คู่ NZD/USD ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบสองปีมาอยู่ที่ประมาณ 0.5600 ในช่วงเช้าของตลาดเอเชียวันอังคาร การอ่อนตัวเล็กน้อยของดอลลาร์สหรัฐและข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่น่าพอใจให้การสนับสนุนบางส่วนต่อคู่เงินนี้ เทรดเดอร์รอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือนธันวาคม ซึ่งจะประกาศในวันอังคารนี้
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ปัจจุบันซื้อขายใกล้ 109.60 หลังจากถอยลงจาก 110.17 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีแตะ 4.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2023
รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งในเดือนธันวาคมเมื่อวันศุกร์ทำให้เทรดเดอร์ลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้ ซึ่งอาจหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ตลาดสวอปคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในปี 2025 โดยนักวิเคราะห์บางคนคาดว่าวัฏจักรการผ่อนคลายได้สิ้นสุดลงแล้ว
ในด้านของดอลลาร์นิวซีแลนด์ การส่งออกของจีนเติบโตเร็วกว่าที่คาดในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 10.7% จากปีก่อน ตามข้อมูลศุลกากรอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ ยอดเกินดุลการค้าของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 104.84 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม จาก 97.44 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจหนุนดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของนิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งอาจจุดประกายความกลัวต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ที่เป็นตัวแทนของจีน
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า