โบรกเกอร์ คืออะไร วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุด

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

หากคุณกำลังคิดจะเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการเลือกโบรกเกอร์ - พาร์ทเนอร์คนสำคัญที่จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคุณกับตลาดการเงิน แต่ท่ามกลางโบรกเกอร์มากมายในตลาด การเลือกให้เหมาะกับตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับโบรกเกอร์อย่างลึกซึ้ง และเรียนรู้วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่ที่สุดสำหรับสไตล์การลงทุนของคุณ เพื่อให้การเริ่มต้นลงทุนของคุณเป็นไปอย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด

โบรกเกอร์ คืออะไร

โบรกเกอร์ หรือ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ คือ บุคคลหรือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น, พันธบัตร, หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ให้กับนักลงทุน


เปรียบเทียบง่ายๆ คิดว่าโบรกเกอร์เหมือนกับ "พ่อค้าคนกลาง" ในตลาดสด ที่ช่วยให้คุณซื้อผลไม้จากสวนได้โดยไม่ต้องไปที่สวนเอง โบรกเกอร์ก็ทำหน้าที่คล้ายกัน คือ ช่วยให้คุณซื้อขายหุ้นได้โดยไม่ต้องติดต่อบริษัทจดทะเบียนโดยตรง

วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับเอง

การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นการลงทุน เนื่องจากโบรกเกอร์จะเป็นเหมือนตัวกลางที่ช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดหลักทรัพย์ได้ ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมจะส่งผลต่อประสบการณ์การลงทุนของคุณอย่างมาก ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ดังนี้


  1. ค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่น: เปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่นของแต่ละโบรกเกอร์ว่าแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีแผนจะทำธุรกรรมบ่อยครั้ง


  2. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ: เช่น ค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงิน ค่าธรรมเนียมรายปี หรือค่าธรรมเนียมในการไม่ทำธุรกรรมซื้อขาย


  3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย: ความง่ายในการใช้งาน: แพลตฟอร์มควรใช้งานง่าย มีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจได้ และมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบครัน ควรมีความเสถียรของสัญญานซื้อขาย สเปรดของราคา BID ASK ไม่ถ่างรวน ไม่ล่มบ่อย และสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว


  4. ฟังก์ชันการทำงาน: พิจารณาว่าแพลตฟอร์มมีฟังก์ชันการทำงานที่คุณต้องการหรือไม่ เช่น การตั้งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือการเข้าถึงข่าวสารเศรษฐกิจโลก อัพเดตตัวเลขเศรษฐกิจ


  5. หลากหลายของผลิตภัณฑ์: โบรกเกอร์ควรมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (FUTURE) ,สัญญาส่วนต่างหรือ CFD , คริปโตเคอเรนซี่ , อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ(FOREX)


  6. บริการเสริม: พิจารณาบริการเสริมต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษา การจัดอบรม หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม


  7. ความน่าเชื่อถือ และใบอนุญาต: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ได้รับใบอนุญาตถูกต้องจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. หรือหน่วยงานการเงินระหว่างประเทศ Cyprus Securities and Exchange (CYSEC) Australian Securities and Investments Commission (ASIC) Financial Conduct Authority (FCA)


  8. ช่องทางการติดต่อ: โบรกเกอร์ควรมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือแชทสดเพื่อบริการลูกค้า เพื่อความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการดูแลประสานงานระหว่างโบรเกอร์กับลูกค้า

ทำไมกฎระเบียบถึงสำคัญสำหรับโบรกเกอร์

กฎระเบียบมีความสำคัญสำหรับโบรกเกอร์เทรดหุ้นต่างประเทศ เพราะเหตุผลต่อไปนี้:


  • ความปลอดภัยของนักลงทุน: กฎระเบียบช่วยปกป้องนักลงทุนจากการค fraudหรือการกระทำที่ไม่เป็นธรรมที่อาจเกิดขึ้นจากโบรกเกอร์ โดยการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการดำเนินงานและการบริหารจัดการเงิน


  • ความโปร่งใส: การมีการกำกับดูแลสามารถช่วยให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์มีความโปร่งใสในการดำเนินงาน เช่น รายงานทางการเงินที่ถูกต้องและเปิดเผยต่อสาธารณะ


  • การป้องกันความเสี่ยง: กฎระเบียบส่งเสริมโบรกเกอร์ให้มีมาตรการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การจัดการเงินทุนสำรอง เพื่อปกป้องนักลงทุนและลดความเสี่ยงในการสูญเสีย


  • การสร้างความเชื่อมั่น: เมื่อโบรกเกอร์ปฏิบัติตามกฎระเบียบ นักลงทุนจะมีความมั่นใจในการทำธุรกรรมมากขึ้น โดยรู้ว่าโบรกเกอร์ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด


  • การป้องกันการฟอกเงิน: กฎระเบียบมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการฟอกเงิน และการสนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยการกำหนดขั้นตอน KYC (Know Your Customer) เพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้า


การเลือกโบรกเกอร์ที่มีการควบคุมโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดหุ้นต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจและได้รับการคุ้มครองในขั้นสูงสุด. เช่น Mitrade ดําเนินการผ่านหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตดังต่อไปนี้:


Mitrade Global Pty Ltd – AFSL 398528  (เรียนรู้วิธีตรวจสอบ)

Mitrade Holding Ltd – SIB 1612446 (เรียนรู้วิธีตรวจสอบ)


ตัวอย่างหน่วยงานกับกำดูแล โบรกเกอร์หุ้นต่างประเทศ 


1. Australian Securities and Investments Commission (ASIC) เป็นหน่วยงานที่มีโบรกเกอร์ที่ให้บริการกับนักเทรดชาวออสเตรเลียอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC ซึ่งจะมีการดำเนินการตรวจสอบดูแลบริษัทภายใต้การกำกับบทบัญญัติของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุน 


2. Financial Conduct Authority (FCA) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่ขึ้นชื่อว่ามีความเข้มงวดที่สุด และมีการดำเนินงานเป็นอิสระจากหน่วยงานของรัฐบาล รวมไปถึงการก่อตั้งขึ้นจากค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากธนาคารและสถาบันการเงิน 


3. Mauritius Financial Services Commission (FSC) 

4. Cayman Islands Monetary Authority (CIMA) 

5. Cyprus Securities and Exchange

โบรกเกอร์หาเงินด้วยวิธีไหน

โบรกเกอร์มีหลายวิธีในการสร้างรายได้ โดยหลักๆ แล้วจะมาจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการลูกค้าในการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ 


1. ค่าคอมมิชชั่น (Commission) เป็นรายได้หลักของโบรกเกอร์ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขายแต่ละครั้ง ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงิน ค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว เช่น โบรกเกอร์ BUALUANG คิดค่าบริการเทรดหุ้นไทย มูลค่าล้านละ 1,500 บาท หรือโบรกเกอร์ MiTrade มีค่าสเปรดสินค้า Gold XAU/USD 35-40$ ต่อ 1 Lot Size Trade


2. ค่าธรรมเนียมรายปี (Annual Fee) เช่น ค่าบำรุงรักษาบัญชี บางโบรกเกอร์อาจมีการเรียกเก็บค่าบำรุงรักษาบัญชีรายปี หรือมี ค่าบริการเพิ่มเติม เช่น ค่าบริการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด ค่าบริการสัญญาณซื้อขาย (Signal) รวมถึง ค่าบริการเครื่องมือการเทรด (Indicator/Expert Advisor)


3. ดอกเบี้ยจากเงินฝาก (Interest on Customer Deposits) โบรกเกอร์จะนำเงินส่วนหนึ่งที่ลูกค้าฝากไว้ไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน และแบ่งปันผลตอบแทนบางส่วนให้กับลูกค้าในรูปแบบของดอกเบี้ย


4. ค่าธรรมเนียมในการให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing Fees) เมื่อลูกค้าต้องการขายชอร์ต (Short Selling) หรือใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน โบรกเกอร์จะต้องไปยืมหลักทรัพย์เหล่านั้นมาให้ลูกค้า และจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้า


5. ผลิตภัณฑ์และบริการเสริม: การขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ: เช่น กองทุนรวม สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสัญญาซื้อขายสปอต และ CFD

ความแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์

ความแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์หุ้นต่างประเทศมีหลายอย่างที่นักลงทุนควรพิจารณาเมื่อเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสม โดยสามารถแบ่งออกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้:


ประเภทของโบรกเกอร์:


  • โบรกเกอร์เต็มบริการ (Full-Service Brokers): ให้บริการครบวงจร รวมถึงการวิเคราะห์การลงทุนและคำแนะนำส่วนตัว โดยมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า

  • โบรกเกอร์จำกัดบริการ (Discount Brokers): ให้การเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขาย โดยไม่ให้คำแนะนำเฉพาะตัว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการต้นทุนต่ำ


รวมถึงประเภทของโบรกเกอร์เทรดหุ้นต่างประเทศหรือสัญญาส่วนต่าง (CFD) จะมีโบรกเกอร์ประเภท A-Book (ส่งคำสั่งซื้อขายเข้าตลาดโดยตรง) หรือ B-Book (ไม่ส่งคำสั่งซื้อขายเข้าตลาด) 


  • ค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่น: โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีกฎเกณฑ์และโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าบริการรายเดือน หรือค่าธรรมเนียมการถอนเงิน ทำให้นักลงทุนเปรียบเทียบความคุ้มค่าหลังจากเทรดซื้อขาย


  • การเข้าถึงตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน: บางโบรกเกอร์อาจให้การเข้าถึงตลาดหุ้นจากหลากหลายประเทศ ในมีโบรกเกอร์บางรายที่จำกัดเฉพาะตลาดหุ้นบางแห่งเท่านั้น


  • แพลตฟอร์มการซื้อขาย: คุณลักษณะและความสามารถของแพลตฟอร์มการซื้อขาย เช่น ความง่ายในการใช้งาน, ฟีเจอร์การวิเคราะห์, และความเร็วในการดำเนินการ


  • การสนับสนุนลูกค้า: การให้บริการสนับสนุนลูกค้า เช่น ช่องทางการติดต่อ การตอบสนองต่อปัญหา หรือการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง


  • กฎระเบียบและความน่าเชื่อถือ: โบรกเกอร์ที่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้มักจะให้ความมั่นใจมากกว่า โบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับการควบคุมหรือมีประวัติการดำเนินงานที่ไม่ดี

5 โบรกเกอร์เทรดยอดนิยม

1.Interactive Brokers (IBKR) โบรกเกอร์ระดับโลกที่เก่าแก่ที่สุดรายหนึ่ง ก่อตั้งปี 1978 ให้บริการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์กว่า 150 แห่งทั่วโลก มีค่าคอมมิชชั่นต่ำและอัตราแลกเปลี่ยนที่แข่งขันได้


มีเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงและแพลตฟอร์มที่ซับซ้อน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ SEC สหรัฐฯ


2.Fidelity มีประวัติยาวนานกว่า 75 ปี น่าเชื่อถือสูง ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในการซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ มีกองทุนรวมและ ETF ให้เลือกมากมาย บริการลูกค้าคุณภาพสูง มีที่ปรึกษาส่วนตัว รวมถึงมีเครื่องมือวางแผนการเกษียณที่ครบครัน


3.Charles Schwab เป็นทั้งโบรกเกอร์และธนาคารการลงทุน ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีและค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำ มีบริการวิจัยและวิเคราะห์หุ้นคุณภาพสูง แพลตฟอร์มใช้งานง่าย เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับ และมีสาขาให้บริการทั่วสหรัฐฯ


4.TD Ameritrade แพลตฟอร์ม Thinkorswim เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูงให้การศึกษาด้านการลงทุนฟรีแก่ลูกค้า บริการลูกค้า 24/7 ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Charles Schwab


5.Mitrade เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่ยึดมั่นในมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การซื้อขายที่ง่ายและสะดวกแก่นักลงทุน แพลตฟอร์มการซื้อขายที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Mitrade ได้รับการยกย่องอย่างสูงและได้รับรางวัลมากมาย เช่น Best Mobile Trading Platform และ Most Innovative Brokerage Firm


mitrade
💸 ห้ามพลาด!!! 💸
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

สรุป

การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีจะช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดหุ้นได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การเลือกที่ผิดก็อาจส่งผลเสียต่อผลตอบแทนของคุณได้ ทั้งค่าธรรมเนียม ความสเถียรของแพลตฟอร์ม และสัญญานซื้อขายที่แม่นยำ ดังนั้นควรใช้เวลาในการศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ 

คำถามที่พบบ่อย

เหตุผลสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์สำหรับเทรด มีอะไรบ้าง

- ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น SEC, FCA และมีฐานะการเงินที่มั่นคง

- ค่าธรรมเนียมและต้นทุน ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

- แพลตฟอร์มการซื้อขาย ความเสถียรและความเร็วในการส่งคำสั่ง ความง่ายในการใช้งาน

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค รองรับการใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ ระบบจัดการพอร์ตการลงทุน

-ตลาดและผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ จำนวนตลาดหลักทรัพย์ที่เข้าถึงได้ ประเภทสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ (หุ้น, ETF, อนุพันธ์) สภาพคล่องในการซื้อขาย ช่วงเวลาการซื้อขาย

ข้อควรระวังสำหรับการเลือกโบรกเกอร์ ที่นักลงทุนต้องพึงตรวจสอบ

1. ใบอนุญาตและการกำกับดูแล: โบรกเกอร์ที่ถูกกฎหมายจะต้องมีใบอนุญาตประ

2.ความมั่นคงทางการเงิน: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงในการดำเนินงานหรือไม่

3.ประวัติการดำเนินงาน: ศึกษาประวัติของโบรกเกอร์ว่ามีประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานและมีความน่าเชื่อถือหรือไม่

นักลงทุนควรเปรียบเทียบหลายๆ โบรกเกอร์ก่อนตัดสินใจเลือก ควรเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียดหรือหลายๆ โบรกเกอร์มีบัญชีทดลองให้คุณได้ลองใช้งานก่อนตัดสินใจ

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
หาเงินออนไลน์ ถูกกฎหมาย! แนะนำ 9 วิธีหาเงินออนไลน์การหาเงินหลักล้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคที่ไร้พรมแดนและทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเท่าเทียมกัน ห้ามพลาดกับวิธีหาเงินออนไลน์ทั้ง 9 แบบที่เรานำมาฝาก
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 28 พ.ย. 2023
การหาเงินหลักล้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคที่ไร้พรมแดนและทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเท่าเทียมกัน ห้ามพลาดกับวิธีหาเงินออนไลน์ทั้ง 9 แบบที่เรานำมาฝาก
placeholder
วิธีดูกราฟราคาทองที่นักลงทุนทองคำต้องรู้ ฉบับมือใหม่ต้องอ่านบทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 มิ.ย. 2023
บทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
placeholder
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และ มีอะไรบ้างต้นทุนในธุรกิจ ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ บทความนี้ เรามาทำความรู้จักกันว่า ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 มี.ค. 2024
ต้นทุนในธุรกิจ ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ บทความนี้ เรามาทำความรู้จักกันว่า ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
placeholder
10 อันดับแอพหาเงินสร้างรายได้เสริมปี 2024ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 30 ส.ค. 2023
ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
placeholder
คำสั่ง Long , Short คืออะไร? ​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 08 มิ.ย. 2023
​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์