การลงทุน มีอะไรบ้าง? วิธีลงทุนและทำเงินได้อย่างไรสำหรับมือใหม่ ต้องอ่าน!
เมื่อพูดถึงการลงทุนแล้ว หลายคนอาจจจะส่ายหน้าว่า ไม่ถนัดหรือไม่อยากเข้าไปเสี่ยงกับการขาดทุน แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าการลงทุน มีอะไรบ้าง รูปแบบและที่มาที่ไป แบบการลงทุนมีทั้งที่เป็นทำให้สินทรัพย์งอกเงยหรือเลือกที่จะป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งดีกว่าหรือไม่ที่นักลงทุนเข้าใจ การลงทุนประเภทต่างๆให้เข้าใจมากขึ้น เพราะการลงทุนนั้นมีสินค้าประเภทต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราทั้งนั้น เราสามารถหาโอกาสได้เช่นกัน เราจะมารู้จักให้มากขึ้นในบทความนี้
การลงทุน มีอะไรบ้าง?
1.หุ้น--Stocks
2.พันธบัตร--Bonds
3.กองทุนรวม--Mutual Funds
4.กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETFs)--Exchange-Traded Funds (ETFs)
5.บัตรเงินฝาก (ซีดี)--Certificates of Deposit (CDs)
6.แผนการเกษียณอายุ--Retirement Plans
7.ตัวเลือก--Options
8.ค่างวด--Annuities
9.อนุพันธ์-Derivatives
10.สินค้า--Commodities
11.การลงทุนแบบผสมผสาน--Hybrid Investments
สำหรับรายละเอียด โปรดอ่านด้านล่าง
1.หุ้น
การลงทุนในหุ้น หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า "เล่นหุ้น" เป็นการซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนก็สูงเช่นกัน หรือถ้าเลือกหุ้นพื้นฐานดี มีธุรกิจชัดเจน อาจจะมีความผันผวนน้อยกว่า ซึ่งเราจะได้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลจากกำไรการดำเนินการของบริษัท รวมถึงส่วนต่างที่ได้จากการซื้อขายหุ้น
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
แนวการเล่นหุ้นแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ นั้นก็คือ สายกราฟ และ สายพื้นฐาน โดย ‘สายกราฟ’ จะเป็นแนวการลงทุนที่มองกันที่ ‘รูปแบบของราคา’ ซึ่งสามารถพล็อตออกมาเป็นกราฟได้ ในขณะที่สายพื้นฐาน จะมองที่ปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจของหุ้นนั้นๆ เป็นหลัก
- สำหรับการทำกำไรสายกราฟ จะดูรูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นมาประกอบการซื้อขาย และส่วนใหญ่จะทำกำไรจาก ‘ส่วนต่างของราคา’ หรือ Capital Gain เป็นหลัก
ซื้อหุ้นเทสล่า (TSLA) ที่ราคาหุ้น 200 USD ซึ่งเป็นจังหวะที่ลงมาพักตัวแนวรับสำคัญ จำนวน 100 หุ้น เท่ากับต้นทุก 20,000 USD เมื่อราคาหุ้นขยับขึ้นไปเป็น 270 USD จะสามารถทำกำไรได้ถึงหุ้นละ 70 USD ดังนั้นเท่ากับกำไร 100 หุ้น x 70 USD = 7,000 USD
- สายพื้นฐาน เป็นหลักการลงทุนที่มองว่า หุ้นของบริษัทเป็นตัวแทนของกำไรที่บริษัททำได้ หากบริษัทหนึ่งมีการเติบโตของกำไรที่สูง ก็จะเป็นตัวผลักดันให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นในระยะยาว นักลงทุนสายพื้นฐานจะใช้เวลาส่วนมากไปกับการอ่านข่าวที่เกี่ยวกับบริษัทที่ตัวเองสนใจจะลงทุน ติดตามผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ รวมถึงติตตามอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทเหล่านั้นด้วย
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
คุณจะเริ่มเทรดหุ้นจริง คุณควรศึกษาเกี่ยวกับตลาดหุ้น อ่านหนังสือ บทความ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้น วิเคราะห์เทคนิค และกฎข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรดหุ้น
สร้างแผนการลงทุน ระบุว่าคุณต้องการที่จะลงทุนในหุ้นในบริษัทใด และระยะเวลาที่คุณมีในการลงทุน. นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการเทรด
เลือกบริษัทหลักทรัพย์ ต้องเปิดบัญชีที่โบรกเกอร์หลักทรัพย์เพื่อทำการเทรด คุณควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เหมาะสมสำหรับคุณ
วิเคราะห์หุ้น ใช้การวิเคราะห์เพื่อประเมินหุ้นที่คุณสนใจ มีหลายวิธีในการวิเคราะห์หุ้น เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน
ในการลงทุนสำหรับหุ้นต่างประเทศนั้น นักลงทุนสามารถเริ่มต้นฝึกในบัญชีจำลองได้ที่โบรกเกอร์ MiTrade สำหรับฝึกเงินจำลองมูลค่าถึง 50,000 USD สำหรับทดลองใช้ฟังก์ชั่นการซื้อขายต่างๆราคาเคลื่อนไหวจริงๆ รวมถึงเพิ่มความมั่นใจก่อนที่จะเปิดบัญชีจริงและเริ่มต้นฝากเงินเทรดที่ใช้เงินเริ่มต้นเพียง 50 USD ก็สามารถเริ่มเทรดหุ้นต่างประเทศชื่อดังได้แล้ว
🎉ลงทะเบียน Mitrade รับโบนัสในการเปิดบัญชี! แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์!
2.พันธบัตร
พันธบัตร คือ ตราสารทางการเงินที่เรียกว่าตราสารหนี้ จากการระดมทุนระยะยาวขององค์กรและสถาบันต่างๆ ซึ่งสามารถอธิบายได้ง่ายๆ ว่าพันธบัตร คือ หุ้นกู้ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นพันธบัตรที่ออกรัฐบาล บริษัท หรือองค์กรอื่นๆ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับโครงการต่างๆ ผู้ที่เป็นเจ้าของพันธบัตรหรือผู้ให้ทุนในพันธบัตรจะถือเป็นเจ้าหนี้ โดยจะมีอัตราดอกเบี้ยที่คงที่กับเงินต้นและวันหมดอายุ
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
ไม่ว่าหุ้นกู้ภาคเอกชนหรือพันธบัตรรัฐบาล จะให้ผลตอบแทน 2 ส่วนคือ ดอกเบี้ยรับตามที่กำหนดไว้ (Coupon) และกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายหากขายได้ที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อ แต่ถ้าขายได้ต่ำกว่าราคาซื้อก็จะขาดทุนในส่วนนี้ ตัวอย่างเช่น หากเรานำเงิน 1,000 บาทไปลงทุนในพันธบัตรรุ่นหนึ่ง จำนวน 1,000 บาท ซึ่งจ่ายอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon) ร้อยละ 5 เป็นเวลา 3 ปี จะเห็นว่ารายได้หรือกระแสเงินที่จะได้รับในอนาคตจะประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ1) ดอกเบี้ย: 2) ดอกเบี้ยของดอกเบี้ย 3) เงินต้นของการลงทุน: เงินลงทุนตามมูลค่าหน้าตั๋วซึ่งจะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นในการลงทุนในพันธบัตรสำหรับมือใหม่
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับพันธบัตร เช่น พันธบัตรระยะยาว (Bonds), พันธบัตรระยะสั้น (Short-term Notes), พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds), และพันธบัตรบริษัท (Corporate Bonds)
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของพันธบัตร รวมถึงอัตราดอกเบี้ย, ระยะเวลาของพันธบัตร, และวิธีการชำระเงินดอกเบี้ย
เลือกพันธบัตรที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำมักมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่วนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงอาจมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
3.กองทุนรวม
กองทุนรวม คือ การระดมเงินลงทุนจากนักลงทุน ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้ดูแล จุดเด่นของกองทุนรวมคือมีเงินน้อยก็ลงทุนได้ ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเอาไปฝากในธนาคาร มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่เรารับไหว
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
วิธีที่ 1 ใช้กองทุนรวมเป็นที่พักเงินแทนบัญชีออมทรัพย์
วิธีที่ 2 โอกาสรับผลตอบแทนด้วยหลากหลายนโยบายการลงทุน
วิธีที่ 3 ซื้อกองทุนรวมที่มีเป้าหมายสร้างรายรับอย่างสม่ำเสมอ (Passive income)
วิธีที่ 4 รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านการลงทุนใน กองทุนรวม SSF / RMF
ตัวอย่างเช่น SSF ย่อมาจากคำว่า “Super Savings Fund” เป็นกองทุนน้องใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้เมื่อต้นปี 2563 ซึ่งเน้นการออมระยะยาวและเป็นตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีที่มาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2562
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
การลงทุนในกองทุนรวมเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นลงทุนสำหรับมือใหม่ เพราะมันมีความหลากหลายและเป็นรูปแบบที่ง่ายต่อการลงทุนโดยไม่ต้องรับผิดชอบโดยตรงในการจัดการกองทุน
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมและประเภทต่าง ๆ ของกองทุน เช่น กองทุนรวมหุ้น (Equity Funds), กองทุนรวมส่วนหนี้ (Bond Funds), และ กองทุนรวมระดับผสม (Balanced Funds)
เลือกกองทุนที่เหมาะสม ให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ และเลือกกองทุนที่ตรงกับเป้าหมายนั้น
เปิดบัญชีกองทุนรวมที่ธนาคารหรือบริษัทจัดการกองทุนรวมที่คุณไว้ใจ ให้เงินลงทุนตามเป้าหมายของคุณ และเลือกวิธีการชำระเงินเข้ากองทุน เช่น รายเดือนหรือรายปี. และต้องติดตามประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ปรับแก้พอร์ตโฟลิโอหากจำเป็น
4.กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETFs)
ETF หรือ Exchange Traded Fund คือ กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่มีนโยบายการลงทุนตามดัชนีต่างๆ เช่น ตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ตราสารหนี้ เป็นต้น โดยต้องการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีมากที่สุดความพิเศษของ ETF คือ เป็นกองทุนรวมดัชนีที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้น โดยได้ราคาซื้อขายแบบ Real time อีกด้วย
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
การลงทุน ETF จะได้รับผลตอบแทนใน 2 ลักษณะ คือ
1. กำไรจากส่วนต่างของราคาที่เราซื้อมาในราคาที่ต่ำ แล้วขายในราคาที่สูงกว่า
2. เงินปันผล หากว่าเราลงทุนในกองทุนกลุ่มหุ้น ก็จะมีโอกาสได้รับเงินปันผลจากองค์กรที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีอ้างอิง
ตัวอย่างเช่น การลงทุน ETF ในตลาดต่างประเทศ ผู้นำเศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ผ่านกองทุนเปิดกรุงศรียูเอสอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ KFUSINDX เป็นกองทุนลงทุนในหุ้นที่อ้างอิงกับดัชนี S&P500 Index ผ่านกองทุน ETF ต่างประเทศ iShares Core S&P 500 ETF
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
เลือก ETF ที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ มีหลายประเภทของ ETFs ที่เรียกว่า "นามสกุลที่ถูกเหมาะสม" ที่เรียกว่า "ทศนิยม" และสามารถลงทุนได้ในหลายกลุ่มของทรัพยากรทางการเงิน เช่น ตลาดหุ้น, ตลาดสินทรัพย์, หรือทองคำ
เปิดบัญชีการลงทุนที่โบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการลงทุนที่คุณไว้ใจ เพื่อทำการลงทุนใน ETFs
ซื้อ ETFs ครั้งแรกที่คุณเปิดบัญชีลงทุน เงินที่คุณฝากจะถูกนำไปซื้อ ETFs ที่คุณเลือตามอัตราค่าแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
ตรวจสอบผลการลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ และปรับแก้พอร์ตโฟลิโอหากจำเป็น.
