การคาดการณ์ราคาเงิน: XAG/USD รวมตัวใกล้ $32.50 ขณะที่เกิดโดจิ
- โลหะเงินยังคงอยู่ใกล้ $32.50 โดยผู้ซื้อไม่สามารถผลักดันให้ทะลุแนวต้านหลักได้
- เป้าหมายการขึ้นต่อไป: $33.00, จุดสูงสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ $33.20 และจุดสูงสุดของรอบที่ $33.39
- การหลุดต่ำกว่า $32.00 อาจเปิดโอกาสให้ $31.50 และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 100 วันที่ $31.21
ราคาโลหะเงินปรับฐาน หลังจากที่ทำกำไรติดต่อกันสามวัน โดยซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ $32.50 โดยผู้ซื้อไม่สามารถยืดระยะการขึ้นเพื่อท้าทายจุดสูงสุดของรอบล่าสุดที่ $33.39 ได้ ในขณะที่เขียน XAG/USD แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเริ่มต้นเซสชันเอเชียในวันศุกร์
การคาดการณ์ราคา XAG/USD: แนวโน้มทางเทคนิค
โลหะเงิน (XAG/USD) ยังคงเคลื่อนไหวไซด์เวย์ใกล้ $32.50 โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถผลักดันราคาของโลหะสีเทาให้สูงขึ้นหรือลงอย่างเด็ดขาดได้ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) แสดงให้เห็นว่าโมเมนตัมยังคงแบนราบ แต่ผู้ซื้อมีความได้เปรียบ
กล่าวคือ แนวต้านแรกของ XAG/USD จะอยู่ที่ $33.00 ตามด้วยระดับสำคัญเช่น จุดสูงสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ $33.20 และจุดสูงสุดของรอบวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ $33.39 ในทางกลับกัน หาก XAG/USD ตกต่ำกว่า $32.00 แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ $31.50 ก่อนที่จะถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 100 วันที่ $31.21 การอ่อนตัวเพิ่มเติมอาจเปิดโอกาสให้ $31.00 โดยมีแนวรับเพิ่มเติมที่ SMA 200 วันใกล้ $30.48
กราฟราคา XAG/USD – รายวัน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
