นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนวันศุกร์ที่ 31 มกราคม:
ในช่วงเช้าวันศุกร์ คู่สกุลเงินหลักเคลื่อนไหวในกรอบราคาแคบๆ หลังจากความผันผวนในวันพฤหัสบดี ในตลาดลงทุนวันศุกร์ นักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลเงินเฟ้อระดับภูมิภาคและทั่วประเทศจากเยอรมนีและข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ก่อนสุดสัปดาห์ ปฏิทินเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีประกาศข้อมูลดัชนีต้นทุนการจ้างงานในไตรมาสที่สี่
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ สัปดาห์นี้ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์ออสเตรเลีย
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | 0.83% | 0.40% | -0.62% | 0.50% | 1.32% | 0.89% | 0.41% | |
EUR | -0.83% | -0.35% | -1.30% | -0.18% | 0.50% | 0.19% | -0.31% | |
GBP | -0.40% | 0.35% | -1.25% | 0.18% | 0.85% | 0.56% | 0.04% | |
JPY | 0.62% | 1.30% | 1.25% | 1.17% | 2.13% | 1.76% | 1.18% | |
CAD | -0.50% | 0.18% | -0.18% | -1.17% | 0.62% | 0.39% | -0.13% | |
AUD | -1.32% | -0.50% | -0.85% | -2.13% | -0.62% | -0.27% | -0.76% | |
NZD | -0.89% | -0.19% | -0.56% | -1.76% | -0.39% | 0.27% | -0.73% | |
CHF | -0.41% | 0.31% | -0.04% | -1.18% | 0.13% | 0.76% | 0.73% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักลง 25 จุดพื้นฐาน (bps) ตามที่คาดไว้ ECB ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ ในแถลงการณ์นโยบาย คริสตีน ลาการ์ด (Christine Lagarde) ประธาน ECB หลีกเลี่ยงการให้คำมั่นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยย้ำว่าการตัดสินใจครั้งต่อไปจะถูกขับเคลื่อนโดยข้อมูลและการวิเคราะห์ หลังจากขึ้นเหนือ 1.0450 ในช่วงครึ่งหลังของวัน EUR/USD เสียแรงหนุน และถอยกลับลงมาปิดในแดนลบในวันพฤหัสบดี ในช่วงเช้าวันศุกร์ ข้อมูลจากเยอรมนีแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกลดลง 1.6% ในเดือนธันวาคมเมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งพลาดคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% EUR/USD ไม่แสดงปฏิกิริยาทันทีต่อข้อมูลนี้ทันที และล่าสุดเห็นเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ที่ประมาณ 1.0400
สํานักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (BEA) รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตรา 2.3% ต่อปีในไตรมาสที่สี่ ข้อมูลนี้ตามมาด้วยการขยายตัว 3.1% ที่บันทึกไว้ในไตรมาสที่สาม และต่ำกว่าการประมาณการของตลาดที่คาดว่าจะเติบโต 2.6% ในด้านบวก ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 207,000 ในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 25 มกราคมจาก 223,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนี ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงยืนหยัดหลังจากข้อมูลที่หลากหลาย และปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี ในช่วงเช้าวันศุกร์ ดัชนี DXY ยังคงอยู่ในกรอบการปรับฐานใกล้ 108.00
ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในช่วงดึกของวันพฤหัสบดีเพื่อข่มขู่การเก็บภาษีใหม่กับแคนาดาและเม็กซิโก ตามโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐฯ เตรียมที่จะเก็บภาษีนำเข้า 25% "เพราะเฟนทานิล" กับสินค้าทุกชนิดที่ข้ามพรมแดนเข้าสหรัฐฯ จากแคนาดาหรือเม็กซิโก ทรัมป์ยังเตือนว่าพวกเขาอาจเก็บภาษี 100% กับประเทศ BRICS หากพวกเขาพยายามแทนที่ USD ด้วยสกุลเงินใหม่ในการค้าระหว่างประเทศ
คาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ต่ำกว่า 2% เล็กน้อย อูเอดะเสริมว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะรักษานโยบายผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนแนวโน้มราคา หลังจากปรับตัวลดลงมากกว่า 0.5% ในวันพฤหัสบดี USD/JPY ฟื้นตัวและเคลื่อนไหวในแดนบวกเหนือ 154.50
GBP/USD ทำราคาปิดลดลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดีหลังจากพบแนวต้านเหนือ 1.2450 คู่สกุลเงินนี้ยังคงเป็นขาขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ยังคงต่ำกว่า 1.2450
ทองคำสะสมโมเมนตัมขาขึ้นและเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี ทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นและเคลื่อนไหวที่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ $2,800
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่ใช้อ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกให้ไหลเข้าประเทศ เพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรจากการฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น