คาดการณ์ XAUUSD: ราคาทองคำปรับตัวลดลงใกล้ $3,300 เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนคลี่คลาย
- ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาใกล้ $3,310 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ ลดลง 0.30% ในวันนี้
- ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ลดลงช่วยหนุนราคาทองคำ
- ความกลัวภาวะถดถอยในสหรัฐฯ อาจช่วยจำกัดการขาดทุนของทองคำ
ราคาทองคำ (XAU/USD) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ $3,310 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ โลหะมีค่าถอยกลับหลังจากทำสถิติสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วท่ามกลางสัญญาณว่าความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกอาจลดลง
รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐฯ บรูค โรลลินส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังมีการสนทนากับจีนเกี่ยวกับภาษีทุกวัน ตามรายงานของรอยเตอร์ โรลลินส์ระบุว่ามีการเจรจาระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่องและข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ อยู่ในขั้นตอนที่ "ใกล้เคียงมาก"
"ข่าวเกี่ยวกับการยกเว้นบางส่วนในภาษีตอบโต้ช่วยเพิ่มความรู้สึกในวันนี้และทำให้ทองคำลดลงต่ำกว่าระดับ $3,300" ยุซวน ทัง นักยุทธศาสตร์จาก JPMorgan Private Bank กล่าว
ในทางกลับกัน การประกาศของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับภาษีที่กว้างขวางและสูงในเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้กระตุ้นความกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะถดถอย เนื่องจากสงครามการค้าของทรัมป์ผลักดันเศรษฐกิจโลกเข้าสู่การชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจช่วยหนุนราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม
นักลงทุนทองคำจะติดตามการอ่านเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ สำหรับไตรมาสแรก (Q1) ซึ่งจะประกาศในวันพุธนี้ ในวันศุกร์ ความสนใจจะเปลี่ยนไปที่รายงานการจ้างงานเดือนเมษายนของสหรัฐฯ รวมถึงการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) อัตราการว่างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง
Gold FAQs
ทองคํามีบทบาทสําคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เพราะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะที่เก็บมูลค่าและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ปัจจุบันนอกเหนือจากความงดงามและการใช้งานสําหรับเครื่องประดับแล้ว ทองคำยังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งหมายความว่าถือเป็นการลงทุนที่ดีในช่วงเวลาที่มีความวุ่นวาย ทองคํายังถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและเป็นการคานการอ่อนค่าของสกุลเงินเพราะไม่ได้พึ่งพาผู้ออกหรือรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง
ธนาคารกลางเป็นผู้ถือทองคํารายใหญ่ที่สุด ธนาคารกลางต่างๆ ซื้อทองคำตามเป้าหมายของพวกเขาเพื่อสนับสนุนสกุลเงินของตนเองในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะกระจายทุนสํารองและซื้อทองคําเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในระบบเศรษฐกิจและสกุลเงิน การมีทองคําสํารองสูงสามารถเป็นแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ว่าประเทศของตนอยู่ห่างไกลจากคำว่าล้มละลาย ตามข้อมูลจากสภาทองคําโลก ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มทองคํา 1,136 ตันมูลค่าประมาณ 70 พันล้านดอลลาร์ให้กับทุนสํารองในปี 2022 นับเป็นยอดซื้อรายปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติ ธนาคารกลางจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เช่นจีนอินเดียและตุรกีกําลังเพิ่มปริมาณสํารองทองคําอย่างรวดเร็ว
ทองคํามีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทั้งสินทรัพย์สํารองหลักและสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ทองคํามีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทําให้นักลงทุนและธนาคารกลางสามารถกระจายสินทรัพย์ของพวกเขาในช่วงเวลาที่ปั่นป่วน ทองคํายังมีความสัมพันธ์ผกผันกับสินทรัพย์เสี่ยง ขาขึ้นในตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะทําให้ราคาทองคําอ่อนกำลังลงในขณะที่การเทขายในตลาดสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนราคาทองคำ
ราคาทองคำสามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวของภาวะถดถอยลงลึกสามารถทําให้ราคาทองคําเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน ทองคํามีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ในขณะเดียวกัน ต้นทุนเงินที่สูงขึ้นมักจะสร้างแรงกดดันให้กับทองคำ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าดอลลาร์สหรัฐ (USD) มีพฤติกรรมอย่างไร เนื่องจากสินทรัพย์มีราคาอ้างอิงกับดอลลาร์ (XAUUSD) ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะควบคุมราคาทองคํา ในทางตรงกันข้าม ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาทองคําให้สูงขึ้น
บทความแนะนำ
