นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม:
ตลาดการเงินเคลื่อนไหวค่อนข้างสงบในช่วงเช้าวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนงดที่จะวางออเดอร์ขนาดใหญ่ก่อนเหตุการณ์สําคัญและการเปิดเผยข้อมูลในสัปดาห์นี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน Sentix สําหรับเดือนธันวาคมจะประกาศตอนตลาดลงทุนยุโรปเปิด และต่อมาในวันนี้ สํานักสํารวจสํามะโนประชากรสหรัฐฯ จะประกาศข้อมูลสินค้าคงคลังในภาคขายส่งสําหรับเดือนตุลาคม
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ วันนี้ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์์นิวซีแลนด์
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | 0.13% | -0.03% | 0.18% | 0.06% | -0.29% | 0.28% | 0.09% | |
EUR | -0.13% | -0.15% | 0.16% | 0.02% | -0.33% | 0.23% | 0.04% | |
GBP | 0.03% | 0.15% | 0.13% | 0.17% | -0.18% | 0.38% | 0.19% | |
JPY | -0.18% | -0.16% | -0.13% | -0.14% | -0.37% | -0.01% | -0.00% | |
CAD | -0.06% | -0.02% | -0.17% | 0.14% | -0.31% | 0.22% | 0.03% | |
AUD | 0.29% | 0.33% | 0.18% | 0.37% | 0.31% | 0.56% | 0.37% | |
NZD | -0.28% | -0.23% | -0.38% | 0.01% | -0.22% | -0.56% | -0.20% | |
CHF | -0.09% | -0.04% | -0.19% | 0.00% | -0.03% | -0.37% | 0.20% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).
หลังจากปรับตัวลดลงมาเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (USD) ได้รับแรงหนนในวันศุกร์และปิดวันในแดนบวก
สํานักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) รายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 227,000 ในเดือนพฤศจิกายน ตัวเลขนี้ออกมาหลังมีการเพิ่มขึ้น 36,000 รายในเดือนตุลาคม (ปรับตัวเลขจาก 12,000) และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 200,000 ราย รายละเอียดอื่น ๆ ของรายงานแสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ในเดือนพฤศจิกายนจาก 4.1% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อค่าจ้างประจําปีซึ่งวัดจากการเปลี่ยนแปลงของรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงคงที่ที่ 4% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.9% ในช่วงเช้าวันจันทร์ ดัชนี USD ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเหนือ 106.00 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปียังคงอยู่ต่ำกว่า 4.15% เล็กน้อย ในวันพุธ BLS จะประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สําหรับเดือนพฤศจิกายน
ในเซสชั่นเอเชีย ข้อมูลจากจีนแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.6% MoM ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่ลดลง 0.4% ในวันอังคาร ข้อมูลดุลการค้าจากจีนจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยนักลงทุนในตลาด
AUD/USD อยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงอย่างหนักในวันศุกร์และลดลงเกือบ 1% ในวันนั้น ทั้งคู่พยายามดิ้นรนเพื่อรีบาวด์และเคลื่อนไหวที่ระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ที่อยู่ต่ำกว่า 0.6400 ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะประกาศการตัดสินใจนโยบายการเงินในช่วงเช้าวันอังคาร
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นขยายตัวในอัตรา 1.2% ต่อปีในไตรมาสที่สาม สํานักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันจันทร์ ตัวเลขนี้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้สําหรับการเติบโต 0.9% USD/JPY ไม่มีปฏิกิริยาต่อรายงานนี้ และล่าสุดเห็นปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้เหนือ 150.00
หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์เหนือ 1.0600 เมื่อวันศุกร์ EUR/USD กลับทิศ และปิดวันในแดนลบ ทั้งคู่ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในตลาดลงทุนสัปดาห์ใหม่ และเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.0550 ในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของปี
GBP/USD หยุดชัยชนะสามวันติดต่อกันในวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐได้รับประโยชน์จากข้อมูลการจ้างงานที่สดใส ทั้งคู่ยังคงยืนหยัดในช่วงเช้าวันจันทร์และผันผวนใกล้ 1.2750
ในสัปดาห์ก่อนหน้า ทองคําไม่ปรับตัวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างเด็ดขาด XAU/USD เคลื่อนไหวไซด์เวย์ต่อเล็กน้อยอยู่ต่ำกว่า 2,650 ดอลลาร์ในเช้าของตลาดยุโรปวันจันทร์
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่ใช้อ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกให้ไหลเข้าประเทศ เพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรจากการฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น