ราคาทองคำดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับต่ำสุดในหลายสัปดาห์ แต่ขาดแรงสนับสนุน
- ราคาทองคำกลับตัวจากการลดลงในช่วงเซสชั่นเอเชียไปยังระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ แม้ว่าจะขาดการติดตามผล
- ความกลัวภาวะถดถอยยังคงกดดันความรู้สึกของนักลงทุนและเป็นประโยชน์ต่อสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- การเก็งกำไรเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่เข้มงวดมากขึ้นทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและยังสนับสนุนคู่ XAU/USD
ราคาทองคำ (XAU/USD) มีการดีดตัวขึ้นในระหว่างวันจากระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ที่ประมาณ $2,972-2,971 ซึ่งแตะในช่วงเซสชั่นเอเชียเมื่อวันจันทร์ – และพุ่งขึ้นไปยังจุดสูงสุดใหม่ในวันประมาณ $3,055 ในชั่วโมงสุดท้าย ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อเช้านี้แสดงให้เห็นว่าธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) เพิ่มการสำรองทองคำของรัฐเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ความกลัวภาวะถดถอย การเก็งกำไรว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวจากภาษีอาจบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ทำหน้าที่เป็นแรงหนุนสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์
การเคลื่อนไหวขึ้นในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อผู้ลงทุนยังคงลดตำแหน่งขาขึ้น XAU/USD เพื่อชดเชยการขาดทุนจากการเทขายที่กว้างขวางในตลาดการเงินทั่วโลก ในขณะเดียวกัน รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดในวันศุกร์และคำพูดที่เข้มงวดของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ช่วยให้ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงอยู่เหนือระดับต่ำสุดในหลายเดือนที่แตะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำกัดการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังที่ผ่อนคลายของเฟดยังคงทำให้ดอลลาร์สหรัฐอยู่ในสถานะป้องกันและช่วยให้ราคาทองคำยังคงอยู่เหนือระดับ $3,000
ข่าวสารประจำวัน: ราคาทองคำได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยหลายประการ; ขาขึ้นดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะวางเดิมพันที่เข้มข้น
- สงครามการค้าระหว่างประเทศที่ขยายตัวยังคงสร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกและนำไปสู่การเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนขายตำแหน่งขาขึ้นรอบราคาทองคำและเพิ่มเงินสดเพื่อชดเชยการขาดทุนในที่อื่น
- ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) ได้เพิ่มทองคำในสำรองเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันในเดือนมีนาคม โดยการถือครองของธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนเพิ่มขึ้น 0.09 ล้านออนซ์ทองคำในเดือนที่แล้วท่ามกลางการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นและความวุ่นวายทางภูมิศาสตร์
- ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดภาษีตอบโต้ที่ไม่น้อยกว่า 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดในวันพุธที่ผ่านมา โดยจีนต้องเผชิญกับภาษี 54% ภายใต้ระบอบใหม่นี้ ในการตอบสนอง กระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 34% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
- ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ฮาวเวิร์ด ลุตนิก ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่าภาษีจะไม่ถูกเลื่อนออกไปและนโยบายจะยังคงมีผลบังคับใช้ในวันและสัปดาห์ข้างหน้า นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่าจะไม่มีข้อตกลงกับจีนจนกว่าปัญหาการขาดดุลการค้าจะได้รับการแก้ไข
- ดอลลาร์สหรัฐมีปัญหาในการใช้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเล็กน้อยในวันศุกร์จากระดับต่ำสุดในหลายเดือนที่เกิดขึ้นหลังจากการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ที่ดีกว่าที่คาดไว้ ในความเป็นจริง ข้อมูลการจ้างงานที่ถูกจับตามองแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเพิ่มงาน 228,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม เทียบกับ 117,000 ตำแหน่งก่อนหน้า
- ในขณะเดียวกัน ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อใกล้เคียงกับเป้าหมายแต่ยังคงสูงอยู่เล็กน้อย พาวเวลล์เสริมว่าภาษีของทรัมป์อาจมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างรุนแรงและงานของเฟดคือการหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของราคาในระยะสั้นที่กลายเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ยั่งยืน
- นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนและลดต้นทุนการกู้ยืมอย่างน้อยสี่ครั้งในปีนี้ สิ่งนี้ควบคู่กับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอยู่ต่ำกว่า 4.0%
- สิ่งนี้ทำให้ดอลลาร์สหรัฐไม่สามารถวางเดิมพันที่เข้มข้นได้และช่วยให้โลหะสีเหลืองที่ไม่มีผลตอบแทนสามารถดีดตัวขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบสี่สัปดาห์ที่แตะในช่วงเซสชั่นเอเชียเมื่อวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม การขาดการติดตามผลทำให้ต้องระมัดระวังสำหรับขาขึ้น
ราคาทองคำต้องทะลุแนวรับแนวนอนที่ $3,055 ซึ่งกลายเป็นแนวต้านเพื่อสนับสนุนแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเพิ่มเติม
จากมุมมองทางเทคนิค การลดลงอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่แล้วจากจุดสูงสุดตลอดกาลหยุดชะงักก่อนระดับ 61.8% Fibonacci retracement ของการเคลื่อนไหวขึ้นที่แข็งแกร่งในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน การเคลื่อนไหวขึ้นในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ล้มเหลวใกล้ระดับแนวรับแนวนอนที่ $3,055 ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวต้าน ระดับนี้ควรทำหน้าที่เป็นจุดสำคัญสำหรับนักลงทุนในระหว่างวัน ซึ่งหากทะลุขึ้นไป ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นไปที่บริเวณ $3,080 ก่อนที่จะไปถึงระดับ $3,100
ในทางกลับกัน ระดับจิตวิทยาที่ $3,000 ซึ่งตรงกับระดับการ retracement 50% ดูเหมือนจะปกป้องการลดลงในทันที ก่อนบริเวณ $2,972-2,971 หรือระดับต่ำสุดในหลายสัปดาห์ที่แตะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งตามมาด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (SMA) ที่ประมาณ $2,946 หากถูกทำลายอย่างเด็ดขาดอาจเปลี่ยนแนวโน้มในระยะสั้นไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ขาลงและเปิดทางให้การเคลื่อนไหวที่ลดลงต่อไป
Gold FAQs
ทองคํามีบทบาทสําคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เพราะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะที่เก็บมูลค่าและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ปัจจุบันนอกเหนือจากความงดงามและการใช้งานสําหรับเครื่องประดับแล้ว ทองคำยังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งหมายความว่าถือเป็นการลงทุนที่ดีในช่วงเวลาที่มีความวุ่นวาย ทองคํายังถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและเป็นการคานการอ่อนค่าของสกุลเงินเพราะไม่ได้พึ่งพาผู้ออกหรือรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง
ธนาคารกลางเป็นผู้ถือทองคํารายใหญ่ที่สุด ธนาคารกลางต่างๆ ซื้อทองคำตามเป้าหมายของพวกเขาเพื่อสนับสนุนสกุลเงินของตนเองในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะกระจายทุนสํารองและซื้อทองคําเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในระบบเศรษฐกิจและสกุลเงิน การมีทองคําสํารองสูงสามารถเป็นแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ว่าประเทศของตนอยู่ห่างไกลจากคำว่าล้มละลาย ตามข้อมูลจากสภาทองคําโลก ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มทองคํา 1,136 ตันมูลค่าประมาณ 70 พันล้านดอลลาร์ให้กับทุนสํารองในปี 2022 นับเป็นยอดซื้อรายปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติ ธนาคารกลางจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เช่นจีนอินเดียและตุรกีกําลังเพิ่มปริมาณสํารองทองคําอย่างรวดเร็ว
ทองคํามีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทั้งสินทรัพย์สํารองหลักและสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ทองคํามีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทําให้นักลงทุนและธนาคารกลางสามารถกระจายสินทรัพย์ของพวกเขาในช่วงเวลาที่ปั่นป่วน ทองคํายังมีความสัมพันธ์ผกผันกับสินทรัพย์เสี่ยง ขาขึ้นในตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะทําให้ราคาทองคําอ่อนกำลังลงในขณะที่การเทขายในตลาดสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนราคาทองคำ
ราคาทองคำสามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวของภาวะถดถอยลงลึกสามารถทําให้ราคาทองคําเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน ทองคํามีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ในขณะเดียวกัน ต้นทุนเงินที่สูงขึ้นมักจะสร้างแรงกดดันให้กับทองคำ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าดอลลาร์สหรัฐ (USD) มีพฤติกรรมอย่างไร เนื่องจากสินทรัพย์มีราคาอ้างอิงกับดอลลาร์ (XAUUSD) ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะควบคุมราคาทองคํา ในทางตรงกันข้าม ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาทองคําให้สูงขึ้น
บทความแนะนำ
