NZD/USD ขยายการปรับตัวขาต่อเนื่องเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยซื้อขายที่บริเวณระดับ 0.5830 ในช่วงเซสชั่นยุโรปในวันศุกร์ แรงขาลงของคู่ NZD/USD นี้เกิดจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจปรับตัวลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ตลาดคาดการณ์อย่างเต็มที่ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินสดของ RBNZ จะลดลง 50 จุดพื้นฐานมาเป็น 4.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ซึ่งเท่ากับกับการปรับลดที่ได้เห็นในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังมีการประเมินความเป็นไปได้ 25% สําหรับการปรับลดดอกเบี้ย 75 จุดพื้นฐานที่เป็นการดำเนินการเชิงรุกมากขึ้น
เมื่อวันพฤหัสบดี Dominick Stephens หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังของนิวซีแลนด์ระบุว่าการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและการคลังมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงโดยอ้างถึงการชะลอตัวของผลผลิตเป็นเวลานาน
เทรดเดอร์กำลังรอข้อมูลดัชนี PMI Global ของ US S&P ซึ่งจะประกาศในภายหลังในเซสชั่นอเมริกาเหนือ มีการคาดการณ์ว่า PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ประจําเดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มขึ้นเป็น 48.8 จาก 48.5 ในขณะที่ PMI ภาคบริการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 55.3 จาก 55.0
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ๆ ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ประจําปีที่ 107.20 ในช่วงเซสชั่นยุโรปในวันศุกร์ ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นหลังจากการเปิดเผยข้อมูลจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 213,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พฤศจิกายน ลดลงจาก 219,000 ราย (เดิม 217,000 ราย) ในสัปดาห์ก่อน และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 220,000 ราย ความเป็นเปลี่ยนนี้ทําให้เกิดการคาดเดาว่าจังหวะเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจเริ่มชะลอตัวลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า