ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ คู่ NZDUSD เคลื่อนไหวในแดนลบที่บริเวณ 0.5675 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ยังคงพยายามหาจุดยืนท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประกาศภาษีศุลกากรต่อจีนโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และท่าทีผ่อนคลายของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ)
ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของนิวซีแลนด์สําหรับไตรมาสที่สี่ของปี 2024 เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอ่อนตัวลง ซึ่งเพิ่มความคาดหวังว่า RBNZ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ตลาดสวอปขณะนี้เชื่อว่ามีโอกาสเกือบ 90% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดเบสิสในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพิ่มเติมจากการปรับลดสองครั้งก่อนหน้านี้ในรอบนี้ RBNZ คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 100 จุดเบสิสสําหรับช่วงที่เหลือของปี 2025
ในทางกลับกัน ขาลงของทั้งคู่อาจถูกจํากัดหลังจากคํากล่าวของทรัมป์ เมื่อปลายวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวว่าเขาต้องการให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยทันที "ด้วยราคาน้ำมันที่ลดลง ผมจะเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยทันที และเช่นเดียวกันพวกเขาควรลดลงทั่วโลก" ทรัมป์กล่าวที่การประชุมเศรษฐกิจโลกในดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
นักลงทุนจะจับตาดูความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการทั่วโลกของ S&P สหรัฐฯ สําหรับเดือนมกราคมจะเป็นจุดสนใจในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ จะมีการประกาศยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า