5.บัตรเงินฝาก (ซีดี)
เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีลักษณะเฉพาะและมักถูกนำมาใช้ในการลงทุนหรือเก็บเงินออม ลักษณะของ CDs รวมถึงข้อควรรู้เกี่ยวกับมันดังนี้: มีระยะเวลาคงที่ที่ผู้ฝากจะต้องระบุไว้ล่วงหน้าเมื่อเปิดบัตรเงินฝาก ระยะเวลานี้อาจหลายเดือนหรือหลายปี ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถถอนเงินจาก CDs ได้ก่อนระยะเวลาสิ้นสุดโดยไม่เสียค่าปรับ
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
CD การฝากเป็นบัญชีออมทรัพย์แบบพิเศษที่จะให้อัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ความแตกต่างก็คือหากฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ท่านสามารถถอนเงินออกได้ทุกเวลาที่ต้องการ หากฝากเงินผ่าน CD ผู้ลงทุนจะไม่สามารถถอนเงินดังกล่าวได้จนกว่าจะครบตามระยะเวลาที่ตกลงไว้
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
จำเป็นต้องเข้าใจคุณสมบัติของบัตรเงินฝากหรือ CD ดังนี้:
ระยะเวลาที่ชัดเจน เงินที่ฝากไว้ทั้งหมดจะถูกล็อคไว้จนกว่าระยะสัญญาจะสิ้นสุด ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงจากหลายวันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี นานสุดคือประมาณ 5 ปี แต่ระยะที่นิยมมากที่สุดคือประมาณ 6 เดือน
ผลตอบแทนคงที่ ผลตอบแทนที่ได้รับจะคงที่ตามที่ระบุไว้ ซึ่งแต่ละธนาคารก็อาจให้ผลตอบแทนแตกต่างกันไป
ข้อตกลง CD เป็นข้อตกลงทางการเงินระหว่างธนาคารและบุคคล นอกจากนี้ กองทุรวม ธุรกิจ และทรัสต์อาจใช้รูปแบบนี้ได้เช่นกัน
รายได้ ในฐานะนักลงทุน ท่านจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเพื่อแลกกับการล็อคเงินไว้ โดย CD สามารถให้อัตราคงที่หรือลอยตัวก็ได้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะได้รับเงินเป็นรายเดือนหรือครึ่งปี
6.แผนการเกษียณอายุ
แผนการเกษียณอายุหรือ Retirement Plans เป็นกลไกการเตรียมการทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้บุคคลสามารถออกจากการทำงานหรืองานประจำในวัยที่กำหนดไว้ (อายุเกษียณ) และมีเงินเก็บออมเพียงพอในการรองรับค่าใช้จ่ายในชีวิตหลังเกษียณอายุได้อย่างสะดวกสบาย แผนการเกษียณอายุสามารถมีลักษณะและข้อบังคับที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของแผน แต่มักมีคุณสมบัติพื้นฐานดังนี้ การเก็บเงินออมเพื่อเกษียณ การลงทุน การลดหย่อนภาษี
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
สูตรอย่างง่ายสำหรับคำนวณจำนวนเงินที่ควรมีในวันแรกของการเกษียณ
จำนวนเงินที่ควรมี = ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณต่อปี* X จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ
*ประมาณ 70% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน หรือปรับสัดส่วนได้ตามต้องการ
ตัวอย่างเช่น คุณ A อายุ 35 ปี ต้องการเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตต่อไปอีก 20 ปี ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 30,000 บาท จึงคาดว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนในช่วงเกษียณจะอยู่ที่ราว 21,000 บาท หรือ 252,000 บาท ต่อปี เท่ากับว่าก่อนเกษียณ จะต้องมีเงินเตรียมไว้ถึง 252,000 x 20 = 5,040,000 บาท
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
กำหนดว่าคุณต้องการมีรายได้เมื่อเกษียณอายุในระยะเวลาที่คุณต้องการ และประเมินรายจ่ายที่คุณคาดว่าจะต้องใช้ในชีวิตเกษียณ
สร้างงบประมาณและการวางแผนการเงินเพื่อควบคุมรายจ่ายและตรวจสอบว่าคุณสามารถออมเงินในแต่ละเดือน
รายระเอียดแผนการลงทุน: ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการลงทุนในแผนการเกษียณ เลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับผิดชอบ.ควรคำนึงถึงการแบ่งแยกการลงทุนในหลายทาง โดยรวมถึงหุ้น, บอนด์, ETFs, และกองทุนรวม
7.ทางเลือก
