ดอลลาร์สหรัฐยังคงร่วงลงจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น
- ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ปรับตัวลดลงใกล้ 99.50 ท่ามกลางความกังวลว่านโยบายภาษีของทรัมป์จะสร้างความเจ็บปวดให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีตอบโต้ต่อจีนเป็น 125%
- ความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของกำลังซื้อของครัวเรือนในสหรัฐฯ ได้ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงเผชิญกับแรงขายที่รุนแรง โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ปรับตัวลดลงใกล้ 99.50 ดัชนี USD ได้ขยายช่วงการขาดทุนเป็นวันที่สามติดต่อกันท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ (US) และจีน
ดอลลาร์สหรัฐ ราคา วันนี้
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ วันนี้ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับ สวิสฟรังก์
| USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| USD | -0.21% | -0.85% | -0.60% | -0.04% | -0.59% | -0.91% | -0.03% | |
| EUR | 0.21% | -0.15% | 0.08% | 0.62% | 0.37% | -0.27% | 0.62% | |
| GBP | 0.85% | 0.15% | 0.60% | 0.76% | 0.52% | -0.12% | 0.77% | |
| JPY | 0.60% | -0.08% | -0.60% | 0.52% | -0.26% | -0.56% | 0.71% | |
| CAD | 0.04% | -0.62% | -0.76% | -0.52% | -0.51% | -0.87% | -0.06% | |
| AUD | 0.59% | -0.37% | -0.52% | 0.26% | 0.51% | -0.63% | 0.25% | |
| NZD | 0.91% | 0.27% | 0.12% | 0.56% | 0.87% | 0.63% | 0.91% | |
| CHF | 0.03% | -0.62% | -0.77% | -0.71% | 0.06% | -0.25% | -0.91% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศหยุดภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วันกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ทั้งหมด ยกเว้นจีน สถานการณ์เลวร้ายลงหลังจากที่ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีตอบโต้ต่อจีนเป็น 125% เพื่อเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่สำคัญต่อสหรัฐฯ การหยุดภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วันนั้นเป็นการบรรเทาอย่างมากสำหรับประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐยังคงเผชิญกับแรงกดดัน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าท่าทีของทรัมป์เกี่ยวกับภาษีนำเข้าและการตอบโต้ภาษีกับจีนกำลังทำให้ความน่าสนใจในโครงสร้างของดอลลาร์ลดลง นอกจากนี้ยังนำไปสู่การลดลงอย่างรวดเร็วของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเกือบ 14% จากสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลดลงมากกว่า 1% ในช่วงเวลาซื้อขายในยุโรปเมื่อวันจันทร์
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในครัวเรือนสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ยังส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมิชิแกน (UoM) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นอยู่ที่ 50.8 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 54.5 และต่ำกว่าการอ่านก่อนหน้านี้ที่ 57.0 ครัวเรือนในสหรัฐฯ กำลังสูญเสียความเชื่อมั่นท่ามกลางความคาดหวังว่านโยบายคุ้มครองของทรัมป์จะลดกำลังซื้อของครัวเรือนอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะเดียวกัน การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคที่ไม่แน่นอนซึ่งคาดว่าผู้นำเข้าของสหรัฐฯ จะต้องแบกรับภาระภาษีที่สูงขึ้นก็ทำให้การทำงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยุ่งยากขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงานเต็มที่
US Dollar FAQs
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป
ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์
ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
บทความแนะนำ
