การคาดการณ์ราคาแร่เงิน: ขาขึ้นของ XAG/USD รอการเคลื่อนไหวที่ยั่งยืนเกินแนวต้านที่ $32.55
- ราคาโลหะเงินดึงดูดการช้อนซื้อในวันอังคาร แม้ว่าจะขาดแรงซื้อขายตามมา
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคสนับสนุนตลาดกระทิงและสนับสนุนโอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อไป
- การปรับตัวลงต่ำกว่า $32.00 อาจถูกมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อ
ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) กลับตัวจากการปรับตัวลงในช่วงตลาดลงทุนเอเชียไปที่บริเวณ $32.00 และไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันในชั่วโมงที่ผ่านมา ปัจจุบันโลหะเงินซื้อขายอยู่ที่บริเวณ $32.35-$32.40 แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า แม้ว่าจะยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่แตะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เมื่อมองภาพรวมที่กว้างขึ้น XAG/USD – ยกเว้นการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง – ได้แกว่งตัวในกรอบที่คุ้นเคยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปี นี่อาจยังคงถูกจัดประเภทเป็นช่วงการปรับฐานของตลาดกระทิง นอกจากนี้ ออสซิลเลเตอร์ในกราฟรายวันยังบ่งชี้ว่าเส้นทางที่มีแนวต้านน้อยที่สุดสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์คือขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังควรรอให้มีแรงซื้อขายตามมาที่แข็งแกร่งเกินกว่าแนวต้านแนวนอนที่ $32.55 ก่อนที่จะวางออเดอร์เพื่อเคลื่อนไหวไปสู่ระดับ $33.00 XAG/USD อาจไต่ขึ้นต่อไปสู่สวิงไฮของวันศุกร์ที่ผ่านมา ประมาณโซน $33.35-$33.40 มุ่งหน้าสู่ตัวเลขกลม $34.00 อุปสรรคระหว่างทางที่ $34.45 และบริเวณ $35.00 หรือจุดสูงสุดในรอบหลายปีที่แตะในเดือนตุลาคม
ในทางกลับกัน ความอ่อนแอต่ำกว่าบริเวณ $32.00-$31.90 ดูเหมือนจะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในทันที ตามมาด้วยขอบล่างของกรอบการเคลื่อนไหวระยะสั้น ประมาณบริเวณ $31.75-$31.70 ซึ่งหากต่ำกว่านี้ XAG/USD อาจปรับตัวลงไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 100 วัน ซึ่งปัจจุบันตรึงอยู่ใกล้บริเวณ $31.20 ก่อนที่จะลดลงไปที่ตัวเลขกลม $31.00
การเทขายตามมาที่ต่ำกว่าระดับหลังนี้อาจเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นไปสนับสนุนเทรดเดอร์ขาลงและเปิดทางให้เกิดการขาดทุนที่ลึกขึ้น การปรับตัวลงต่อไปมีศักยภาพที่จะลาก XAG/USD ไปสู่แนวรับที่เกี่ยวข้องถัดไปใกล้บริเวณ $30.25 มุ่งหน้าสู่ระดับจิตวิทยา $30.00 และโซนแนวนอน $29.55-$29.50
กราฟรายวันของโลหะเงิน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