คือการซื้อหรือขายสิทธิ์ในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ในอนาคต โดยมีราคาซื้อหรือขายล่วงหน้าที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในข้อตกลง. Options มีลักษณะการลงทุนอย่างเฉพาะเจาะจงและมักถูกใช้เพื่อปรับเสถียรภาพการลงทุนหรือสร้างโอกาสในการกำไร หรือลดความเสี่ยงในตลาดทุน มีสองประเภทคือ Call Options (ตัวเลือกสำหรับการซื้อ) และPut Options (ตัวเลือกสำหรับการขาย)
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
ยกตัวอย่าง ในวันที่ (18-02-64) SET50 Index 930 จุด นาย A คาดการณ์ว่า SET50 Index มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น จึงเปิดสถานะ Open Long S50H21C950 จำนวน 1 สัญญา
Premium 17.1 จุด (17.1 x 200 = จ่ายออก -3,420 บาท)
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
การลงทุนในตลาดออฟชั่น (Options) เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงและความซับซ้อนสำหรับมือใหม่
ทำความเข้าใจกับคำศัพท์และหลักการพื้นฐานของตลาดออฟชั่น เช่น สิทธิ์ซื้อ (Call Option) และ สิทธิ์ขาย (Put Option), วันหมดอายุ (Expiration Date), ราคากิจกรรม (Strike Price) และราคาตลาด (Market Price) เป็นต้น
ศึกษาการทำงานของตลาด:อ่านหนังสือ, บทความ, และเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับการทำงานของตลาดออฟชั่น
เปิดบัญชีการลงทุน เลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการลงทุนในตลาดออฟชั่น และเปิดบัญชีการลงทุนกับพวกเขา
8.ค่างวด
คือการชำระเงินล่วงหน้าหรือสะสมเงินในบัญชีทางการเงินเพื่อรับรายได้สม่ำเสมอหรือค่าใช้จ่ายในอนาคต อัตราดอกเบี้ยหรือการจ่ายเงินจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าในข้อตกลงของค่างวด Annuities ชีวิตคนส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่อง Annuities นี้ เช่น การผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ที่ต้องจ่ายเป็นงวดๆ งวดละเท่าๆ กัน หรือการออมเงินเดือนละเท่าๆ กัน เป็นต้น
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
การคำนวณหามูลค่าเงินในอนาคต กรณีรู้เงินงวด
ถ้าเรารู้กระแสเงินงวดในแต่ละงวดที่จะต้องจ่าย หรือ รับ และต้องการรู้ว่าจ่ายหรือรับแบบนี้เรื่อยไป จนครบกำหนดเวลาในอนาคต จะเป็นเงินรวมเท่าใด แสดงว่าเราต้องการคำนวณมูลค่าเงินในอนาคตจากเงินงวด (future value of an annuity) หรือ FVA
ตัวอย่าง คุณA และ คุณB ต้องการฝากเงินปีละ 30,000 บาท (ทุกสิ้นปี) เพื่อเก็บเป็นทุนการศึกษาให้บุตรชายซึ่งเพิ่งเกิดใหม่ ทั้งคู่คาดหวังอัตราผลตอบแทนจากเงินฝากเพียงปีละ 3% ถามว่าเต๋าและมดจะได้เงินรวมเท่าใดในอีก 17 ปีข้างหน้า โดยให้คิดดอกเบี้ยทบต้นตลอดช่วงเวลาการฝากเงินงวดที่จะเกิดขึ้น
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Annuities และประเภทต่าง ๆ ของ Annuities ที่มีอยู่ เช่น Fixed Annuities, Variable Annuities, และ Indexed Annuities
ศึกษาวิธีการทำงานของ Annuities และผลกระทบต่อการลงทุนและการเก็บเงินเพื่อเกษียณ
เลือกประเภทของ Annuities: เลือกประเภทของ Annuities ที่ตรงกับเป้าหมายการเงินและความเสี่ยงที่คุณสามารถรับผิดชอบได้ ยอมรับว่าแต่ละประเภทของ Annuities มีคุณสมบัติและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
9.อนุพันธ์
คือ สัญญาทางการเงินที่ทำขึ้นเพื่อให้สิทธิในการซื้อหรือขาย “สินค้าอ้างอิง” (Underlying Asset) ในอนาคต พูดง่ายๆ คือ “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” ทำสัญญาตกลงกันวันนี้ ว่าจะซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิง จำนวนกี่หน่วย ที่ราคาเท่าใด แล้วจะส่งมอบและชำระราคากันเมื่อใด โดยอนุพันธ์จะทำการซื้อขายผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
นักลงทุนสามารถใช้ทํากําไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง จากการเลือกสถานะให้ถูกฝั่งที่ลงทุน เช่นสิทธ์ซื้อ (Call) เมื่อราคาขยับขึ้นจะทำกำไรได้ และสิทธิ์ขาย (Put) เมื่อราคาลงจะสามารถทำกำไรได้เช่นกัน ทำให้เพิ่มช่องทางโอกาสสำหรับสินค้าอื่นๆอีกด้วย
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับคำศัพท์และหลักการพื้นฐานของสินค้าเดอริวาทีฟ เช่น ออปชัน (Options), ฟิวเจอร์ส (Futures), สวอพ (Swaps), และอื่น ๆ
ศึกษาแต่ละประเภทของสินค้าอนุพันธ์ เช่น ลงทุนในออปชัน: ศึกษาการลงทุนในสิทธิ์ซื้อ (Call Options) และสิทธิ์ขาย (Put Options) รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนในออปชันเช่น Covered Call และ Protective Put
ลงทุนในฟิวเจอร์ส: ศึกษาการลงทุนในฟิวเจอร์ส รวมถึงความเสี่ยงและการป้องกันความเสี่ยงในตลาดฟิวเจอร์ส
10.สินค้าโภคภัณฑ์
คือการลงทุนในพลังงาน, โลหะ, และสินค้าเกษตรกรรมที่มีค่าเป็นพื้นฐานและมีค่ามากๆ ในการผลิตและการบริโภคทั่วโลก การลงทุนในสินค้ามักถูกนำมาใช้เพื่อปรับเสถียรภาพการลงทุนหรือการหมุนเวียนในพอร์ตโฟลิโอการลงทุนของบุคคลหรือองค์กร
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
แม้ว่าคุณสามารถซื้อสินค้าโภคภัณฑ์จริง ๆ และเก็บสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ไว้ได้เองก็ตาม แต่การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่จะกระทำผ่านทางตลาดกลางสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ยกตัวอย่าง กลุ่มโอเปคมีการประชุมเพื่อลดการผลิตลง จาก 22 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลือ 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะเห็นว่าเมื่อซัพพลายลดลง จะทำให้ดีมานด์ของน้ำมันนั้นมากขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTI ขยับขึ้นจาก 80 USD เป็น 83 USD
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
ควรจะต้องทราบข้อดีข้อเสียของการเทรดสินค้ากลุ่มนี้
ข้อดี
- ความหลากหลาย เมื่อดูจากข้อมูลย้อนหลัง คุณจะพบว่าความสัมพันธ์ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ กับราคาหลักทรัพย์และพันธบัตร นั้นมีค่าสหสัมพันธ์ในระดับที่ต่ำหรือติดลบ ซึ่งนั่นสามารถช่วยให้คุณปกป้องตนเองจากการลงทุนในหุ้นได้
-ป้องกันผลจากภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะทำให้ราคาของพันธบัตรและหุ้นตกต่ำลง แต่สินค้าโภคภัณฑ์กลับดูเหมือนจะได้ประโยชน์จากภาวะดังกล่าว
ข้อเสีย
- ความผันผวนสูง สินค้าโภคภัณฑ์ถือว่าเป็นหนึ่งในตราสารที่มีความผันผวนมากที่สุดในการซื้อขาย ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีความผันผวนเป็นสองเท่าของหุ้นและผันผวนมากกว่าพันธบัตรเป็นสี่เท่า
ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกเทรดสินค้า Commodities ต่างๆได้อย่างสะดวกผ่าน Mitrade โบรกเกอร์ระดับชั้นนำ แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย รูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน ฝ่ายบริการลูกค้าออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์และแอพพลิเคชั่นมือถือเครื่องมือจัดการความเสี่ยง เช่น stop loss / trailing stop ในรูปแบบของ CFD หรือสัญญาส่วนต่างๆที่อ้างอิงกับสินค้า โดยสามารถเทรดทำกำไรได้ทั้งฝั่งขาขึ้นและขาลง
🎉 ห้ามพลาด! แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์↓↓↓
11.การลงทุนแบบผสมผสาน
หมายถึงการลงทุนในกองทุนหรือสินทรัพย์ทางการเงินที่รวมเอาลักษณะการลงทุนจากหลายแหล่งที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการผลิตรายได้ การลงทุนแบบผสมผสานมักนำเงินลงทุนมาลงในหลายสินทรัพย์หรือกองทุนที่มีลักษณะการเงินแตกต่างกัน เช่น: กองทุนผสม การลงทุนแบบผสมระหว่างอัตราแลกเปลี่ยน (Forex) การลงทุนแบบผสมระหว่างสินค้าและอสังหาริมทรัพย์
คุณจะทำเงินได้อย่างไร
สามารถลงทุนในหลายสินทรัพย์เช่นหุ้น, พันธบัตร, อสังหาริมทรัพย์, หรือเงินสด การเลือกสินทรัพย์ควรมองในมุมมองของการควบคุมความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของคุณ. และการควบคุมพอร์ตโฟลิโอ: คุณควรทำการควบคุมพอร์ตโฟลิโอของคุณโดยตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและการลงทุนเข้ากับเป้าหมาย
วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่
กำหนดเป้าหมายการลงทุน: คำนึงถึงวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ ว่าคุณต้องการให้การลงทุนที่คุณดำเนินการมีเป้าหมายที่เจาะจงต่อความต้องการในระยะยาวหรือระยะสั้น คุณอาจต้องการรายได้ประจำหรือการเพิ่มทุนลงทุนในระยะยาว เป้าหมายการลงทุนจะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม
ความเสี่ยงและระดับความเสี่ยง: คำนึงถึงระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ การลงทุนแบบผสมผสานจะมีสินทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงต่าง ๆ ดังนั้นคุณควรคำนึงถึงการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอการลงทุนของคุณ
ผ่านไปทั้งหมดกับการลงทุนทั้ง 11 ข้อ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละอย่าง คราวนี้ก็อยู่ที่ปัจจัยของนักลงทุนเองแล้วเช่นกัน ว่าตนเองมีความรู้ความเข้าใจในสินค้าและผลิตภัณท์การลงทุนนั้นๆมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการตั้งเป้าหมายในการลงทุน จะทำให้เราหาวิธีการที่ตอบโจทย์ได้
ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนการลงทุน
การลงทุนเป็นกระบวนการที่ควรให้ความสำคัญและระมัดระวัง เมื่อคุณมีความเข้าใจและรู้จักกับสิ่งที่ต้องรู้ก่อนการลงทุน จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้:
🔸 กำหนดวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ ว่าคุณต้องการลงทุนเพื่อทำกำไรรายวันหรือรายเดือน, เพื่อเก็บเงินเพื่อเกษียณ, หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยง
🔸 เข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและสามารถรับผิดชอบความเสี่ยงนั้นหรือไม่.รู้จักกับรายได้ที่คุณสามารถคาดหวังจากการลงทุนของคุณ
🔸 ทำความเข้าใจรายได้และค่าใช้จ่ายในการลงทุนของคุณ รวมถึงค่าธรรมเนียมการซื้อขายและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
🔸 ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับประเภทต่าง ๆ ของการลงทุน เช่น หุ้น, บอนด์, ETFs, กองทุนรวม, อสังหาริมทรัพย์, และสินค้าเดิริวาทีฟ
🔸 สร้างแผนการเงินและงบประมาณเพื่อควบคุมรายจ่ายและการออม.การศึกษาและการเรียนรู้:อย่างสม่ำเสมอทำการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน อ่านหนังสือ, บทความ, และรายงานการวิจัย เรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์, และติดตามข่าวสารทางการเงิน
🔸 การบริหารความเสี่ยง สำหรับการลงทุนที่เสี่ยงสูง ควรรู้ว่าคุณมีความเสี่ยงอยู่ในระดับไหน และมีแผนสำหรับการจัดการความเสี่ยง
🔸 กำหนดระยะเวลาในการลงทุน ว่าคุณต้องการลงทุนในระยะสั้น ๆ, ระยะกลาง, หรือระยะยาว
🔸 ตรวจสอบและปรับแผนการลงทุนของคุณเมื่อจำเป็น และไม่ลืมตรวจสอบความเสี่ยงและประสิทธิภาพของการลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ
🔸 การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม คุณควรพบกับที่ปรึกษาการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญในการลงทุน
สรุป
การลงทุนต่างๆโลกนี้มีสินค้ามากมายให้ได้เลือกตามความรู้และความเข้าใจในกลุ่มสินค้านั้นๆ ดังนั้นนักลงทุนควรรู้ว่า การลงทุนนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อศึกษาทั้งรูปแบบของสินค้าหรือพฤติกรรมของการเปลี่ยนแปลงราคา หรือปัจจัยที่ทำให้สามารถประเมินโอกาสและความเสี่ยงให้เหมาะสม เพราะยิ่งนักลงทุนชำนาญและมีประสบการณ์ในการลงทุนนั้นๆ รวมถึงวางเป้าหมายสำหรับการลงทุน จะทำให้วางแผนจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและกระจายความเสี่ยงไปยังการลงทุนอื่นๆได้อีกเช่นกัน
1.นักลงทุนจะจัดสรรความมั่งคั่งไปในสินทรัพย์อย่างไรบ้าง ในเมื่อมีหลากหลายสินค้าการลงทุนให้เลือก
2. นักลงทุนสามรถคาดหวังผลตอบแทนปีละเท่าไหร่?
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน