เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ 'สงครามการค้า' ระหว่างจีนและประเทศของเขา เขาแสดงความคิดเห็นว่า ทรัมป์ไม่ได้เสนอที่จะลดภาษีต่อจีนโดยฝ่ายเดียว เบสเซนต์กล่าวว่า "อย่างที่ผมเคยพูดหลายครั้ง ผมไม่คิดว่าทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าระดับภาษีในปัจจุบันนั้นยั่งยืน ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจหากพวกเขาลดลงในลักษณะร่วมกัน"
เบสเซนต์ยังกล่าวว่าเขาไม่มีกรอบเวลาในการเริ่มการสนทนากับจีน แม้ว่า "มันจะต้องเกิดขึ้นที่ระดับที่ต่ำกว่าทรัมป์และสี"
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากความคิดเห็นนี้ โดยอารมณ์ของตลาดเปลี่ยนไปในทางลบเล็กน้อย ดัชนี S&P 500 ลดลงจากจุดสูงสุดในวันลงมาอยู่ต่ำกว่า 5,400 ใกล้กับราคาที่เปิดตลาด ในขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งติดตามผลการดำเนินงานของดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล ได้ลดการขาดทุนบางส่วน ยืนอยู่ที่ประมาณ 99.61 แทบไม่เปลี่ยนแปลง
โดยทั่วไปแล้ว สงครามการค้าเป็นความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศขึ้นไปเนื่องจากการปกป้องที่รุนแรงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหมายถึงการสร้างอุปสรรคทางการค้า เช่น ภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลให้เกิดอุปสรรคตอบโต้ ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสูงขึ้น และทำให้ค่าครองชี
ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐอเมริกา (US) และจีนเริ่มต้นขึ้นในต้นปี 2018 เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งกำแพงการค้าในจีน โดยอ้างถึงการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย จีนได้ดำเนินการตอบโต้โดยการกำหนดภาษีต่อสินค้าหลายรายการจากสหรัฐฯ เช่น รถยนต์และถั่วเหลือง ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นจนกระทั่งทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งระหว่างสหรัฐฯ-จีนในเดือนมกราคม 2020 ข้อตกลงนี้กำหนดให้มีการปฏิรูปโครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในระบอบเศรษฐกิจและการค้าของจีน และพยายามที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพและความไว้วางใจระหว่างสองประเทศ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้เบี่ยงเบนความสนใจจากความข
การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ สู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ได้ก่อให้เกิดความตึงเครียดใหม่ระหว่างสองประเทศ ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2024 ทรัมป์ได้ให้สัญญาว่าจะเรียกเก็บภาษี 60% กับจีนเมื่อเขากลับเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเขาทำในวันที่ 20 มกราคม 2025 สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนมีเป้าหมายที่จะกลับมาดำเนินต่อจากจุดที่หยุดไว้ โดยมีนโยบายตอบโต้ที่ส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจโลกท่ามกลางการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ส่งผลให้การใช้จ่ายลดลง โดยเฉพาะการลงทุน และส่งผลโดย