าบริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศ
2.การลงทุนผ่านกองทุนรวม
วิธีการ: ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นโรงแรม เช่น กองทุนเปิดกรุงศรีโกรท (KFGROWTH) / กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นไทย Mid/Small Cap (SCBMSE) เป็นต้น
ข้อดี: การบริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ มีการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหลายๆ หุ้น ผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่บริหารจัดการเงินลงทุนและเลือกหุ้นโรงแรมที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด
ข้อเสีย: ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการที่สูงกว่า เงินลงทุนจะถูกบริหารโดยผู้เชี่ยวชาญ การไม่สามารถควบคุมพอร์ตการลงทุนได้โดยตรงของตนเอง
3.ซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการในรูปแบบของ CFD (Contracts for Difference)
วิธีการ: เป็นรูปแบบการซื้อขายหุ้นที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งสามารถใช้ CFD เพื่อทำการเทรดราคาหุ้นโรงแรม โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นจริง
ข้อดี: มีความยืดหยุ่นในการเปิดและปิดตำแหน่งอย่างรวดเร็ว โดยสามารถทำกำไรจากการลดราคาหรือการเพิ่มราคาได้ทั้ง 2 ฝั่ง และมีสินค้าเทรดหลากหลายหรือรวมทั้งหุ้นต่างประเทศ และETF เกี่ยวกับโรงแรมให้เลือก
ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากการใช้เลเวอเรจหรืออัตราทดอาจสร้างผลกำไรหรือขาดทุนที่สูงขึ้น อาจมีค่าธรรมเนียมในการถือออเดอร์ข้ามคืนหรือสวอป
ราคา HLT แบบเรียลไทม์

นักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารและบทวิเคราะห์จากแหล่งที่เชื่อถือได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงติดตามผลประกอบการของบริษัทโรงแรมต่างๆ และแนวโน้มของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
สรุป
ปี 2568 ถือเป็นปีที่น่าจับตามองสำหรับหุ้นกลุ่มโรงแรม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั่วโลก นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐในหลายประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นโรงแรมยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมือง หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
ข้อควรระวังสำหรับการเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงแรมมีอะไรบ้าง
ความผันผวนตามฤดูกาล: ธุรกิจโรงแรมมักมีรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยขึ้นอยู่กับฤดูกาลท่องเที่ยวและเทศกาลต่างๆ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีความผันผวน
ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก: ธุรกิจโรงแรมมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ภัยธรรมชาติ และโรคระบาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ของบริษัท
การแข่งขันสูง: ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูง ทั้งจากโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจที่พักทางเลือก เช่น Airbnb ทำให้อัตรากำไรอาจถูกกดดัน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน