NZD/USD ขยายการปรับตัวขาลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยซื้อขายที่บริเวณระดับ 0.5860 ในช่วงเซสชั่นยุโรปในวันพฤหัสบดี ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เผชิญกับแรงกดดันเมื่อความคาดหวังเพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ในวันพฤหัสบดี Dominick Stephens หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์กล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะปรับลดการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและการคลังลงเนื่องจากผลผลิตที่ชะลอตัวเป็นเวลานาน รายงานนี้ทําให้นักลงทุนคาดการณ์อย่างเต็มขนาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดพื้นฐาน (bps) โดยมีการประเมินโอกาส 12% ที่จะลดดอกเบี้ยลง 75 bps ในการประชุมนโยบายเดือนพฤศจิกายน
Quek Ser Leang และ Lee Sue Ann นักวิเคราะห์ด้านฟอเร็กซ์ของ UOB Group ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ว่าดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) อาจเห็นการเคลื่อนไหวขาขึ้นได้บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะไปแตะระดับ 0.5960 ในระยะสั้น และอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ NZD ยังคงทรงตัวอยู่เหนือระดับ 0.5850 ก็อาจค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นไปเป็น 0.5960 เมื่อเวลาผ่านไป
ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจแข็งค่าขึ้นอีกเนื่องจากคําพูดที่ระมัดระวังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ ความคาดหวังของตลาดชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ที่กําลังจะมาถึงจะกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะชะลอวิถีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเฟดและเป็นปัจจัยหนุนแก่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
Susan Collins ประธานเฟดบอสตันกล่าวเมื่อวันพุธว่า ในขณะที่จําเป็นต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นแต่บรรดาผู้กําหนดนโยบายควรดําเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ในขณะเดียวกัน Michelle Bowman ผู้ว่าการเฟดเน้นย้ำว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมาและเน้นย้ำถึงความจําเป็นที่เฟดจะต้องดําเนินการในการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง
เทรดเดอร์จะติดตามรายงานจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ รายงานดัชนีการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟีย และรายงานยอดขายบ้านที่มีอยู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งหมดนี้มีกําหนดการจะประกาศในวันพฤหัสบดี
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า