ซื้อกองทุนอะไรดี แนะนำ 10 กองทุนรวมที่น่าซื้อปี 2566

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

อยากวางแผนออมเงินในระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินประจำจะต้องทำอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนที่มีความสนใจที่เริ่มอยากจะวางแผนการเงินหรือมองหาช่องทางการสร้างรายได้ให้สูงขึ้น โดยให้เงินทำงานเพียงแต่อย่างเดียว นั่นก็คือวิธีการออมเงินใน ”กองทุนรวม” และเนื้อหาในบทความนี้จะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับ “กองทุนรวมคืออะไร” พร้อมทั้งแนะนำ 10 กองทุนรวมที่น่าซื้อในปี 2566 ใครที่กำลังมองหาว่าจะ ซื้อกองทุนอะไรดี ติดตามรายละเอียดได้ในบทความนี้เลยค่ะ

กองทุนรวมคืออะไร

กองทุนรวม (Mutual Fund) คือ การระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนรายย่อยมารวมเป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ จากนั้นก็นำเงินก้อนดังกล่าวเข้าไปลงทุนตามนโยบายที่กองทุนรวมนั้นๆ กำหนดไว้ โดยมี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือ “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะทำหน้าที่ช่วยบริหารจัดการเงินของกองทุนเพื่อให้เกิดกำไร

  

นอกจากนี้กองทุนรวมจะมีความเสี่ยงหลายระดับ โดยเริ่มตั้งแต่ระดับความที่ 1- 8 ตามลำดับ ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งก่อนลงทุนในกองทุนรวมจะมีแบบสอบถามให้ทำเพื่อประเมินระดับความเสี่ยงของนักลงทุนทุกครั้ง


กองทุนรวมถือว่าเป็นอีกทางเลือกอีกหนึ่งรูปแบบที่เหมาะสมกับนักลงทุนมือใหม่และผู้มีเงินทุนน้อยเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าบางกองทุนรวมเริ่มต้นเพียงแค่เงิน 1 บาทเท่านั้น ดังนั้นหากคุณอยากจะออมเงินในระยะยาวและได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากประจำ การออมเงินในกองทุนรวม อาจจะเป็นวิธีการลงทุนที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับคุณก็เป็นได้

ประเภทของกองทุนรวม

mutual fund


ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ากองทุนรวมนั้นมีความเสี่ยงหลายระดับ ประเด็นนี้จะเป็นการแนะนำ ”ประเภทของกองทุนรวม” โดยกองทุนรวมที่มีการซื้อขายในประเทศไทยนั้นจะมีอยู่ 8 ประเภท แบ่งตามระดับความเสี่ยงจากต่ำสุดไปจนถึงความเสี่ยงสูงสุด โดยมีรายละเอียดดังนี้


1. กองทุนรวมตลาดเงิน

เป็นกองทุนรวมที่มีระดับความเสี่ยงต่ำที่สุด เนื่องจากว่าเป็นรูปแบบการลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี แน่นอนว่าการลงทุนในกองทุนรวมลักษณะนี้ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนน้อยเช่นกัน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่มีความสามารถในการรับเสี่ยงระดับต่ำมาก


2. กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ

เป็นรูปแบบการลงทุนที่คล้ายกันกับการลงทุนในรูปแบบที่ 1 แต่มีความต่างกันคือกองทุนประเภทนี้จะมีการนำเงินทุนไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามทางกองทุนรวมประเภทนี้ได้มีการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนไว้อยู่แล้ว


3. กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล

คือ รูปแบบการลงทุนที่นำเงินทุนไปปล่อยกู้ให้รัฐบาล หรือที่เรารู้จักกันอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล โดยจะมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 1 ปี และมีความผันผวนในเรื่องของราคามากกว่ากองทุน 2 ประเภทแรก


4. กองทุนรวมตราสารหนี้

คือ ลักษณะการลงทุนทั้งในภาครัฐและเอกชน สามารถลงทุนได้ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ตัวอย่างรูปแบบการลงทุนตราสารหนี้ที่เรารู้จัก ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลัง และหุ้นกู้เอกชน โดยกองทุนประเภทนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง คาดหวังผลตอบแทนที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ และผู้ที่ต้องการกะจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนนั่นเอง


5. กองทุนรวมผสม

คือ รูปแบบการลงทุนแบบผสมทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน หรือการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆรวมเข้าด้วยกัน สัดส่วนของกองทุนนั้นจะลงทุนในตลาดไหนมากกว่านั้น จะต้องพิจารณา “นโยบายการลงทุน” อีกที ซึ่งการลงทุนในกองทุนประเภทนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางจนถึงระดับสูง 


6. กองทุนรวมตราสารทุน

จะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกองทุนประเภทนี้เราจะรู้จักกันในกองทุนแบบ SSF และ RMF นั่นเอง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงในระดับสูงได้ มีความรู้และความใจในตลาดหุ้นเป็นอย่างดี แต่ไม่มีเวลาบริหารพอร์ตการลงทุนของตัวเอง


7. กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม

คือ รูปแบบการลงทุนในกลุ่มหุ้นอุตสาหกรรมเป็นหลัก อาทิ หุ้นธนาคาร หุ้นพลังงาน หรือ หุ้นพยาบาล เป็นต้น 


โดยกองทุนประเภทนี้จะมีความเสี่ยงสูง ในขณะเดียวก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน ดังนั้นผู้ลงทุนจำเป็นความรู้เกี่ยวกับหุ้นในอุตสาหกรรมนั้นๆ และสามารถรับความเสี่ยงในระดับที่สูงได้เป็นอย่างดี


8. กองทุนรวมทางเลือก

ลักษณะกองทุนรวมประเภทนี้ จะต้องมีพื้นความเข้าใจระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่ามีความเสียงสูงสุด เป็นการนำเงินทุนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงและมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ตัวอย่างการลงทุนในกองทุนรวมทางเลือก ได้แก่ ทองคำ น้ำมัน และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น


ข้อดีและข้อเสียในการลงทุนกองทุน

Mutual Fund


ก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม เราจะต้องมาทำการพิจารณาในด้านข้อดีที่เราจะได้รับ และข้อเสียที่เราจะต้องระวังจากการลงทุนในแต่ละครั้ง โดยทางผู้เขียนได้รวบรวมประเด็นดังกล่าวมาทุกท่านได้ศึกษากัน โดยมีรายละเอียดดังนี้


ข้อดีของกองทุนรวม


1. มีผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคอยดูแลการลงทุน

จะมีผู้จัดการกองทุนรวม (Fund Manager) ทำหน้าบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท ทั้งนี้ยังเป็นบุคคลที่มีประสบการ์ณโดยตรงสามารถวิเคราะห์การตลาดได้เป็นอย่างดี 


2. มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย 

ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเลือกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนของตัวเองได้อย่างสบาย เพียงแค่เลือกระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเอง เนื่องจากว่าแต่ละกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนอยู่แล้ว

3. มีสภาพคล่องในการซื้อ-ขาย 

อีกข้อดีของกองทุนรวม ก็คือ มีสภาพคล่องในการขายคืนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินอย่างกระทันหัน โดยส่วนมากจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2-5 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกองทุนที่เราเลือก 

4. ใช้เงินลงทุนน้อย 

การลงทุนในกองทุนรวม มีเงินหลักร้อยก็สามารถเข้าลงทุนได้ เพราะบางกองทุนเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ 1 บาท หรือขั้นต่ำ 500 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกองทุนนั้นๆ โดยแต่ละครั้งที่เข้าลงทุนไม่จำเป็นต้องลงทุนในแต่ละเดือนเท่ากันก็ได้ สามารถลงทุนตามยอดเงินที่เราสะดวก 

ข้อเสียของกองทุนรวม


1. ค่าธรรมเนียม

ประเด็นแรกที่เราต้องคำนึงในก็คือค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายกองทุนรวม เนื่องจากว่าค่าธรรมเนียมคือตัวแปรหนึ่งที่สามารถทำให้เราได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าที่ควร ทั้งนี้กองทุนรวมประเภท Active ก็จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่เพียงกว่ากองทุนในรูปแบบอื่นๆ ดังนั้นนักลงทุนจะต้องอ่านรายละเอียดในหนังสือชี้ชวนก่อนลงทุนให้ละเอียด


2. ไม่มีสิทธิ์ในการเสนอความคิดเห็น 

แม้ว่ากองทุนรวมที่เราทำการลงทุนจะมีเม็ดเงินของเราอยู่ในนั้น แต่เราก็สามารถเสนอความคิดเห็นต่างๆได้ ไม่สามารถกำหนดทิศทางการลงทุนได้ เนื่องจากว่าการลงทุนในกองทุนรวม จะมีผู้จัดการกองทุน คอยดำเนินการอยู่นั่นเอง


3. ความเสี่ยงในเรื่องของผลตอบแทน 

ในการลงทุนทุกครั้งเราอาจจะสูญเสียเงินเล็กน้อยและเราอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนในจำนวนที่แน่นอนตามที่เราคาดหวังไว้ เนื่องจากว่าอาจจะมีความผันผวนในเรื่องของตลาดและความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบกองทุนรวมนั้นๆ

กองทุนที่ดี ดูยังไง เลือกยังไง

ปัจจัยสำคัญที่เราจะต้องทำก่อนที่จะตัดสินใจเข้าลงทุนในกองทุนรวม นั่นก็คือการมองหา “กองทุนที่ดี” ที่เหมาะสมสำหรับตัวเรา ซึ่งในประเด็นนี้ทางผู้เขียนได้ทำการแนะนำทริค 3 ข้อหลักๆ เกี่ยวกับวิธีการเลือกกองทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้


1. เลือกกองทุนรวมที่ตรงตามเป้าหมายการลงทุนของตัวเอง

กองทุนที่ดี คือ กองทุนที่เหมาะสมกับตัวผู้ลงทุนนั่นเอง แก่นหลักของการเลือกกองทุน ก็คือ การกำหนดเป้าหมายการลงทุนของตัวเองให้แน่ชัดว่าเราจะลงทุนในรูปแบบไหน เช่น

 

  • ลงทุนในระยะสั้น : ควรเลือกกองทุนเป็นรายตัว รู้ว่าสินทรัพย์นั้นสัมพันธ์กับ catalyst อย่างไร จะได้จัดพอร์ตให้เข้าใจง่ายขึ้น


  • ลงทุนเพื่อสะสมเงินก้อน เป้าหมายระยะกลาง/ยาว : ผู้ลงทุนควรที่จะกระจายความเสี่ยงภายในพอร์ตของตัวเอง อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ 30% และ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง 70% หรือสามารถแบ่งสัดส่วนได้ตามความเหมาะสมของตัวเอง


2. ทำความเข้าใจในกองทุนว่ามีการบริหารจัดการลงทุนอย่างไร

สิ่งสำคัญอีกข้อก็คือผู้ลงทุนจะต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจในกองทุนที่เราตัดสินใจลงทุนว่ากองทุนดังกล่าวนั้นนำเงินทุนของเราไปลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบไหน เช่น เงินสด ตราสารหนี้ หุ้น ทรัสต์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทางเลือกอื่นๆ เนื่องจากว่าสินทรัพย์แต่ละรูปแบบจะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน


3. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกองทุน

หลังจากที่เราทราบแล้วว่ากองทุนที่เราสนใจมีการบริหารจัดการหรือลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดนั้น ในลำดับต่อมาก็คือเราจะต้องทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน นั่นก็คือ การศึกษารายละเอียดในหนังสือชี้ชวนหรือ“Fund Fact Sheet” ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนทุกท่านจำเป็นที่จะต้องอ่านก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อกองทุนนั้นๆ

ซื้อกองทุนอะไรดี 10 อันดับ กองทุนรวม ที่น่าสนใจปี 2566

วันนี้ทางผู้เขียนได้ทำการคัดสรร 10 อันดับ กองทุนรวม ที่น่าสนใจในปีนี้มาให้ทุกคนได้พิจารณากัน โดยได้มีการอ้างอิงมาจาก morningstarthailand.com ที่เป็นเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมไว้มากมาย โดยมีรายละเอียดดังนี้



กองทุนรวมผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566
1AMSET50-RA0.0055
(70/30-D LTF)-4.16%
1US-OPP10.99%
ABEG10.22%
ABPCAP-A9.97%
ABSM4.51%
AFMOAT-HA14.15%
ASP-DIGIBLOC-SSF82.39%
SCBSEMI (SSFE)42.21%
DAOL-CYBER36.10%



1.กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (1AMSET50-RA)

กองทุนรวมประเภทตราสารทุน มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 เป็นกองทุนที่มีนโยนบายการลงที่เน้นลงทุนในหุ้นสามัญประมาณ 25 - 30 บริษัท ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 นอกจากนี้ 1AMSET50-RA ยังมีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศอีกด้วย 


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (+0.55%) ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน


2.กองทุนเปิด 70/30 ปันผล หุ้นระยะยาว (70/30-D LTF)

คือ กองทุนรวมประเภทตราสารทุน มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 ไม่มีราคาขั้นต่ำในการเข้าซื้อกองทุน เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาวแบบ DCA เป็นอย่างมาก สำหรับนโยบายการลงทุนก็คือจะเน้นลงทุนหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เป็นหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (-4.16%)


3.กองทุนเปิด วรรณ ยูเอส รีคอฟเวอรี่ ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ (1US-OPP)

เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 โดยมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยว เนื่องจากว่าเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ทางกองทุนรวมนั้นก็มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากว่าเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น  


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (10.99%)


4.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ยูโรเปี้ยน ซัสเทนเนเบิล เอคควิตี้ ฟันด์ (ABEG)

เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ ชื่อ Aberdeen Standard SICAV I - European Sustainable Equity Fund Z Acc USD ทั้งนี้ทางกองทุนหลักมีนโยบายเพิ่มมูลค่าเงินลงทุุนในระยะยาว โดยจะลงทุุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนหรือที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้้งในทวีปยุโรปเป็นหลัก การเข้าซื้อกองทุนครั้งแรกจะเริ่มต้นเพียง 1000 บาทเท่านั้น 


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (10.22%)


5.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ลิสเต็ด ไพรเวท แคปปิตอล ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า (ABPCAP-A)

กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน Aberdeen Standard SICAV I – Listed Private Capital Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งตามระเบียบของ UCITS ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศลักเซมเบิร์ก  โดยกองทุนจะลงทุนในรูปสกุลเงิน USD แน่นอนว่ามีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง แผนการลงทุนของกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในกองทุนหลักไม่ต่ากว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (9.97%)


6.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ - ชนิดสะสมมูลค่า (ABSM)

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่เหมาสำหรับคนที่มีเป้าหมายอยากจะลงทุนในระยะเวลาปานกลางจนถึงระยะยาว เนื่องจากว่าทางกองทุนนั้นลงทุนในหลักทรัพย์ และหรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งทุน โตามระยะเวลาที่กล่าวไปข้างต้นในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีที่มีมูลค่าการตลาดไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เนื่องว่าเป็นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ระดับราคาที่เหมาะสม


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (4.51%)


7.กองทุนเปิด เอ เอฟ ยูเอส ไวด์ โมท เฮดจ์ ชนิดสะสมมูลค่า (AFMOAT-HA)

คือ กองทุนรวมฟีดเดอร์ (Feeder Fund) ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน VanEck Morningstar Wide Moat ETF (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยกองทุนหลักเป็นกองทุน ETF ภายใต้การบริหารจัดการของ VanEck Associates Corporation จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ CBOE ประเทศสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับราคาและผลตอบแทนของดัชนี Morningstar® Wide Moat Focus IndexSM ซึ่งเป็นดัชนีที่ Morningstar จัดทำโดยคัดเลือกเฉพาะบริษัทที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน จุดเด่นก็คือเข้าซื้อขั้นต่ำครั้งแรกแค่ 1000 บาท และครั้งถัดไปเข้าซื้อในราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 1 บาท เท่านั้น


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (14.15%)


8.กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ดิจิทัล บล็อกเชน เพื่อการออม (ASP-DIGIBLOC-SSF)

คือ กองทุนหุ้นที่ลงทุนผ่านบริษัทหรือมีความเกี่ยวข้องกับกิจการที่ดำเนินงานเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) โดยมุ่งหวังผลตอบแทนที่เหนือกว่าดัชนีชี้วัด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการลงทุนที่เหมาะสำหรับบุคคที่มีความสนใจในตลาด Cryptocurrency แต่ว่ามีความกลัวที่จะเข้าเทรดในตลาดด้วยตัวเอง ดังนั้นการเลือกลงทุนกองทุนรูปแบบนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สนใจ


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (82.39%)


9.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Semiconductor (ชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) (SCBSEMI (SSFE) )

สำหรับกองทุนรวมตัวนี้ เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงระดับที่ 7 เนื่องจากว่าเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมอิเบล็กทรอนิกส์เป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจในกองทุนตัวนี้ก็คือ ราคาลงทุนขั้นต่ำเพียงแค่ 1 บาท เท่านั้น ดังนั้นใครที่มีงบน้อยแต่มีความสนใจที่อยากจะลงในกองทุนรวมหรืออยากจะออมเงินในระยะยาว กองทุนตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว 


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (42.21%)


10.กองทุนเปิด ดาโอ เน็กซ์ เจเนอเรชั่น อินเทอร์เน็ต (DAOL-CYBER)

ส่งท้ายด้วยกองทุนรวมประเภทตราสารทุน ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ ARK Next Generation Internet ETF (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ เพียงกองทุนเดียว มีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ ราคาเข้าซื้อขั้นต่ำเริ่มต้นเพียงแค่ 1 บาทเท่านั้น 


สำหรับผลตอบแทนที่นับมาตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ (36.10%)


mitrade


เทรดหุ้นที่ยอดนิยมทั่วโลก 350+ ตัวอย่างง่ายดาย!!    


dago ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่
dago เปิดบัญชีเร็วสุดภายใน 3 นาที
dago โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์
dago เงินเสมือนจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์
ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446
ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446

ค่าธรรมเนียมในการซื้อกองทุนรวมมีอะไรบ้าง

mutual fund


เนื่องจากว่าในการลงทุนในกองทุนนั้น เป็นการลงทุนที่ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการบริหารจัดการพอร์ตให้เรา ย่อมมีค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายอยู่แล้ว ทั้งนี้ค่าธรรมเนียม ถือว่าเป็นปัจจัยหลักทุกนักลงทุนทุกคนจะต้องให้ความสนใจ เนื่องจากว่าอาจจะส่งผลต่อกำไรที่คุณจะได้รับอีกด้วย โดยค่าธรรมเนียมในการซื้อกองทุนมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่


1. ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย

ทุกครั้งที่เราทำการเข้าซื้อ-ขายกองทุนรวม หรือ มีการสับเปลี่ยนเข้ากองทุน จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ โดยอัตราค่าธรรมเนียมก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกอองทุนนั้นๆ อีกด้วย 


2. ค่าธรรมเนี่ยมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม

ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จะถูกหักเป็นรายปี โดยจะหักเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1% - 1.5% ต่อปี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกองทุนนั้นๆด้วยเช่นกัน

เนื้อหาในบทความนี้ไม่ได้เป็นการชักชวนให้ทุกคนลงทุนแต่อย่างใด เป็นเพียงการนำเสนอเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาและใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนของตนเอง

บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> 


*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
หาเงินออนไลน์ ถูกกฎหมาย! แนะนำ 9 วิธีหาเงินออนไลน์การหาเงินหลักล้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคที่ไร้พรมแดนและทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเท่าเทียมกัน ห้ามพลาดกับวิธีหาเงินออนไลน์ทั้ง 9 แบบที่เรานำมาฝาก
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 28 พ.ย. 2023
การหาเงินหลักล้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคที่ไร้พรมแดนและทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเท่าเทียมกัน ห้ามพลาดกับวิธีหาเงินออนไลน์ทั้ง 9 แบบที่เรานำมาฝาก
placeholder
วิธีดูกราฟราคาทองที่นักลงทุนทองคำต้องรู้ ฉบับมือใหม่ต้องอ่านบทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 มิ.ย. 2023
บทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
placeholder
10 อันดับแอพหาเงินสร้างรายได้เสริมปี 2024ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 30 ส.ค. 2023
ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
placeholder
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และ มีอะไรบ้างต้นทุนในธุรกิจ ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ บทความนี้ เรามาทำความรู้จักกันว่า ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
3 เดือน 01 วัน ศุกร์
ต้นทุนในธุรกิจ ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ บทความนี้ เรามาทำความรู้จักกันว่า ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
placeholder
คำสั่ง Long , Short คืออะไร? ​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 08 มิ.ย. 2023
​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์