นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืนของ SCB EIC ประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตเพียง 2.4% เหตุเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่เพิ่มขึ้น คือ ผลกระทบจากแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ และนโยบายปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันที่ 2 เมษายนนี้
เหตุแผ่นดินไหวคาดว่าจะสร้างความเสียหายมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อ 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งรายงานการยกเลิกจองห้องพักและตั๋วเครื่องบิน และคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในเดือนเมษายน แต่จะกลับมาปกติในอีก 3-4 เดือน, ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยอดจองและยอดโอนชะลอ อาจทำให้มูลค่าการโอนในกรุงเทพฯ ลดลงประมาณ 1% ในปีนี้ และการใช้จ่ายในสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ จะได้รับผลกระทบ
นายยรรยงยังเน้นว่าภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และมาตรการกระตุ้นของรัฐ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต จะมีบทบาทสำคัญในปีนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ อาจสร้างความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุน แต่ระยะยาว คาดว่ารัฐบาลจะมีการเจรจาเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยคาดว่าจะมีผลต่อ GDP ของไทยประมาณ 1% ในกรณีที่ภาษีนำเข้าสินค้าไทยถูกเพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ มีสัดส่วนสูงและมีน้ำหนักต่อ GDP อย่างมาก