คู่ NZD/USD ปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาวิ่งใกล้ 0.5635 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันพุธ ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ที่สดใสในเดือนธันวาคมบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะชะลอการผ่อนคลายการเงิน ซึ่งสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในวันพุธนี้ รายงานการประชุมคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะเป็นจุดสนใจ
กิจกรรมภาคบริการในสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นในเดือนธันวาคม ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) แสดงให้เห็นว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นเป็น 54.1 ในเดือนธันวาคมจาก 52.1 ในเดือนพฤศจิกายน ตัวเลขนี้ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 53.3
ขณะเดียวกัน ตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าการจ้างงานจะชะลอตัวลงในเดือนนั้น ตำแหน่งงานว่าง JOLTS ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 8.09 ล้านตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนจาก 7.83 ล้านตำแหน่งก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.7 ล้านตำแหน่ง
รายงานเหล่านี้บ่งชี้ถึงตลาดงานที่ค่อนข้างคงที่และภาคบริการที่ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งอาจทำให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ตามข้อมูลของเครื่องมือ CME FedWatch ตลาดฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ได้คาดการณ์โอกาส 93.5% ที่เฟดจะหยุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
นักลงทุนจะจับตาดูแผนการเก็บภาษีของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะรุนแรงแค่ไหนเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากภาษีของสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่ทรัมป์สัญญาไว้ในช่วงหาเสียงและมุ่งเน้นเฉพาะภาคส่วน "สำคัญ" แนวโน้มการเติบโตของโลกควรจะดีขึ้นและดอลลาร์สหรัฐควรอ่อนค่าลง นอกจากนี้ มาตรการสนับสนุนจากจีนอาจหนุนดอลลาร์นิวซีแลนด์ เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าใหญ่ของนิวซีแลนด์
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า