10 อันดับคนที่รวยที่สุดในโลก ใครรวยที่สุดในโลกปี 2024 ตอนนี้บ้าง

ดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg แสดงอันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ดัชนีนี้เป็นการวัดผลของมหาเศรษฐี 100 อันดับแรกโดยพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด เศรษฐกิจ และทรัพย์สินส่วนบุคคล ตัวเลขจะได้รับการอัปเดตเมื่อปิดตลาดของทุกวันซื้อขายในนิวยอร์ก หากคุณกำลังศึกษาวิธีการลงทุนของคนรวย และ ใครรวยที่สุดในโลกบ้าง มาติดตามบทความนี้กันได้เลย

ใครรวยที่สุดในโลก? คุณอาจคุ้นหูกับคนรวยมาหลายชื่อแล้ว มาดูการจัดอันดับคนรวยจาก Bloomberg ที่อิงตามข้อมูลจริงดังต่อไปนี้

1.อีลอน มัสก์ (Elon Musk)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ: Tesla

• มูลค่าสุทธิ: 252,000 ล้านดอลลาร์

• สัดส่วนการถือหุ้นของ Tesla: 13% (95,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สัดส่วนการถือหุ้น X: 79% (7,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: Space Exploration Technologies (สินทรัพย์ส่วนตัว 82,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ), The Boring Company (สินทรัพย์ส่วนตัว 3,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ), Neuralink (สินทรัพย์ส่วนตัว 2,070 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ), xAI (สินทรัพย์ส่วนตัว 13,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

อีลอน มัสก์เริ่มสนใจการคำนวณและการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่ออายุได้ 12 ปีสามารถขายซอฟต์แวร์ตัวแรกซึ่งเป็นเกมชื่อ Blastar อีลอน มัสก์ย้ายไปแคนาดาตอนอายุ 17 ปี จากนั้นเข้าเรียนที่ Queen's University ก่อนที่จะย้ายไปที่ University of Pennsylvania ซึ่งได้รับปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์และฟิสิกส์ ต่อมาเข้าเรียนที่ Stanford University เป็นเวลาสั้นๆ แต่ลาออกเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และเปิดตัว Zip2 ในปี 1995 ร่วมกับพี่ชาย

ในปี 2002 อีลอน มัสก์ได้ก่อตั้ง SpaceX ขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการขนส่งทางอวกาศเพื่อให้สามารถสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารได้ Tesla Motors ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 ได้ปฏิวัติตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยรถยนต์รุ่นต่างๆ เช่น Roadster, Model S และ Model 3 โดยก้าวหน้าอย่างมากในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และแนวคิดการใช้พลังงานที่ยั่งยืน

จากความสำเร็จของอีลอน มัสก์เป็นที่รู้ดีจากวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานและความไม่ท้อถอย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น ปัญหาทางกฎหมายกับหน่วยงาน ก.ล.ต. แต่ก็ยังคงเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบันได้

เนื้อหาเพิ่มเติม: ซื้อหุ้น Tesla ยังไง? แนะนำวิธีการซื้อหุ้นเทสลา >>

2.เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร: Amazon (AMZN)

• มูลค่าสุทธิ: 209 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

• หุ้นที่ Amazon ถือครอง: 9% (174 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: Blue Origin (สินทรัพย์ส่วนตัว 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ), The Washington Post (สินทรัพย์ส่วนตัว 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ), Koru (สินทรัพย์ส่วนตัว 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และเงินสด 19.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

เจฟฟ์ เบโซส เกิดในปี 1964 ที่นิวเม็กซิโก นักธุรกิจชาวอเมริกัน เป็นผู้ก่อตั้ง Amazon และเจ้าของหนังสือพิมพ์ The Washington Post และผู้ก่อตั้งบริษัทสำรวจอวกาศ Blue Origin จากบริษัทสำรวจอวกาศ Blue Origin ความสำเร็จทางธุรกิจของเขาทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

เจฟฟ์ เบโซสเป็นคนที่หลงรักคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยังเด็กและศึกษาเกี่ยวกับวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน หลังจากสำเร็จการศึกษาก็ได้เข้าทำงานที่วอลล์สตรีท และในปี 1990 ก็ได้กลายเป็นรองประธานอาวุโสที่อายุน้อยที่สุดของบริษัทการลงทุน D.E. Shaw ในปี 2017 Amazon ได้ซื้อ Whole Foods เป็นการร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จจนทำให้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Amazon เป็นบริษัทอันดับโลกก็คือการเน้นความพอใจของลูกค้าเป็นหลักที่ทำให้บริษัทนี้สามารถกินใจลูกค้าทั่วโลกได้ ความมั่งคั่งของเจฟฟ์ เบโซสมาจากหลายวิธี เช่น การถือหุ้นประมาณ 10% ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังถือหุ้นใน Blue Origin ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจอวกาศ และ The Washington Post อีกด้วย

