Investing.com - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ หลังนักลงทุนได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอจากสหรัฐก็ช่วยเสริมบรรยากาศเชิงบวก
ความสนใจของตลาดขณะนี้ยังคงอยู่ที่แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในปี 2025 โดยจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ได้ส่งสัญญาณถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีหน้า ด้านอุปทาน ความเป็นไปได้ของการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากสหรัฐต่ออิหร่านและรัสเซียก็ยิ่งทำให้แนวโน้มอุปทานตึงตัวมากขึ้น
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 0.4% มาเป็น 73.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 69.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:20 น. (GMT+7)
ปัจจัยบวกจากสหรัฐช่วยหนุนราคาน้ำมัน
นักลงทุนมีความรู้สึกโล่งใจหลังรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายใช้จ่ายฉุกเฉินที่อนุมัติการระดมทุนของรัฐบาลจนถึงเดือนมีนาคม
ก่อนหน้านี้ ความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีวิจารณ์ร่างกฎหมายใช้จ่ายแบบสองฝ่ายที่มีการจัดสรรให้สมาชิกพรรคเดโมแครต และเสนอร่างกฎหมายที่แก้ไขใหม่พร้อมกับการเพิ่มเพดานหนี้ แต่ร่างดังกล่าวกลับถูกปฏิเสธโดยสมาชิกสภา
ตลาดกังวลว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลในช่วงเทศกาลวันหยุดจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางและลดความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปีหลังจากที่ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญนั้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านราคาเริ่มผ่อนคลายลง
อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวยังประกาศออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 อาจชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมัน
ความต้องการจากจีนและอุปทานที่ตึงตัวเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2025
ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ชะลอตัวและอุปทานที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 5% ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2024
ในปี 2025 ความสนใจจึงมุ่งไปที่ว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในจีนจะสามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้หรือไม่
อีกด้านหนึ่งความสนใจยังต้องโฟกัสไปที่นโยบายของสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งสัญญาณท่าทีที่มีลักษณะกีดกันทางเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้นต่อจีนและอิหร่าน
สหรัฐอาจกำหนดการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันโลกตึงตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ รายงานล่าสุดระบุว่าสหรัฐกำลังพิจารณาคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซียอีกด้วย