ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันอังคาร คู่ NZDUSD ปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาที่ประมาณ 0.5890 ทั้งคู่ปรับตัวลดลงท่ามกลางเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ในวันอังคาร นักลงทุนจะจับตาดูการประกาศข้อมูลใบอนุญาตก่อสร้างและที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดค่า USD เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน ปรับตัวลดลงมาจากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเหนือระดับ 107.00 มาวิ่งใกล้ 106.20 อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์อาจมีไม่มากเนื่องจากนักลงทุนคาดว่ารัฐบาลทรัมป์ที่กําลังจะมาจะมุ่งเน้นไปที่การลดภาษีและขึ้นภาษี ซึ่งอาจกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ และทำให้เส้นทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไปสู่เป้าหมายได้ช้าลง
ซูซาน คอลลินส์ (Susan Collins) ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจหยุดชั่วคราว และเกิดขึ้นทันทีในการประชุมเดือนธันวาคม แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อที่กําลังจะออกมา จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ตลาดเชื่อว่ามีโอกาสเกือบ 58.7% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดเบสิส (bps) ในการประชุมเดือนธันวาคม
ที่นิวซีแลนด์ ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขนาดจัมโบ้ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ในสัปดาห์หน้าที่มีมากขึ้นส่งผลกระทบต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) นักวิเคราะห์ของ ANZ คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยของ RBNZ จะลดลง 50 จุดเบสิส (bps) ในการประชุมวันที่ 27 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์ของ ANZ กล่าวว่า “เราคาดการณ์ดอกเบี้ยว่าจะลดลง 50bp เหลือ 4.25% ในสัปดาห์หน้า ซึ่งตรงกับสิ่งที่ RBNZ กล่าวในเดือนตุลาคม สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ และสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด แม้ว่าข้อมูลตั้งแต่การทบทวนนโยบายการเงินเมื่อเดือนตุลาคมจะผสมปนเปกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแผนนี้”
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า