ตลาดหุ้นไทยยังต่ำกว่าตลาดโลก แต่มีโอกาสจากนโยบายทรัมป์และกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ตลาดหุ้นไทยยังคงมีผลประกอบการต่ำกว่าตลาดหุ้นโลกตลอดช่วง YTD แต่มีโอกาสในการขยายตลาดส่งออกไปยังสหรัฐฯ หากนโยบายทรัมป์ยังคงดำเนินต่อไป
- เศรษฐกิจไทยปี 2568 ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและการเติบโตของภาคท่องเที่ยว แต่ยังมีความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนสูงและผลกระทบจากนโยบายต่างประเทศ
- การลงทุนในระยะกลาง-ยาวมีการแนะนำธีมการลงทุนที่เน้นการเติบโตในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม และดาต้าเซ็นเตอร์
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนาว่าตลาดหุ้นไทยยังคง “Underperform” เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลกในปี 2568 แม้ว่า DBS CIO จะลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นโลกเป็น “Neutral” ยกเว้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังมีน้ำหนักการลงทุนสูงกว่า ทั้งนี้ นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหากสงครามการค้าเข้มข้นขึ้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณการค้าลดลงและตลาดทุนมีความผันผวนเพิ่มขึ้น
ในด้านเศรษฐกิจไทย นางสาวอาภาภรณ์มองว่ามาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568 การขยายตลาดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยังคงเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะในสินค้าที่ไทยไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าหรือเก็บในอัตราที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ การย้ายฐานการผลิตจากบริษัทจีนมาไทยจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวก
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนที่สูง การผันผวนของค่าเงินบาท และผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้ประเทศคู่ค้าของไทยมีเศรษฐกิจอ่อนแอลง ในด้านการลงทุน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สได้แนะนำ 4 ธีมการลงทุนที่สำคัญในปี 2568 พร้อมทั้งรายชื่อหุ้นเด่นในแต่ละธีม เช่น การลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ กลุ่มท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมดิจิทัล
โดยสรุป นางสาวอาภาภรณ์ระบุว่าตลาดหุ้นไทยคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตของกำไร 11% ในปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายดัชนีที่ 1,440 จุด แต่ยังมีความเสี่ยงด้านการเติบโตของกำไรและความผันผวนในตลาดที่อาจส่งผลให้ต้องปรับเป้าหมายลง สำหรับค่าเงินบาทที่ 33.10-33 อาจมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การประชุมกนง. อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในระยะสั้นหากมีการปรับลดดอกเบี้ย
บทความแนะนำ
