ราคาทองคำ (96.5%) ขายปลีกในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอิงจากสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ล่าสุดเมื่อเวลา 09.13 น. สมาคมค้าทองคำ รายงานการปรับเพิ่มของราคาทองคำบาทละ 500 บาท จากเมื่อวาน (16 เม.ย.) ทำให้ราคาทองแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 52,350 บาท และขายออกที่บาทละ 52,450 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อที่บาทละ 51,407.56 บาท และขายออกที่ 53,250 บาท
บทวิเคราะห์จากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ได้ระบุว่าเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึง 112.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้สร้าง New All Time High ต่อเนื่องที่ 3,357.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจัยหนุนหลักคือสถานการณ์ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งการให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนำเข้าแร่ธาตุสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการกดดันจีนเพิ่มเติม ทำให้นักลงทุนเลือกซื้อทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แสดงความกังวลในงานของสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโกเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทางด้าน SPDR กองทุน ETF ทองคำยังคงเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มเติมอีก 4.02 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุนต่อเนื่อง
แนวโน้มราคาทองคำในวันนี้คาดว่าหากยังสามารถยืนเหนือ 3,334 ดอลลาร์ อาจยังคงขึ้นต่อได้ แต่เนื่องจากราคาอยู่ในภาวะ Overbought จึงต้องระวังแรงขายที่อาจจะเกิดขึ้น หากราคาหลุดระดับ 3,334 ดอลลาร์ จะเริ่มเสียโมเมนตัมและเป็นสัญญาณการพักตัว
กลยุทธ์การซื้อขายแนะนำให้ไม่แบ่งขายทองคำทำกำไรหากราคายังไม่ผ่าน 3,363-3,374 ดอลลาร์ แต่หากผ่านได้ควรถือต่อและขยับ Trailing Stop เพื่อรักษากำไร สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพิ่มให้ระวังไม่ให้ราคาหลุด 3,298 ดอลลาร์ หากหลุดระดับนี้ควรรอซื้อใหม่เมื่อราคาไม่ต่ำกว่า 3,266-3,200 ดอลลาร์ และควรตัดขาดทุนหากราคาหลุดต่ำกว่า 3,200 ดอลลาร์