เนื้อหาเพิ่มเติม: ซื้อหุ้นอเมซอนยังไง? สเต็ปการซื้อหุ้น Amazon แบบละเอียด>>

3.เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: ฝรั่งเศส

• ซีอีโอและประธาน: LVMH (LVMUY)

• มูลค่าสุทธิ: 185,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• สัดส่วนการถือหุ้นของ LVMH: 48% (170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: เงินสด 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ประธานและซีอีโอของ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton ซึ่งเป็นบริษัทอาณาจักรสินค้าแบรนด์หรูอันดับ 1 ของโลก เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์เริ่มต้นอาชีพในธุรกิจก่อสร้างของครอบครัว พ่อของเขาสามารถสร้างรายได้ได้มหาศาลจากธุรกิจก่อสร้าง และเข้าก็เริ่มต้นจากการนำเงิน 15 ล้านดอลลาร์จากธุรกิจนั้นไปซื้อ Christian Dior ในปี 1984

ในปี 2021  LVMH ยังได้เข้าซื้อกิจการ Tiffany & Co ซึ่งเป็นบริษัทจิวเวลรี่สัญชาติอเมริกันด้วยมูลค่า 15,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการเข้าซื้อกิจการแบรนด์หรูครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมา กลยุทธ์ความมั่งคั่งของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ คือการเข้าซื้อกิจการแบรนด์หรูโดยเน้นการสร้างกลุ่มแบรนด์ระดับไฮเอนด์ระดับโลกหลายแบรนด์

4.มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ซีอีโอและประธาน: Meta Platforms (META)

• มูลค่าสุทธิ: 169 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• สัดส่วนการถือหุ้นของ Meta Platforms: 13% (164 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: เงินสด 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กเป็นผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอของ Facebook และยังเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก Facebook ก่อตั้งในปี 2004 ตอนที่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กเยังเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แพลตฟอร์ม Facebook เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นการปฏิวัติโซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของโลกเลยก็ว่าได้ ความมั่งคั่งของ มาร์ก ยังเห็นได้จากการลงทุนซื้อกิจกรรมอื่น ๆ โดยได้มีการเข้าซื้อกิจการ เช่น Instagram และ WhatsApp ในเดือนพฤษภาคม 2012 Facebook ได้เสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก ซึ่งระดมทุนได้ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้กลายเป็น IPO ของอินเทอร์เน็ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

เนื้อหาเพิ่มเติม: ซื้อหุ้น Facebook(Meta) ได้ยังไง? สเต็ปการซื้อหุ้นเฟซบุ๊กแบบละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น>>

5.แลร์รี เพจ (Larry Page)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ผู้ก่อตั้งร่วมและสมาชิกคณะกรรมการ: Alphabet (GOOG)

• มูลค่าสุทธิ: 153 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• สัดส่วนการถือหุ้นของ Alphabet: 6% (134.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: เงินสด 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แลร์รี เพจ เกิดที่มิชิแกนในปี 1973 พ่อแม่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ทั้งคู่และเขาเดินตามรอยพ่อแม่โดยศึกษาเกี่ยวกับวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งทำให้ได้พบกับ เซอร์เกย์ บริน ทั้งคู่ได้พัฒนาเครื่องมือค้นหาที่แสดงผลลัพธ์ตามความนิยมของหน้าเว็บร่วมก่อตั้ง Google กับ เซอร์เกย์ บริน ในปี 1998 ขณะที่ทั้งคู่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย Stanford บริษัท Google เริ่มต้นจากเป็นเครื่องมือค้นหาและขยายไปสู่ภาคส่วนเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงโฆษณา คลาวด์คอมพิวติ้ง และฮาร์ดแวร์ ต่อมา แลร์รี เพจ ได้เป็นซีอีโอของ Alphabet Inc. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google โดยดูแลพอร์ตการร่วมทุนที่กว้างขึ้น ความมั่งคั่งของ แลร์รี เพจ เกิดแนวคิดที่ล้ำสมัยและก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ

เมื่อแลร์รี เพจดำรงตำแหน่ง CEO ทำให้ Google กลายเป็นเครื่องมือค้นหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกหลังจากเปิดตัวในปี 1998 ต่อมา แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บรินได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าบริษัทแม่แห่งใหม่ของ Google ซึ่งก็คือ Alphabet จนกระทั่งลาออกจากตำแหน่งประจำวันในช่วงปลายปี 2019

เนื้อหาเพิ่มเติม: ซื้อหุ้น Google ยังไงให้เกาะกระแสธีมหุ้นแห่งอนาคต>>

6.บิล เกตส์ (Bill Gates)

ที่มา: DepositPhotos

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ผู้ร่วมก่อตั้ง: Microsoft (MSFT)

• มูลค่าสุทธิ: 156 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

• Cascade Ownership Stake: 100% (76,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

• Microsoft Ownership Stake: 1% (27,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ หลายแห่ง

บิล เกตส์ ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นั่นคือ ไมโครซอฟต์ในปี 1975 ร่วมกับพอล อัลเลน และต่อมาก็กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ภายใต้การนำของไมโครซอฟต์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่สำคัญอย่าง Windows และ Office ซึ่งกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไป 

บิล เกตส์ กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 เกตส์ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานบริษัทไมโครซอฟต์ เพื่อมุ่งเน้นไปที่งานการกุศลที่มูลนิธิของเขา ซึ่งก็คือมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ความมั่งคั่งของ บิล เกตส์ เป็นผลมาจากการมองการณ์ไกล และความมุ่งมั่นในการพัฒนาซอฟต์แวร์ บิล เกตส์ถือหุ้นน้อยกว่า 2% ของบริษัทและหลังจากความมั่งคั่งเขาก็ได้เน้นที่ไปทำงานด้านการกุศลผ่านมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation โดยเน้นการแก้ไขปัญหาสุขภาพและการศึกษาในระดับโลก 

7.แลร์รี เอลลิสัน (Larry Ellison)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ผู้ก่อตั้งร่วม ประธาน และ CTO: Oracle (ORCL)

• มูลค่าสุทธิ: 154,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• Oracle ถือหุ้น: 42%+ (117,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: หุ้นของ Tesla (สินทรัพย์สาธารณะ 10,400 ล้านดอลลาร์) เงินสด 26,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ Oracle ซึ่งเขาถือหุ้นอยู่เกือบ 40% ร่วมก่อตั้ง Oracle Corporation ในปี 1977 ซึ่งเป็นบริษัทที่ปฏิวัติระบบการจัดการฐานข้อมูลระดับโลกที่กลายมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ ภายใต้การบริการจัดการของ แลร์รี เอลลิสัน ทำให้พอร์ตของ Oracle ขยายออกไป จนทำให้ Oracle เป็นผู้นำในด้านซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรในที่สุด 

ความมั่งคั่งของ แลร์รี เอลลิสัน เติบโตขึ้นบางส่วนจากการซื้อกิจการบริษัทซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง โดยการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2021 คือบริษัท Cerner Corporation ให้บริการด้านซอฟเเวร์เกี่ยวกับการจัดการมูลค่า 28,300 ล้านดอลลาร์

แลร์รี เอลลิสัน ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของ Tesla ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 ถึงเดือนสิงหาคม 2022 และถือหุ้นประมาณ 15 ล้านหุ้นในบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์และเรือยอทช์อีกด้วย

8.สตีฟ บอลเมอร์ (Steve Ballmer)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• เจ้าของ: Los Angeles Clippers

• มูลค่าสุทธิ: 145 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

• หุ้นของ Microsoft: 4% (134 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: Los Angeles Clippers (สินทรัพย์ส่วนตัว 4.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ), The Forum (สินทรัพย์ส่วนตัว 400 ล้านเหรียญสหรัฐ), Intuit Dome (สินทรัพย์ส่วนตัว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ), เงินสด 4.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

สตีฟ บอลเมอร์ อดีต CEO ของ Microsoft ผู้มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล ซึ่งบริหารบริษัทตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2014 สตีฟ บอลเมอร์ ร่วมลงทุนกับ Microsoft ในปี 1980 หลังจากลาออกจาก MBA ของ Stanford และดำรงตำแหน่ง CEO ในปี 2000 ภายใต้การนำของ สตีฟ บอลเมอร์ บริษัท  Microsoft ได้ขยายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องรวมถึงการพัฒนาคอนโซลเกม Xbox และการเข้าซื้อกิจการ Skype 

ในปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่เขาเกษียณจาก Microsoft เขาได้ซื้อ Los Angeles Clippers ของ NBA ด้วยเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาที่ สตีฟ บอลเมอร์ ดำรงตำแหน่งได้ทำให้บริษัท Microsoft เติบโตอย่างมาก  ในปี 2022 สตีฟ บอลเมอร์ และภรรยาได้บริจาคเงินประมาณ 425 ล้านดอลลาร์ให้กับ University of Oregon เพื่อสร้างสถาบันที่มุ่งเน้นที่ความต้องการด้านพฤติกรรมและสุขภาพจิตของเด็ก ๆ ในรัฐ

9.เซอร์เกย์ บริน (Sergey Brin)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ผู้ก่อตั้งร่วมและสมาชิกคณะกรรมการ: Alphabet (GOOG)

• มูลค่าสุทธิ: 152 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• สัดส่วนการถือหุ้นของ Alphabet: 6% (125.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: เงินสด 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ผู้ร่วมก่อตั้ง Alphabet บริษัทโฮลดิ้งที่เป็นเจ้าของ Google ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทที่มีฐานอยู่ในเมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และรายงานรายได้ 307.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 แผนกต่างๆ ของกลุ่มประกอบด้วย Gmail, Android และบริการแชร์วิดีโอ YouTube

ทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากหุ้นใน Alphabet บริษัทแม่ของ Google ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

บริษัท Google เปิดตัวสู่สาธารณะในปี 2004 และเริ่มซื้อขายในชื่อ Alphabet ในปี 2015 บริษัทแม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ มีฐานอยู่ในเมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 ในปี 2023 มีรายงานรายได้ 307.4 พันล้านดอลลาร์ แผนกต่างๆ ของกลุ่มบริษัทประกอบด้วย Gmail, Android และ YouTube

ตั้งแต่บริษัทเสนอขายหุ้นครั้งแรกในปี 2004 เซอร์เกย์ บรินได้ขายหุ้นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ มูลค่าของการลงทุนเงินสดมาจากการวิเคราะห์การขายหุ้น ผลการดำเนินงานในตลาด การบริจาคเพื่อการกุศล และภาษี

10.วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)

ที่มา: forbes

• ถิ่นฐาน: สหรัฐอเมริกา

• ซีอีโอ: Berkshire Hathaway (BRK.A)

• มูลค่าสุทธิ: 139 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

• หุ้นที่ Berkshire Hathaway ถือครอง: 15% (137 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

• สินทรัพย์อื่นๆ: เงินสด 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งรู้จักกันในนาม “นักพยากรณ์แห่งโอมาฮา” เป็นปรมาจารย์ด้านการลงทุนและเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่รวยที่สุดและได้รับการเคารพมากที่สุดในโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางธุรกิจที่เฉียบแหลมตั้งแต่อายุยังน้อย วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก่อตั้ง Buffett Partnership Ltd. ในปี 1956 และในปีเดียวกันนี้เขาได้เข้าควบคุม Berkshire Hathaway นอกจากนี้วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังดูแลการเติบโตของกลุ่มบริษัทที่ถือหุ้นในอุตสาหกรรมสื่อ ประกันภัย พลังงาน อาหารและเครื่องดื่ม จนกลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีของโลก

กฎความมั่งคั่งของเขามีหลายข้อ เช่น “กฎข้อที่หนึ่ง: ห้ามขาดทุน กฎข้อที่สอง: ห้ามลืมกฎข้อที่หนึ่ง” หรือ “ฉันลงทุนครั้งแรกตอนอายุ 11 ขวบ ก่อนหน้านั้นฉันใช้ชีวิตไปอย่างไร้ค่า” นั่นแปลว่าเข้าเชื่อในการทำธุรกิจที่เป็นผลให้เขาประสบความสำเร็จระดับโลก

เรื่องราวความสำเร็จของคนรวยที่สุดในโลกเหล่านี้ได้สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของนวัตกรรม ความพากเพียร วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และความเต็มใจที่จะเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่งคั่งที่ไม่ธรรมดา คุณเองก็สามารถเริ่มต้นสู่บันใดแห่งความสำเร็จขั้นแรกได้ โดยเริ่มจากสำรวจทักษะสายแข็งของคุณและทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น หากคุณชื่นชอบการเป็นเทรดเดอร์ก็ให้เริ่มจากการศึกษาผู้ที่ประสบความสำเร็จและหมกหมุ่นกับการเรียนรู้เพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคต

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน