นางสาวศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์จากฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่าราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาทองคำโลกแตะ 3,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำแท่งไทยอยู่ที่ 53,000 บาท การยืดเยื้อของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังไม่สิ้นสุด เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
ในขณะเดียวกัน จีนยังคงมีแนวทางลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่ามากขึ้น ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากที่สุดอันดับสองของโลก รองจากญี่ปุ่น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้แรงซื้อในทองคำยังคงมีอยู่มาก จากการสำรวจของธนาคารแห่งอเมริกาในเดือนเมษายน 2568 พบว่าผู้จัดการกองทุนลดการถือครองหุ้นสหรัฐฯ ลง และหันมามองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนที่สุด ด้วยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงสุด
กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำคือ การถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง หรือทยอยสะสมเมื่อราคาทองคำอ่อนตัว โดยแนวต้านทองคำโลกใหม่ถูกประเมินไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับที่ 3,300 - 3,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนทองคำแท่งในประเทศมีแนวต้านที่ 54,200 บาท และแนวรับที่ 52,000 บาท
ล่าสุด จากข้อมูลของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวสูงสุดที่ 53,000 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณขายออกที่ 53,800 บาท สะท้อนถึงการยืนทางบวกของตลาดทองคำในปัจจุบัน