ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันพฤหัสบดี คู่ NZDUSD ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างอยู่ที่ประมาณ 0.5660 หยุดการปรับตัวลดลงสามวันติดต่อกัน ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ถอยจากจุดสูงสุดรายสัปดาห์ที่ 108.30 เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจนเกี่ยวกับภาษีจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในกรอบ 4.25%-4.50% ในการประชุมเดือนมกราคมเมื่อวันพุธ ในการแถลงข่าว ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์กล่าวว่าจะไม่มีการรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกจนกว่าข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงานจะเหมาะสม พาวเวลล์เสริมว่าเขาเชื่อว่าความคืบหน้าในการลดเงินเฟ้อจะกลับมาในปีนี้ แต่ตอนนี้ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เพื่อรอข้อมูลยืนยัน
"ในขณะที่เรายังคงคิดว่ารอบการผ่อนคลายของเฟดยังไม่สิ้นสุด คณะกรรมการ FOMC จะต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมในข้อมูลเงินเฟ้อเพื่อดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยเน้นว่าพวกเขาได้ลบการอ้างอิงเกี่ยวกับความคืบหน้าในเงินเฟ้อออกไป" ลินด์เซย์ รอสเนอร์ หัวหน้าการลงทุนตราสารหนี้หลายภาคส่วนที่ Goldman Sachs Asset Management กล่าว
ต่อมาในวันพฤหัสบดี ผู้เล่นในตลาดจะจับตาดูข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ สำหรับไตรมาสที่สี่ (Q4) รวมถึงข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ และยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย ในกรณีที่ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่คาด อาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)
พอล คอนเวย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) วาดภาพเศรษฐกิจของประเทศที่มืดมน โดยอ้างถึงผลิตภาพ การลงทุน และการค้าที่อ่อนแอ คอนเวย์กล่าวเพิ่มเติมว่าการลดลงของความตั้งใจในการตั้งราคาภายในประเทศและการลดลงของความคาดหวังเงินเฟ้อจะช่วยเปิดทางให้มีการผ่อนคลาย OCR เพิ่มเติมตามที่ได้ส่งสัญญาณในเดือนพฤศจิกายน
ความคาดหวังที่ไปในทางผ่อนคลายของธนาคารกลางนิวซีแลนด์อาจจำกัดขาขึ้นของกีวีในอนาคตอันใกล้ RBNZ คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐาน (bps) ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพิ่มเติมจากสองครั้งที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ในรอบนี้
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า