บัญชีมาร์จิ้น คืออะไร? ทำงานอย่างไร วิธีการซื้อขายด้วยบัญชีมาร์จิ้น!
การลงทุนเต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยง คุณอาจเคยได้ยินคำว่า "บัญชีมาร์จิ้น" จากทั้งตลาดหุ้น ตลาดสินทรัพย์ต่าง มาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะต้องเข้าใจที่มาที่ไป และใช้งานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากบัญชีมาร์จิ้นที่มีให้บริการในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงในการลงทุน
บัญชีมาร์จิ้น คืออะไร
"บัญชีมาร์จิ้น" (Margin Account) คือ ประเภทหนึ่งของบัญชีการซื้อขายหลักที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอนุญาตให้ลูกค้าทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยใช้เงินยืมจากโบรกเกอร์ เพื่อเพิ่มการลงทุนและซื้อหลักทรัพย์ได้มากกว่าที่พวกเขามีเงินจริง ลูกค้าสามารถกำหนดมาร์จิ้นหรือสัดส่วนของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ต้องใช้เป็นเงินมัดจำต่อการยืม และสามารถนำไปลงทุนในหลาย ๆ ประเภทของหลักทรัพย์ได้ เช่น หุ้น, พันธบัตร,สินค้าโภคภัณท์,ETF,และอื่น ๆ หลักๆประกอบไปด้วย
1. Minimum Margin คือ จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องอยู่ในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้าเพื่อรักษาตำแหน่งที่ถืออยู่ หากมูลค่าของตำแหน่งหลักทรัพย์ลดลงต่ำกว่า Minimum Margin ที่กำหนดไว้ ลูกค้าอาจจะต้องเติมเงินมาร์จิ้น
2. Initial Margin คือ จำนวนเงินที่ลูกค้าต้องมีในบัญชีมาร์จิ้นของตนเองเพื่อเปิดตำแหน่งใหม่ หรือทำการซื้อหลักทรัพย์โดยใช้เงินยืมจากโบรกเกอร์ วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินของโบรกเกอร์และให้ความมั่นใจว่าลูกค้ามีเงินมาร์จิ้นเพียงพอที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในตลาด
3. Maintenance Margin คือ ระดับขั้นต่ำของมูลค่ามาร์จิ้นที่ลูกค้าต้องรักษาในบัญชีมาร์จิ้นของตนเองเพื่อให้ตำแหน่งที่ถืออยู่ยังคงมีอยู่ มักถูกกำหนดในร้อยละของมูลค่าของตำแหน่งที่ถือ
4. Margin Interest Rates คือ อัตราดอกเบี้ยที่ลูกค้าต้องจ่ายในกรณีที่ใช้เงินยืม (มาร์จิ้น) เพื่อทำการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ที่มา: Angleone
บัญชีมาร์จิ้น ทำงานอย่างไร
มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เปิดบัญชีมาร์จิ้น ลูกค้าต้องเปิดบัญชีมาร์จิ้นกับโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินที่ให้บริการบัญชีมาร์จิ้น. ในขั้นตอนนี้, ลูกค้าจะต้องมีบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงเพื่อทำการโอนเงินและรับเงินยืม
การกำหนดมูลค่ามาร์จิ้น โบรกเกอร์จะกำหนดมูลค่ามาร์จิ้นที่ลูกค้าต้องมีในบัญชีเพื่อทำการลงทุน. มูลค่ามาร์จิ้นนี้มักถูกกำหนดในรูปแบบของร้อยละ (%) ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ลูกค้าต้องการซื้อ
เริ่มทำการลงทุน เมื่อมูลค่ามาร์จิ้นได้รับการกำหนดและบัญชีมาร์จิ้นพร้อมใช้งาน, ลูกค้าสามารถทำการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยใช้เงินยืม. ลูกค้าสามารถซื้อหรือขายหลักทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาด
การรักษามูลค่ามาร์จิ้น ลูกค้าต้องรักษามูลค่ามาร์จิ้นในบัญชีเพื่อรักษาตำแหน่งที่ถือไว้. หากมูลค่ามาร์จิ้นลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด, ลูกค้าอาจต้องทำการเติมเงินมาร์จิ้นหรือปิดตำแหน่งเพื่อป้องกันการขาดทุน
การจ่ายดอกเบี้ยมาร์จิ้น ถ้าลูกค้าใช้เงินยืม, จะมีการคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนด. ดอกเบี้ยนี้เรียกว่า "มาร์จิ้นอินเตอเรสต์" หรือ "มาร์จิ้นเบี้ย" (Margin Interest) และจะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีของลูกค้าในระยะเวลาที่ทำการยืมเงิน
ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน นอกเหนือจากหุ้น สามารถซื้อได้ด้วยมาร์จิ้น เทรดเดอร์ฟิวเจอร์สก็มักใช้มาร์จิ้นเช่นกัน สำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นและหลักประกันการ
รักษาสภาพจะแตกต่างกันไป กำหนดข้อกำหนดมาร์จิ้นขั้นต่ำ นั่นหมายความว่ามาร์จิ้นอาจแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์ โดยทั่วไปมาร์จิ้นเริ่มต้นที่จำเป็นสำหรับ FUTURE จะต่ำกว่าหุ้นมาก แม้ว่านักลงทุนหุ้นจะต้องวางมูลค่าการซื้อขาย 50% แต่ผู้ค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจต้องวางเงินระหว่าง 3% ถึง 12% เท่านั้น
ข้อดีข้อเสียของบัญชีมาร์จิ้น
ข้อดีของบัญชีมารจิ้น
✅ เพิ่มโอกาสในการทำกำไร: การใช้มารจิ้นช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรโดยที่ไม่ต้องใช้เงินทุนเต็มตัวของลงทุน
✅ การลงทุนในหลายทรัพย์สิน: ลูกค้าสามารถลงทุนในหลายทรัพย์สินทางการเงิน เช่น หุ้น, พันธบัตร, หลักทรัพย์ที่ดูแลค่าเงินตลอดเวลา (ETF), และอื่น ๆ โดยใช้เงินยืม
✅ ความยืดหยุ่นในการซื้อขาย: ลูกค้าสามารถทำการซื้อขายหลักทรัพย์มากกว่าทุนที่มีจริง, ทำให้มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น
ข้อเสียของบัญชีมารจิ้น
❌ ความเสี่ยงทางการเงิน: การใช้มารจิ้นเพิ่มความเสี่ยงทางการเงิน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งที่ถือไว้จะขาดทุนมากขึ้น
❌ มูลค่าดอกเบี้ย: ลูกค้าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยที่คุณภาพสูงสำหรับการใช้เงินยืม ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
❌ การถูก Margin Call: ถ้ามูลค่ามารจิ้นลดลงต่ำกว่าที่กำหนด, ลูกค้าอาจถูก Margin Call ซึ่งต้องทำการเติมเงินมารจิ้นหรือปิดตำแหน่งเพื่อรักษามูลค่ามารจิ้น
บัญชีมาร์จิ้น (Margin Account) vs บัญชีเงินสด (Cash account)
Cash account คืออะไร?
บัญชีเงินสด Cash account คือ เป็นบัญชีที่ต้องชำระค่าหลักทรัพย์เต็มจำนวนด้วยเงินสด โดยโบรกเกอร์จะพิจารณาอนุมัติวงเงินที่นักลงทุนจะสามารถ ใช้ซื้อหลักทรัพย์จากหลักฐานการเงิน แต่จะต้องฝากเงินเพื่อเป็นหลักประกัน (15% หรือตามที่โบรกเกอร์นั้นๆวางไว้) ทั้งนี้จะต้องชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ซื้อ
ตารางเปรียบเทียบ บัญชีมาร์จิ้น VS บัญชีเงินสด
ประเภทบัญชี | บัญชีมาร์จิ้น(Margin Account) | บัญชีเงินสด( Cash Account) |
ความเสี่ยงใช้งานบัญชี | สูง มีโอกาสกำไร/ขาดทุนสูง | ความเสี่ยงต่ำ |
วางหลักประกัน | จ่ายบางส่วน+กู้ยืมบางส่วน | 15-20% หรือตามเงื่อนไข |
ดอกเบี้ย | มีดอกเบี้ย | ไม่มีดอกเบี้ย |
การชำระเงิน | วางเงินสดหรือหลักทรัพย์วางไว้ | 2 วันทำการหลังจากซื้อหุ้น |
เหมาะกับนักลงทุน | ประสบการณ์สูงเข้าใจความเสี่ยง | มีวินัยในการชำระเงินที่ดีเลิศ |
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าบัญชีมาร์จิ้นเหมาะกับคุณ?
การจะรู้ว่าบัญชีมาร์จิ้นเหมาะกับคุณหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้
1.เป้าหมายการลงทุน
ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น: บัญชีมาร์จิ้นอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ต้องการลงทุนระยะยาว: บัญชีมาร์จิ้นอาจไม่จำเป็น
2.ระดับความเสี่ยงที่รับได้
รับความเสี่ยงสูง: บัญชีมาร์จิ้นอาจเหมาะกับคุณ
รับความเสี่ยงต่ำ: บัญชีมาร์จิ้นอาจไม่เหมาะกับคุณ
3.ความรู้และประสบการณ์
มีความรู้และประสบการณ์ในการลงทุน: บัญชีมาร์จิ้นอาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์
ไม่มีประสบการณ์: ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนใช้บัญชีมาร์จิ้น
4.สภาพคล่องทางการเงิน
มีเงินทุนสำรองเพียงพอ: บัญชีมาร์จิ้นอาจเป็นตัวเลือก
เงินทุนจำกัด: บัญชีมาร์จิ้นอาจไม่เหมาะ
5.สถานการณ์ตลาด
ตลาดขาขึ้น: บัญชีมาร์จิ้นอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ตลาดขาลง: บัญชีมาร์จิ้นอาจเพิ่มความเสี่ยง
วิธีการเทรดด้วยบัญชีมาร์จิ้นสำหรับมือใหม่
สำหรับการลงทุนด้วยบัญชีมาร์จิ้น มีให้เลือกลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ ในตัวอย่างต่อไปนี้ เราจะมาดูที่ลงทุนในตลาด CFD ของหุ้นต่างประเทศ ค่าเงิน และทองคำ โดยใช้บัญชีเทรดของโบรกเกอร์ Mitrade ซึ่งมีรูปแบบของ Margin Account ให้ได้ศึกษา และข้ได้เปรียบจากเลเวอเรจหรืออัตราทดช่วยให้ใช้เงินลงทุนน้อยลงไปอีก
จากชาร์ตราคา เป็นสินทรัพย์หุ้นต่างประเทศ นั่นคือ หุ้น APPLE ที่ราคา 188.62$ และเลือกเลเวเรจได้สูงสุด 1:20 หรือ 20 เท่าของเงินประกัน ระบบจะคำนวญให้อัตโนมัติว่า มาร์จิ้นที่ต้องการ(USD) คือ 9.38 USD ถ้าต้องการออกออเดอร์ปริมาณ 1 Lot Size จะเห็นว่าปกติถ้าซื้อหุ้นจริงๆต้องใช้เงินถึง 188.62 USD / 1 หุ้น แต่ถ้าบัญชีมาร์จิ้นและมีเลเวอเรจ จะใช้เงินเพียง 9.8 USD
ที่ Mitrade สำหรับนักลงทุนใช้เทรดสินค้าในรูปแบบของ CFD ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันสามารถเริ่มต้นเปิดบัญชีมาร์จิ้นด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 50 USD หรือประมาณ 1,800 บาท แต่ควรศึกษาเรื่องของประโยชน์และการใช้งานเลเวอเรจให้เหมาะสม เพื่อลดวามเสี่ยงจากการลงทุน
วิธีจัดการความเสี่ยงของบัญชีมาร์จิ้น
การจัดการความเสี่ยงของบัญชีมารจิ้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันการขาดทุนที่ไม่คาดคิดและรักษาความมั่นใจในการลงทุนของคุณ
กำหนดแผนการลงทุนที่ชัดเจนและเน้นความรับผิดชอบทางการเงิน.กำหนดวัตถุประสงค์การลงทุน, ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับ, และระยะเวลาการลงทุน
ให้ความสำคัญกับมูลค่ามารจิ้นที่ต้องการรักษาตำแหน่ง. คำนวณมูลค่ามารจิ้นตามกฎหรือนโยบายของโบรกเกอร์และตลาด
กำหนดแผนการทำงานสำหรับกรณีที่ตำแหน่งลดค่า.พิจารณาว่าจะทำการเติมเงินมารจิ้นหรือปิดตำแหน่งในกรณีที่มูลค่ามารจิ้นลดลง
ติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจและเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาด Forex. ทำการวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อตรวจสอบแนวโน้มของตลาด
ปฏิบัติตามแผนการลงทุนของคุณและรักษาวินัยการลงทุน.ไม่ควรตัดสินใจที่เร่งรีบหรืออิจฉาริยะเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง
สรุปบัญชีมาร์จิ้น
เทรดด้วยบัญชีมาร์จิ้นเป็นอีกตัวเลือกการลงทุนที่ดีที่จะช่วยให้นักลงทุนสร้างกำไรที่เติบโตมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในรูปแบบของ CFD หรือสัญญาส่วนต่าง โดยมีเลเวอเรจด้วยอีกทาง ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมว่าบัญชีมาร์จิ้นเองก็มีข้อจำกัดสำหรับความเสี่ยงสูงที่เกิดขึ้น จึงควรศึกษาข้อดีข้อเสียให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
ทำไมนักลงทุนถึงควรใช้ประเภทบัญชีมาร์จิ้น
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนที่ใช้บัญชีมาร์จิ้น
นักลงทุนมือใหม่ที่เทรดในควรใช้บัญชีมาร์จิ้นหรือไม่
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน