ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันพฤหัสบดี คู่ NZDUSD ปรับตัวลดลงมาที่ประมาณ 0.5630 ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของนิวซีแลนด์ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มีท่าทีเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สร้างแรงกดดันขาลงให้กับคู่เงินนี้
ข้อมูล GDP ที่น่าผิดหวังทำให้นิวซีแลนด์เข้าสู่ภาวะถดถอยลงลึกที่สุดนับตั้งแต่การชะลอตัวเพราะกับโควิดในปี 2020 ข้อมูลที่ประกาศโดยสำนักงานสถิตินิวซีแลนด์ในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่า GDP ของประเทศหดตัว 1.0% QoQ ในไตรมาสที่ 3 (Q3) เทียบกับการหดตัว 1.1% (ปรับจาก -0.2%) ในไตรมาสที่ 2 ตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ในไตรมาสที่ 3 หดตัว 1.5% เทียบกับ -0.5% ก่อนหน้านี้ อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ -0.4% สำหรับการตอบสนองต่อข้อมูลนี้ เงินกีวีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)
"เหตุการณ์นี้สนับสนุนให้ธนาคารกลางดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างเป็นทางการ (OCR) และนำ OCR กลับสู่ระดับที่เป็นกลางได้เร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในแถลงการณ์นโยบายการเงินเดือนพฤศจิกายน" Hamish Pepper นักกลยุทธ์ด้านรายได้คงที่และสกุลเงินของ Harbour Asset Management กล่าว
ในทางกลับกัน ข้อความที่มีท่าทีเข้มงวดกว่าที่คาดจากเฟดสนับสนุนเงินดอลลาร์สหรัฐ และสร้างแรงกดดันต่อ NZDUSD ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักลง 0.25% ในวันพุธ ซึ่งเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามติดต่อกัน เจ้าหน้าที่เฟดระบุว่าอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงสองครั้งในปี 2025 ในระหว่างการแถลงข่าว ประธานเฟด Jerome Powell กล่าวว่า "เมื่อพิจารณาการปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เราจึงสามารถดำเนินการได้อย่างระมัดระวังมากขึ้น"
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า