WTI เคลื่อนตัวสูงขึ้นเหนือ $69.50 ท่ามกลางความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่เพิ่มขึ้น

ราคา WTI ขยับสูงขึ้นเป็น $69.70 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์
ทรัมป์ขู่เรื่องภาษีต่อผู้ซื้อ น้ำมันเวเนซุเอลา
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐฯ ลดลง 3.341 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ตามที่ EIA ระบุ
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 69.70 ดอลลาร์ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ ราคา WTI ได้รับแรงผลักดันขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน เนื่องจากการขู่เรื่องภาษีของสหรัฐฯ ต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลายังคงสนับสนุนราคา
ราคา WTI ได้ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาษีรอง 25% ต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันหรือก๊าซจากเวเนซุเอลา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน สหรัฐฯ ได้ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลาเป็นมูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ทำให้เป็นหนึ่งในผู้จัดหาน้ำมันต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ตามข้อมูลการค้าของกระทรวงพาณิชย์
การลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบ โดยรายงานประจำสัปดาห์ของหน่วยงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (EIA) แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 มีนาคม ลดลง 3.341 ล้านบาร์เรล เมื่อเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้น 1.745 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า ความเห็นของตลาดคาดว่าคงคลังจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ความกังวลว่าภาษีรถยนต์ของทรัมป์จะทำให้ความต้องการน้ำมันชะลอตัวอาจดึงราคา WTI ให้ต่ำลง ในวันพุธ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดเผยแผนการที่จะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กที่นำเข้ามีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ขณะที่ภาษีต่อชิ้นส่วนรถยนต์จะเริ่มในวันที่ 3 พฤษภาคม "อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับน้ำมันในขณะนี้คือความกังวลเกี่ยวกับภาษี และภาษีอาจทำให้ความต้องการชะลอตัว" ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Price Futures Group กล่าว
เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำการลงทุนได้ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้นและผู้อ่านไม่ควรใช้บทความนี้เป็นพื้นฐานการลงทุนใด ๆ Mitrade ไม่รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ใด ๆ ตามบทความนี้และไม่รับประกันความถูกต้องของเนื้อหาของบทความนี้