มีเงิน 20,000 ลงทุนอะไรดีให้เหมาะกับตัวเอง

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

มีเงิน 20,000 ลงทุนอะไรดี? การลงทุนด้วยเงิน 20,000 บาทสามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของคุณได้หากมีการวางแผนและจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งการจัดการนั้นเป็นไปได้หลายทางเลือก เช่น การลงทุนในตลาดเงิน การลงทุนในหุ้น หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น คราวนี้เราจึงขอพามาดูทางเลือกที่นักลงทุนสามารถเลือกนำไปใช้บริหารเงินของตัวเองได้เพื่อสร้างการเติบโตให้กับเงินทุนตามที่ต้องการ

การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อผลตอบแทนที่มั่นคง

การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เป็นการลงทุนที่เน้นการปกป้องเงินต้น แต่ก็ยังมีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยสำหรับการนำเงินจำนวนนั้นไปลงทุน ซึ่งดอกเบี้ยที่จะได้รับมักเป็นสัดส่วนไม่มาก (ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และมีโอกาสน้อยที่นักลงทุนจะไม่ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง ทำให้เหมาะกับผู้นักลงทุนที่มีเป้าหมายมุ่งเน้นไปที่การรักษาเงินต้นและได้รับผลตอบแทนที่สามารถชดเชยเงินเฟ้อได้ เช่น การฝากเงิน การลงทุนในตลาดเงิน การลงทุนในตราสารหนี้ และกองทุนรวมตราสารหนี้

1.การฝากเงิน: บัญชีออมทรัพย์ / บัญชีดิจิทัล / บัญชีฝากประจำ

การลงทุนด้วยการฝากเงินเป็นรูปแบบหนึ่งของการออมที่เหมาสำหรับผู้เริ่มเก็บเงิน หรือไว้ใช้สำหรับสร้างผลตอบแทนสำหรับเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน เนื่องจากวิธีนี้มีสภาพคล่องสูง มีความเสี่ยงต่ำ และมีการประกันเงินต้นจากรัฐบาล ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินเพราะเงินต้นไม่หายและได้ดอกเบี้ยค่อนข้างแน่นอน โดยสามารถเลือกได้ทั้งการฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ หรือฝากเงินด้วยเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่ผู้รับฝากเสนอผลตอบแทนให้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประจำเริ่มต้นที่ราว 1.00% และเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้นคุณอาจต้องแลกกับการฝากเงินโดยไม่ถอนเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยได้สูงถึง 3.50% ต่อปี บนเงื่อนไขการฝากเงินและผู้ให้บริการที่ต่าง ๆ กันไป


รายละเอียด

  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: 1.00 – 3.50% (เปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายและระยะเวลาการฝากเงิน)

  • เหมาะกับสไตล์การลงทุน: เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการผลตอบแทนชดเชยเงินเฟ้อ

  • ข้อได้เปรียบ: มีความเสี่ยงต่ำที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวัง สภาพคล่องสูง

  • ข้อจำกัด: อัตราผลตอบแทนไม่สูงจนบางครั้งไม่คุ้มกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในแต่ละปี

2.ตราสารหนี้: หุ้นกู้ / พันธบัตรรัฐบาล

การลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) เป็นการลงทุนที่นักลงทุนมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามที่กำหนดบนหุ้นกู้หรือพันธบัตรและได้สิทธิในเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดชำระ จึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงต่ำ เพราะนักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยจ่ายคืนเป็นงวด ๆ ที่แน่นอนคล้ายดอกเบี้ยจากการฝากเงินและได้รับเงินต้นคืน แต่จะมีความเสี่ยงจากเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้การลงทุนในตราสารหนี้ก็จะให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นกว่าการฝากเงินด้วย โดยปัจจุบันผลตอบแทนตราสารหนี้เอกชนอยู่ที่ราว 2.5 – 6.0% ขึ้นอยู่กับระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนและเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้


รายละเอียด

  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: 2.5 – 6.0% ขึ้นอยู่กับระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนและเครดิตของผู้ออก

  • เหมาะกับสไตล์การลงทุน: ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอและรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้

  • ข้อได้เปรียบ: สามารถสร้างผลตอบแทนได้แบบสม่ำเสมอตามดอกเบี้ยและระยะเวลาที่กำหนด

  • ข้อจำกัด: ให้ผลตอบแทนต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องไม่มากและอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

3.กองทุนรวมตราสารหนี้

การลงทุนในกองทุน (Mutual Funds) เป็นการรวบรวมเงินจากนักลงทุนหลาย ๆ คนเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น กองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ตามนโยบายในหนังสือชี้ชวน ซึ่งกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำจะได้แก่กองทุนรวมในตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้


กองทุนรวมแต่ละกองทุนจะมีผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ซึ่งเป็นมืออาชีพทำหน้าที่บริหารและจัดการการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่กำหนด โดยรวมแล้วกองทุนรวมเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงการลงทุนที่หลากหลายและบริหารโดยมืออาชีพ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้ดีวิธีหนึ่ง


รายละเอียด

  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: ขึ้นอยู่กับโนยบายการลงทุน ประมาณได้จากผลตอบแทนย้อนหลังในหนังสือชี้ชวน

  • เหมาะกับสไตล์การลงทุน: ต้องการกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องการจัดการการลงทุนด้วยตัวเอง และเป็นตัวเลือกในการกระจายการลงทุนที่ดี

  • ข้อได้เปรียบ: มีผู้เชี่ยวชาญดูแลเงินลงทุนให้โดยเฉพาะตามนโยบายการลงทุนของกองทุนแต่ละกอง มีความหลากหลายของสิททรัพย์ที่เข้าลงทุน มีสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยลงทุนสูง ไม่มีภาระภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่ม

  • ข้อจำกัด: การลงทุนไม่ยืดหยุ่นเพราะขึ้นอยู่กับนโยบายกองทุนเป็นหลัก และมีค่าธรรมเนียมซื้อขาย/บริหารจัดการเป็นต้นทุนเพิ่มเติม



เงินฝาก

ตราสารหนี้

กองทุนรวม

ผลตอบแทน

ดอกเบี้ย

ดอกเบี้ย (คูปอง)

ส่วนต่างราคา (และ/หรือ) ปันผล

ความเสี่ยง

ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย 


ความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสาร

ความเสี่ยงด้านตลาด 

ความเสี่ยงด้านการบริหารงานของกองทุน 

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง


ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

สไตล์การลงทุน

เน้นสภาพคล่องสูงที่ทำให้ฝากถอนได้ง่าย

เป็นการลงทุนระยะกลางเนื่องจากตราสารหนี้มีอายุ 1-2 ปีขึ้นไป

เน้นการถือลงทุนระยะกลางถึงยาว

ข้อได้เปรียบ

ให้ผลตอบแทนแน่นอน เงินต้นไม่หาย

ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เงินต้นค่อนข้างปลอดภัย  (ขึ้นอยู่กับเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้)

ใช้เงินลงทุนไม่มาก มีมืออาชีพคอยดูแลเงินลงทุนให้  มีสินทรัพย์ให้เลือกหลายประเภท

ข้อจำกัด

ผลตอบแทนต่ำจนบางครั้งไม่คุ้มกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่แน่นอนจำเป็นต้องถือตราสารให้ครบอายุ

การลงทุนไม่ยืดหยุ่น มีค่าธรรมเนียมซื้อขายและบริหารจัดการ

การลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางและสูง เพื่อแสวงหาผลตอบแทนสูงขึ้น

การลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงความเสี่ยงสูง คือ สินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วย นั่นคือนักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรในสัดส่วนที่มากขึ้น ในทางตรงกันข้ามก็สามารถขาดทุนจากเงินต้นได้ด้วยเช่นกัน การลงทุนเหล่านี้มักเรียกร้องความรู้ความเข้าใจในตลาดและผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น การลงทุนในหุ้น การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก และการลงทุนในตราสารอนุพันธ์

4.ตราสารทุน: หุ้นของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ

การลงทุนในหุ้น (Stocks) คือการซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนที่ถือหุ้นจะกลายเป็นเจ้าของบริษัทนั้น ๆ ตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ ทำให้มีสิทธิที่จะได้ส่วนแบ่งรายได้เป็นเงินปันผลหรือกำไรสะสม และมีส่วนได้รับชำระมูลค่าคงเหลือของกิจการหากสุดท้ายบริษัทต้องปิดไป


การลงทุนในหุ้นโดยหลัก ๆ แล้วนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการถือหุ้นจาก เงินปันผล และ การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นที่ถืออยู่ ซึ่งสามารถนำไปซื้อขายเปลี่ยนมือหุ้นที่ถือนั้นได้ในตลาดรอง (Stock Exchange) ของประเทศต่าง ๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (NYSE) ฯลฯ โดยการลงทุนประเภทนี้มักเป็นการลงทุนระยะยาวที่สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10 – 15% แต่ก็ยังสามารถติดลบในปีที่เกิดวิกฤตได้ด้วยเช่นกัน


รายละเอียด

  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาว 10 – 15% ต่อปี

  • เหมาะกับสไตล์การลงทุน: ที่มีความสามารถในการรับความเสี่ยงได้สูง เน้นการถือระยะยาว นักลงทุนควรมีความรู้และความเข้าใจในตลาดหุ้นเป็นอย่างดี

  • ข้อได้เปรียบ: เป็นวิธีที่ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนสูง การซื้อขายมีสภาพคล่อง และนักลงทุนจะมีฐานะเป็นเจ้าของบริษัทตามสัดส่วนหุ้นที่ถือ

  • ข้อจำกัด: เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจทั้งด้านธุรกิจและเศรษฐกิจ รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมซื้อขาย และภาษี

5.สินทรัพย์ทางเลือก: ทองคำ / สินค้าโภคภัณฑ์ / สินทรัพย์ดิจิทัล

สินทรัพย์ทางเลือกเป็นหนึ่งในชั้นของสินทรัพย์ (Asset Class) ที่ได้รับความนิยมใช้ทั้งในการเก็งกำไรและการประกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เนื่องจากสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล มักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่ไปในทางเดียวกับสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้น หรือ พันธบัตร และมักมีราคาสูงในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้น (น้ำมัน ทองแดง) ไปจนถึงช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว (ทองคำ) ซึ่งเป็นช่วงที่สินทรัพย์ เช่น หุ้น มักให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี


อย่างไรก็ดีราคาของสินทรัพย์ทางเลือกมักเปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจทำให้มีช่วงที่ราคาปรับสูงขึ้นได้มากและช่วงที่ราคาซบเซามาก ทำให้สินทรัพย์ประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงแต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงมากได้เช่นกัน


รายละเอียด

  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ซึ่งอาจสร้างผลตอบแทนได้สูงหลายร้อยเปอร์เซนต์

  • เหมาะกับสไตล์การลงทุน: รับความเสี่ยงได้สูง มีความสามารถในการจับจังหวะเพื่อเก็งกำไร หรือประกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

  • ข้อได้เปรียบ: ใช้ประกันความเสี่ยงพอร์ตในช่วงวิกฤตได้ดี ให้โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูง

  • ข้อจำกัด: มีโอกาสสร้างผลขาดทุนที่สูง ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในการลงทุน

6.ตราสารอนุพันธ์: Forex / CFD

หากคุณมีเงิน 20,000 บาทและมองหาตัวเลือกสำหรับการเพิ่มผลตอบแทนก็สามารถแบ่งสรรเงินบางส่วนมาใช้เครื่องมือตราสารอนุพันธ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรได้ ด้วยคุณสมบัติของตราสารอนุพันธ์อย่าง Forex หรือ CFD ที่มีลักษณะเป็นสัญญาอ้างอิงราคาสินทรัพย์อื่น (Underlying Asset) ช่วยให้นักลงทุนใช้เงินจำนวนน้อยเพื่อเก็งกำไรในการเปลี่ยนแปลงของราคสินทรัพย์อ้างอิงได้


สินทรัพย์ประเภทตราสารอนุพันธ์มักมีการอ้างอิงราคาสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ค่าเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่ดัชนี ทำให้สามารถเก็งกำไรในสินทรัพย์เดี่ยวหรือไขว้กับสินทรัพย์หลายชนิดประกอบเป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนได้ นอกจากนี้ตัวตราสารอนุพันธ์ยังสามารถใช้เพื่อเก็งกำไรจากทิศทางราคาได้ทั้งทิศทางราคาขาขึ้นและขาลง ทั้งยังมีสภาพคล่องสูงทำให้เหมาะสำหรับการเก็งกำไรในระยะสั้นตอบสนองกลยุทธ์ที่หลากหลายได้ดี


อย่างไรก็ดีเครื่องมือประเภทตราสารอนุพันธ์ เช่น CFD เป็นการลงทุนที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่อาจให้กำไรได้ไม่จำกัด ในทางตรงกันข้ามก็สามารถทำให้ต้องสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้เช่นกัน การลงทุนประเภทนี้จึงเรียกร้องความรู้ความเข้าใจทั้งต่อผลิตภัณฑ์และปัจจัยที่มีผลราคาสินทรัพย์อ้างอิงด้วย


รายละเอียด

  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง: ขึ้นอยู่กับอัตราทดที่ใช้ ซึ่งมีได้ตั้งแต่ 2 – 1,000 เท่าขึ้นไป

  • เหมาะกับสไตล์การลงทุน: รับความเสี่ยงได้สูง เน้นการเทรดระยะสั้น

  • ข้อได้เปรียบ: มีสภาพคล่องสูง ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ได้เปรียบจากการใช้อัตราทด

  • ข้อจำกัด: มีความเสี่ยงสูง ซับซ้อน อาศัยความรู้ความเข้าใจเป็นการเฉพาะ และไม่ได้ทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ๆ


หากคุณสนใจการซื้อขาย CFD ลองใช้ Mitrade สำหรับผู้เริ่มต้น คุณสามารถฝึกฝนการซื้อขายผลิตภัณฑ์มากกว่า 400 รายการ เช่น EURUSD, หุ้น Tesla/Google/Meta หรือทองคำ, Bitcoin โดยใช้บัญชีทดลอง ลงทะเบียนและเริ่มต้นวันนี้ 👇👇👇


mitrade    
💸 ห้ามพลาด!!! 💸    
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์!💰💰💰    

   
เพียงแค่สร้างบัญชีง่ายๆ ก็จะได้ $10 เรียบร้อย! ยังรออะไรอีกเหรอ?! 🤑🤑🤑    
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน


ตราสารทุน                

สินทรัพย์ทางเลือก                

ตราสารอนุพันธ์                

ผลตอบแทน                

ปันผล / ส่วนต่างราคา

ส่วนต่างราคา

ส่วนต่างราคา

ความเสี่ยง                

ความเสี่ยงด้านราคา
ความเสี่ยงที่เป็นระบบ

ความเสี่ยงอุตสาหกรรม

ความเสี่ยงเฉพาะธุรกิจ

ความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค

ความเสี่ยงจากเหตุการณ์เฉพาะ

ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา

ความเสี่ยงจากการใช้อัตราทด

ความเสี่ยงจากการไม่เข้าใจผลิตภัณฑ์

สไตล์การลงทุน                

ลงทุนระยะกลางถึงยาว

เก็งกำไรตามรอบ

เก็งกำไรระยะสั้น

ข้อได้เปรียบ                

นักลงทุนมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการ

ใช้กระจายการลงทุนได้ดี

มีสภาพคล่องสูง เก็งกำไรได้ทั้งทิศทางราคาขาขึ้นและขาลง

ข้อจำกัด                

อาศัยความรู้ความเข้าใจ

               

มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียม ภาษี เพิ่ม

ราคามีลักษณะเป็นวัฏจักร ช่วงที่ให้ผลตอบแทนไม่ดีก็สามารถให้ผลตอบแทนติดลบเป็นจำนวนมากได้

ไม่ได้ทำให้นักลงทุนเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ๆ

      

มีความเสี่ยงสูงมาก  ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจเป็นการเฉพาะ

วิธีเลือกการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง

การลงทุนมีวิธีการและสินทรัพย์หลากหลายและเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีสไตล์การลงทุนที่ต่าง ๆ กันไป การลงทุนให้ประสบความสำเร็จนักลงทุนจึงควรเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งมีวิธีเลือกการลงทุนดังนี้


  1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน เช่น เพื่อสร้างรายได้สม่ำเสมอ เพื่อการเกษียณ การออมซื้อบ้าน การศึกษาบุตร ฯลฯ จะช่วยให้เห็นแนวทางและกำหนดระยะเวลาในการลงทุนได้


  2. กำหนดระยะเวลาในการลงทุน ควรสอดคล้องกับเป้าหมาย เช่น การสร้างรายได้สม่ำเสมอควรกำหนดระยะเวลาการลงทุนระยะสั้น เช่น รายวัน / รายเดือน ส่วนเป้าหมายเพื่อการเกษียณควรเป็นการลงทุนระยะยาวจนถึงสิบปีได้


  3. กำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นักลงทุนบางท่านอาจสามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน ควรเลือกสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ สามารถเลือกสินทรัพย์ที่ราคามีความผันผวนสูงขึ้นได้


  4. กำหนดระดับสภาพคล่องที่ต้องการ สินทรัพย์ที่ลงทุนแต่ละตัวสามารถเปลี่ยนกลับเป็นเงินสดได้ยากง่ายแตกต่างกัน นักลงทุนควรคำนึงถึงสภาพคล่องก่อนเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ


  5. คำนึงถึงวัตถุประสงค์และความต้องการส่วนบุคคล เช่น ประโยชน์ทางภาษี หรือความชอบส่วนตัว เช่น การลงทุนในอุตสาหกรรมที่รักษ์สิ่งแวดล้อม


  6. คำนึงถึงข้อจำกัดด้านต้นทุนในการลงทุน เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าบริหารจัดการการลงทุน


เมื่อตอบคำถามเหล่านี้ทั้งหมดได้ นักลงทุนจะสามารถเลือกสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ เป้าหมาย และความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ ซึ่งจะช่วยให้ลงทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น


สรุป

การลงทุนมีทางเลือกหลากหลาย คราวนี้กับคำถามที่ว่ามีเงิน 20,000 ลงทุนอะไรดีก็มีคำตอบให้มากมาย ตั้งแต่ การฝากเงิน การลงทุนในตราสารหนี้ การลงทุนในกองทุนรวม ลงทุนในหุ้น ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่ตราสารอนุพันธ์ เช่น CFD และ Forex ทั้งนี้นักลงทุนสามารถแบ่งสรรเงินไปไว้ในสินทรัพย์ที่ต่าง ๆ กันเพื่อตอบโจทย์ที่หลากหลายและยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของเงินต้นได้ด้วย เพียงเท่านั้นก็สามารถประกอบเป็นวิธีที่จะทำให้เงินทุนงอกเงยเติบโตในระยะยาวได้ด้วยเครื่องมือและตัวเลือกที่แม้แต่นักลงทุนรายย่อยก็สามารถนำไปใช้ได้


mitrade    
💸 ห้ามพลาด!!! 💸    
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁    

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑    
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน


บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >>

เทรดทองเบื้องต้นยังไงดี วิธีการเทรดทองคำสำหรับมือใหม่

วิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียด

Forex เล่นยังไง?วิธีเล่น Forex สำหรับมือใหม่

คำถามที่พบบ่อย

ลงทุนในไทยเสียภาษีอย่างไร

การลงทุนในประเทศไทยจะมีการเสียภาษี 2 ส่วน ได้แก่ - การเสียภาษีจากกำไร (Capital Gain Tax) การเสียภาษีจากกำไรการซื้อขายหุ้นมีการยกเว้นสำหรับกำไรจากการขายหุ้นในประเทศไทยจะไม่มีการหักภาษี ส่วนกำไรที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายหุ้นต่างประเทศและสินทรัพย์ดิจิทัลต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ประจำปี - การเสียภาษีจากดอกเบี้ยและเงินปันผล (Interest Tax & Dividend Tax) การได้รับดอกเบี้ยทั้งจากการฝากเงินและการลงทุนในตราสารหนี้จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ส่วนเงินปันผลที่ได้จากการลงทุนในหุ้นจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยนักลงทุนสามารถเลือกนำได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ได้ไปเครดิตภาษีคืนในการยื่นภาษีประจำปีหรือไม่ก็ได้ การลงทุนในกองทุนรวมและการลงทุนในตราสารอนุพันธ์จะไม่มีการเก็บภาษีจากกำไรที่นักลงทุนจะได้รับ และไม่จำเป็นต้องนำกำไรไปรวมเพื่อคำนวณภาษีในช่วงปลายปี

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร? ศึกษาให้ดีก่อนลงทุน ห้ามพลาด! บทความนี้จะตอบคำถามทั้งหมดที่นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน Bitcoin รวมถึง Bitcoin คืออะไร, Bitcoin ทำงานอย่างไร, การขุด Bitcoin คืออะไรและได้เงินจริงไหม, จัดเก็บ bitcoin อย่างไร, บิทคอยน์ ผิดกฎหมายไหม พร้อมคำถามที่น่าตื่นเต้นที่สุด - วิธีเริ่มต้นเทรด Bitcoin นะครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 18 พ.ค. 2023
บทความนี้จะตอบคำถามทั้งหมดที่นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน Bitcoin รวมถึง Bitcoin คืออะไร, Bitcoin ทำงานอย่างไร, การขุด Bitcoin คืออะไรและได้เงินจริงไหม, จัดเก็บ bitcoin อย่างไร, บิทคอยน์ ผิดกฎหมายไหม พร้อมคำถามที่น่าตื่นเต้นที่สุด - วิธีเริ่มต้นเทรด Bitcoin นะครับ
placeholder
วิเคราะห์แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2024 จะไปในทิศทางใดบทความนี้จะเป็นการเรียบเรียงข้อข้อมูลเกี่ยวกับ “Bitcoin” โดยตรง รวมไปถึงการวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ 10 ปีย้อนหลัง การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2023 และวิเคราะห์บทสุปราคาบิทคอยน์จะขึ้นหรือลดลงและยังน่าลงทุนอยู่ไหมในปี 2024
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 19 พ.ค. 2023
บทความนี้จะเป็นการเรียบเรียงข้อข้อมูลเกี่ยวกับ “Bitcoin” โดยตรง รวมไปถึงการวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ 10 ปีย้อนหลัง การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2023 และวิเคราะห์บทสุปราคาบิทคอยน์จะขึ้นหรือลดลงและยังน่าลงทุนอยู่ไหมในปี 2024
placeholder
6 หุ้น AI หรือหุ้น ปัญญาประดิษฐ์ ที่น่าจับตามองบทความนี้จะพูดถึงหุ้น AI ที่น่าจับตามอง และเป็นหุ้นที่น่าลงทุน รวมไปถึงการนำ AI เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการพอร์ตของนักลงทุน สามารถอ่านในบทความกันได้เลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 17 พ.ค. 2023
บทความนี้จะพูดถึงหุ้น AI ที่น่าจับตามอง และเป็นหุ้นที่น่าลงทุน รวมไปถึงการนำ AI เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการพอร์ตของนักลงทุน สามารถอ่านในบทความกันได้เลย
placeholder
CFD คืออะไรและทำงานอย่างไร?หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เช่น forex หุ้น ดัชนี ทองคำหรือบิทคอยน์ แต่คุณมีเงินไม่มากแต่ก็มีความคาดหวังว่าจะเก็งกำไรในระยะสั้น การลงทุนด้วยเครื่องมือ CFD อาจจะเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนของคุณ ว่าแต่ CFD คืออะไร, CFD ทำงานอย่างไร CFD, จะช่วยให้คุณลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยอย่างไร, ข้อดีและความเสี่ยงในการเทรด CFD คืออะไร เรามาหาคำตอบกันครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 มิ.ย. 2023
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เช่น forex หุ้น ดัชนี ทองคำหรือบิทคอยน์ แต่คุณมีเงินไม่มากแต่ก็มีความคาดหวังว่าจะเก็งกำไรในระยะสั้น การลงทุนด้วยเครื่องมือ CFD อาจจะเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนของคุณ ว่าแต่ CFD คืออะไร, CFD ทำงานอย่างไร CFD, จะช่วยให้คุณลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยอย่างไร, ข้อดีและความเสี่ยงในการเทรด CFD คืออะไร เรามาหาคำตอบกันครับ
placeholder
ราคาบิทคอยน์ย้อนหลัง ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา และการคาดการณ์อนาคตแนวโน้มราคา บิทคอยน์วันนี้ไปถึงไหนแล้ว ในบทความนี้จะพาทุกคนมาดูข้อมูลล่าสุดของราคาเหรียญสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin ว่ามีราคาเพิ่มขึ้นลดลงอย่างไรบ้าง และเหรียญ BTC จะมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นในปี 2024 หรือไม่อย่างไรไปดูกันได้เลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 05 พ.ค. 2023
แนวโน้มราคา บิทคอยน์วันนี้ไปถึงไหนแล้ว ในบทความนี้จะพาทุกคนมาดูข้อมูลล่าสุดของราคาเหรียญสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin ว่ามีราคาเพิ่มขึ้นลดลงอย่างไรบ้าง และเหรียญ BTC จะมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นในปี 2024 หรือไม่อย่างไรไปดูกันได้เลย
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์