การเทรดคืออะไร ทำกำไรได้จริงไหม แนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการเทรด
บทความนี้จะพานักลงทุนมาทำความรู้จักการเทรดคืออะไร วิธีการเทรดที่ดีที่สุดเทรดอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนสูง เป็นการปูพื้นฐานให้เข้าใจตลาดและความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อเข้าทำกำไรได้อย่างถูกวิธี ไปดูกันเลย!!
การเทรดคืออะไร?
การเทรดคืออะไร: การเทรดเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เพื่อทำกำไรตราสารเหล่านี้มีทางเลือกในการลงทุนสินทรัพย์ที่หลากหลาย สามารถกำหนดมูลค่าทางการเงินให้สามารถขึ้นหรือลงได้ และกำหนดทิศทางในการเทรดที่ควรจะเป็น
คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับหุ้น และกองทุน แต่มีตลาดการเงินหลายพันแห่งที่คุณเองสามารถใช้เปิดตลาดทำการเทรดได้ และมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกประเภท
คุณสามารถสัมผัสกับตลาดที่หลากหลาย เช่น S&P 500, FTSE 100, สกุลเงินทั่วโลก เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือเยนญี่ปุ่น หรือแม้แต่สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น สุกรหรือโคเนื้อ
ในการเริ่มต้น คุณจะต้องสร้างบัญชีบนแพลตฟอร์มเพื่อค้นหาประเภทตราสารและตลาดที่คุณต้องการเทรด แพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ของเรามีตลาดการเงินที่หลากหลายซึ่งช่วยให้คุณสามารถคาดเดาได้ว่าราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง นอกจากนี้ เราได้รวบรวมคู่มือการเทรดสำหรับมือใหม่ไว้ด้านล่างเพื่อช่วยให้คุณคุ้นเคยกับตลาดต่าง ๆ
หลักการพื้นฐานของการเทรดคืออะไร?
โดยทั่วไปแล้วหลักการเทรดจะเป็นการซื้อขายในระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ เพื่อสร้างทำกำไรจากส่วนต่างราคาของสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามไม่มีกลยุทธ์หรือเครื่องมืออะไรการันตีว่าการเทรดจะได้กำไร 100% แต่ถ้าเป็นกลยุทธ์ที่ผ่านการวิเคราะห์ออกแบบแผนการมาอย่างดีแล้ว โอกาสกำไรจะมีมากกว่าโอกาสขาดทุนแน่นอน ไปดูกันว่าเราควรวิเคราะห์กลยุทธอะไรกันบ้าง
การวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ (Economic Analysis)
นักเทรดต้องทราบแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันของธุรกิจที่เราจะลงทุน เมื่อเราทราบแล้วเราจะต้องรู้ปัจจัยอะไรบ้างที่จะส่งผล เรื่องพวกนี้เราจำเป็นต้องทราบอย่างละเอียดของสิ่งที่เราจะลงทุนในปัจจุบัน
การวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านอุตสาหกรรม (Industry Analysis)
จะต้องมองแนวโน้มของอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาทดแทนวิเคราะห์สภาพตลาดในปัจจุบันว่า อุตสาหกรรมในตอนนี้จะส่งผลอะไรกับสิ่งที่เราจะลงทุน การเติบโตมากน้อยเพียงใด จะรับมืออะไรได้บ้างในอนาคต
การวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านบริษัท (Company Analysis)
เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องวิเคราะห์เลย คือปัจจัยภายในกับสิ่งที่เราจะลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเชิงคุณภาพ หรือเชิงปริมาณ เราจำเป็นที่จะต้องทราบทุกอย่าง เมื่อเราทราบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยภายในแล้ว เราถึงจะวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้ว่าสิ่งที่เราจะลงทุนนั้น ควรลงทุนหรือไม่
สรุปแล้วนักเทรดมืออาชีพ จะต้องอาศัยวิธีการวิเคราะห์ ปัจจัยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐาน Fundamental Analysis ศึกษาความน่าจะเป็นศึกษาสิ่งที่จะเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่เราจะลงทุน คาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กำไรที่คาดหวัง หรือกำไรที่จะเกิดขึ้น
5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเทรด
1.สำรวจตัวเองก่อนว่าทำไมถึงอยากลงทุน เพื่อที่เราจะสามารถหารูปแบบ และวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น
- ต้องการลงทุนและเก็บเงิน
- ต้องการลงทุนระหว่างทำงานประจำ
- ลงทุนเพื่อมีเงินปันผล
- ลงทุนเพื่อเก็บออมไว้ใช้ยามเกษียณ
เมื่อเราเจอเป้าหมายที่ใช่แล้ว ลองมาดูในหัวข้อถัดไป
2.ควรเริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูล เพื่อเราจะได้มีความรู้ความเข้าใจ เนื่องจากการเทรดถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องมีในเรื่องของเงินทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง
3.คำศัพท์ในการเทรดก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะมีคำศัพท์เฉพาะอยู่หลายคำมากที่นักลงทุนมือใหม่อาจยังไม่เคยได้ยินมาก่อน นักเทรดควรเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้เข้าใจความหมายและช่วยให้เทรดได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น
4.การบริหารความเสี่ยง ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นักเทรดควรตั้งข้อตกลงกับตัวเองว่าสามารถรับมือกับการขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้น
5.ข้อสุดท้ายจะเป็นการเลือกโบรกเกอร์ที่ต้องมีความน่าเชื่อถือ มีค่าธรรมเนียมเหมาะสม ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ อย่างเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าการขายในแต่ละครั้ง บางที่คิดขั้นต่ำ 50 บาท ไปจนถึง 200 บาท ขณะที่บางโบรกเกอร์อาจไม่มีเลย และบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งสำคัญในการประกอบการตัดสินใจ
เลือกเว็บเทรดไหนดี
ในการเทรด เราต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ ทุกวันนี้มีเว็บไซต์การเทรดเยอะเต็มไปหมด แต่เว็บไซต์ที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบเฉพาะตัว เอาที่คุยแล้วสบายใจ รูปแบบง่ายต่อการใช้งาน ที่สำคัญคือศึกษาข้อตกลงให้ดี ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่เอาที่เรารับได้ สิ่งสุดท้ายคือฝ่ายบริการลูกค้าบางโบรกเกอร์เว็บเทรดอาจจะยังไม่ไม่รองรับภาษาไทย ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากเวลานักเทรดถามสอบข้อมูลเพิ่มเติม
โบรกเกอร์ Mitrade ที่เป็นโบรกเกอร์ยอดนิยมสำหรับนักเทรด CFD ระดับโลก ได้รับอนุญาตกำกับดูแลจากหน่วยงานหลายแห่งที่น่าเชื่อถือได้ เช่น หน่วยงาน ASIC (ในออสเตรเลีย), CIMA (หมู่เกาะเคย์แมน) และ FSC (มอริเชียส) มีจุดประสงค์เพื่อให้การเทรดเป็นเรื่องง่ายสำหรับการลงทุน เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ทำธุรกรรมได้รวดเร็วและใช้งานง่าย เป็นแพลตฟอร์มทีมาพร้อมใช้งานบนเว็บไซต์ และ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ ในส่วนของสินทรัพย์ก็มีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นการให้บริการเทรดคริปโตฯ, หุ้นดัชนี, CFD, Forex และสินทรัพย์ต่าง ๆ อีกมากมาย การเริ่มต้นเทรดไม่ใช่เรื่องยาก
เลเวอเรจสูง
เงินฝากขั้นต่ำ $50 ดอลลาร์
ขนาดซื้อขายขั้นต่ำ 0.01 ล็อต
ฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทย
ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำ
กำกับดูแลโดย ASIC/CIMA/FSC
สามารถเลือกวิธีการเทรดอะไรได้บ้าง
การเทรดหุ้น คืออะไร
ก็คือการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในการเทรดหุ้นหรือซื้อขายหุ้น เราต้องเปิดบัญชีหุ้นกับโบรกเกอร์ หรือที่เรียกกันว่าเปิดพอร์ต โบรกเกอร์ คือ บริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่รับคำสั่งการเทรดหุ้นหุ้นจากผู้ลงทุน แล้วส่งไปเข้าระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้จับคู่คำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติ ชำระเงินค่าซื้อหุ้น และนำหุ้นเข้าบัญชีของผู้ลงทุน
เทรดหุ้นผิดกฎหมายหรือไม่
ไม่ผิด แต่นักเทรดต้องรับความเสี่ยงเอง ทั้งเสี่ยงที่เกิดจากการขาดทุน และ ความเสี่ยงที่เกิดจากการฉ้อโกงบางโบรกเกอร์ต่างประเทศ ถ้าจะเทรด ก็ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น จะมีโบรกเกอร์ที่มีความเข้มงวดอยู่ เช่น โบรกเกอร์ที่ได้รับการดูแลจากหน่วยงาน ASIC, FCA UK และ CySEC
ทำกำไรได้จริงไหม? เหตุผลที่นักเก็งกำไร เลือกการเทรดหุ้น
อาจเป็นเพราะว่าการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนย้อนหลังดีกว่าลงทุนอย่างอื่น เราอาจจะเห็นตลาดหุ้นมีความผันผวนอยู่เสมอทั้งขาขึ้นและขาลง แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกอยู่หลายครั้ง แต่ตลาดหุ้นจะลงเพียงชั่วคราวเท่านั้นและขึ้นมาใหม่สูงกว่าเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราถือหุ้นในระยะยาว ก็สามารถได้ผลตอบแทนที่ดีได้ แม้ตลาดหุ้นจะตก บางบริษัทดี ๆ ก็มีจ่ายปันผล แถมยังเป็นอีกหนึ่งวิธีเก็บเงินออมของเราให้งอกเงยในอนาคต และอีกอย่างหุ้นสามารถส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้อีกด้วย
มาเริ่มต้นเทรดด้วยกันเลย!!
บัญชีทดลองเทรดของ Mitrade จะเป็นตัวช่วยฝึกฝนการเทรด ได้โดยไม่ต้องเสียเงินทุนสักบาทเดียว เพื่อเป็นการทดลองกลยุทธ์การเทรดของตนเองในสภาพแวดล้อมการเทรดจริง บัญชีทดลองเทรดของ Mitrade ไม่ได้มีไว้สำหรับนักเทรดมือใหม่เท่านั้น แต่ยังมีไว้เพื่อให้นักเทรดที่มีประสบการณ์ได้ทดลองเทรดใช้กลยุทธ์ใหม่ด้วย
6อันดับ รายชื่อหุ้นมาแรง | ||
หลักทรัพย์ | สัญลักษณ์ | มูลค่าหลักทรัพย์ ตามราคาตลาด |
Microsoft | 1.239TUSD | |
Apple | 2.926TUSD | |
Amazon | 1.239TUSD | |
Alphabet | 1.592T USD | |
Meta Platform Inc | 1.239TUSD | |
Walmart | 424.741B USD |
จากตารางเป็น 6 รายชื่อหุ้นมาแรง ที่อ้างอิงมาจาก tradingview ให้นักลงทุนได้ใช้ในการประกอบพิจารณาการเลือกเทรดกัน
นอกจากเทรดหุ้นแล้ว สามารถเลือกวิธีการเทรดอะไรได้อีกบ้าง!!
การเทรดคริปโท คืออะไร
คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือสกุลเงินเข้ารหัส เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถจับต้องได้ แตกต่างจากเงินของแต่ละประเทศที่เป็นธนบัตร หรือ เหรียญที่สามารถจับต้องได้ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการ โดยมูลค่าจะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจระหว่างผู้ใช้
ส่วนวิธีการเทรดที่ใช้กันบ่อย ๆ จะเป็น Scalping
เป็นรูปแบบการเทรดคริปโตระยะสั้นที่ใช้เวลาน้อยที่สุด ด้วยการจับจังหวะซื้อคริปโทฯ เมื่อมีการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย และรีบขายทำกำไรอย่างรวดเร็วมากๆ ในช่วงเวลาไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับความผันผวนว่ารุนแรงแค่ไหน และอาจเปิด Position เอาไว้หลายสิบหรือนับร้อย position พร้อม ๆ กันเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรด้วย
ส่วน Time frame ที่นิยมใช้ในการดูกราฟจะอยู่ที่ 1–5 นาที แล้วแต่ถนัด ด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุด สัดส่วนกำไรที่ได้แต่ละครั้งจึงน้อยที่สุด แถมยังเป็นกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์มักจะเครียดหนักกว่าแบบอื่น เพราะต้องใช้สมาธิสูงและต้องคอยจ้องหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานานตลอดทั้งวัน
การเทรด Forex คืออะไร
Forex (Foreign Exchange) เป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยราคาจะแปรผันตาม demand และ supply ของแต่ละสกุลเงิน Forex ถือเป็นตลาดการเงินที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างกำไรได้สูงด้วย leverage แต่ในทางตรงข้าม leverage ก็ทำให้ขาดทุนได้สูงมากเหมือกัน
คู่เงิน Forex ที่นิยมเทรด ส่วนใหญ่จะเป็นคู่เงินที่ประกอบด้วย สกุลเงินหลักของโลก (Major) เนื่องจากเป็นคู่สกุลเงินที่โดดเด่น มีสภาพคล่องสูง คู่เงิน Forex ด้านล่างนี้ ยังไม่ใช่คู่เงินทั้งหมดที่โบรกเกอร์ Mitrade มีให้บริการเทรด แต่ทั้งหมดนี้เป็นคู่เงินที่นิยมเทรดกัน
- EUR/USD (Euro – US Dollar) *ยอดนิยม
- USD/JPY (US dollar – Japanese Yen) *ยอดนิยม
- GBP/USD (British Pound – US Dollar) *ยอดนิยม
- AUD/USD (Australian Dollar – US Dollar)
- USD/CHF (US Dollar – Swiss Franc)
การเทรด CFD เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและทำกำไรได้ง่ายมาก คุณสามารถใช้ leverage เพื่อทำกำไรแบบสองทางได้ ใช้เงินทุนต่ำ ผลตอบแทนสูง อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผู้เขียนขอเตือนคุณว่าการเทรด CFD เป็นธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง คุณควรศึกษาเพิ่มเติมก่อนทำการซื้อขายเพื่อ
หลีกเลี่ยงการขาดทุน หากคุณกลัวว่าจะขาดประสบการณ์ คุณสามารถทดสอบเทคนิคการเทรดสินทรัพย์กับบัญชีทดลองเทรดของ Mitrade เพื่อฝึกฝนการเทรดเงินเสมือนจริงฟรี $50,000
*ร่วมกิจกรรมแจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ของ Mitrade*
การเทรดทองคำ คืออะไร
ทองคำเป็นสินค้ายอดนิยมที่มีการซื้อขายในตลาดการเงินดทั่วโลก เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากมีความผันผวนน้อย หากเป็นนักลงทุนมือใหม่ อาจสงสัยว่าจะสามารถเทรดทองคำได้อย่างไร จริง ๆ แล้วสามารถลงทุนทองคำได้หลายวิธี ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ เลือกลงทุนผ่านโบรกเกอร์น่าเชื่อถือ เช่น Mitrade หรือ eToro โดยที่ตัวเราเองไม่ต้องถือทองเอาไว้กับตัว
วิธีที่นักเทรดทองนิยมใช้กัน จะเป็นสัญญาซื้อขายส่วนต่างของทองคำ (CFD)
เป็นรูปแบบการเทรดทองคำโดยที่เราไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของจริง ๆ แต่เราได้รับผลกำไรราวกับว่าเป็นเจ้าของทองคำนั้นจริง ๆ CFD เป็นเครื่องมือสะท้อนราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้นักเทรดสามารถสร้างโอกาสการทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยไม่ต้องซื้อสินทรัพย์นั้นจริง ๆ เทรด CFD ใช้เงินทุนน้อย ถือเป็นวิธีที่นักลงทุนมือใหม่นิยมเทรด
3 เคล็ดลับของการเทรด
1. Day Trading : ทำกำไรระยะสั้น
เนื้อหา
เป็นการซื้อขายคริปโตฯ หรือหุ้นภายในวันเดียวนับว่าเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่นักเทรดนิยมใช้ในการเทรดหุ้นเป็นอย่างมาก จะเรียกว่าเป็นการหวังกำไรรายวันระยะสั้นก็ได้ สำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนเร็ว เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักซื้อขายเป็นจำนวนหลายๆ รอบภายในหนึ่งวัน ตามแนวคิดเข้าไว ออกเร็ว
ข้อดี
✅สร้างกำไรจากการลงทุนภายในวันเดียวกัน
✅มีปริมาณ (Volume) การซื้อขายสูง
✅มีระยะทำกำไร ระยะวิ่งเยอะในแต่ละวัน
✅ไม่ต้องนั่งเฝ้าพอร์ตหุ้นทั้งวัน
ข้อเสีย
❎ราคาหุ้นมีความผันผวนสูง
❎มีต้นทุนสูง เพราะนักลงทุนต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถ้าเทรดหุ้นระยะสั้นวันละ 2-3 ครั้ง
❎ผู้ที่ลงทุนหุ้นระยะสั้นต้องมีประสบการณ์สูง เพื่อวางแผนการลงทุนให้ได้กำไรสูงที่สุด
❎ขาดทุนทันทีภายในวันเดียว
2. กลยุทธ์การเทรดระยะยาว : Long Term Trading หรือ Positional Trading
เนื้อหา
เป็นวิธีการเทรดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความปลอดภัยมากที่สุดวิธีหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากการเทรดในระยะสั้น ๆ นักเทรดควรทำความเข้าใจรูปแบบการเทรดในมุมมองกว้างมากขึ้น ซึ่งการเทรดระยะยาวมักจะทำผลกำไรที่คุ้มค่า แต่อย่างไรก็ตามอะไรที่มีค่ามาก ๆ มักไม่ได้มาง่าย ๆ การเทรดระยะยาวจึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
ข้อดี
✅มีความเครียดน้อยลง เนื่องจากนักเทรดไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟอย่างต่อเนื่อง
✅โอกาสในการทำกำไรมากยิ่งขึ้น เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องถอนเงินออกอย่างรวดเร็ว และเราไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าเทรดทั้งวัน นักเทรดจึงสามารถทำงานประจำและเทรดได้ในเวลาเดียวกัน
✅ลดความเสี่ยง โดยไม่ต้องมานั่งกังวลความเสี่ยง
ข้อเสีย
❎ไม่เหมาะกับคนใจร้อน อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนในการปิดสถานะ
❎ต้องมีความรู้ของการเทรดในภาพนวมที่กว้างมากขึ้น เช่น ติดตามข่างเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบ ถ้าหากมีความรู้ไม่มากพออาจทำให้เกิดข้อเสียได้
3. Swing Trading : ทำกำไรระยะกลาง
เนื้อหา
รูปแบบการเทรดที่คาดหวังกำไรจากรอบการเทรดในระยะกลาง หรือมักมีระยะทางของส่วนต่างราคาที่ใกล้เคียงกับความผันผวนของสินทรัพย์ทางการเงินของทั้งสัปดาห์ หรือของทั้งเดือน ซึ่งส่วนต่างราคาดังกล่าวอาจมากกว่า 10-100 เท่าจากการเทรดแบบจบในวัน ดังนั้น Swing Trade อาจถือครองสถานะการเทรดเพียงไม่กี่วัน หรือเป็นสัปดาห์ๆ ตามแต่เป้าหมายที่วางไว้
ข้อดี
✅การเทรดแบบ Swing ใช้เวลาการเฝ้าหน้าจอน้อยกว่า Day Trade และ Scalping เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำงานประจำหรือไม่เวลาว่างน้อย
✅ต้นทุนค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำกว่าหากเทียบกับสายเทรดระยะสั้น เพราะจำนวนการเทรดจะน้อยกว่ามาก
ข้อเสีย
❎ต้องแลกกับเวลาอันมากมายในการติดตามตลาด
❎เหนื่อยและใช้สมาธิสูงมากในการเทรด
❎ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและมีวินัยต่อวิธีการเทรดที่สูงมาก
❎ต้นทุนการเทรดจะสูงมากในภาพรวม เพราะต้องเข้าไปเทรดบ่อยๆ
❎ไม่เหมาะกับนักเทรด Full Time ที่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ทั้งวัน เพราะหากคุณมีความถนัดในการเทรดระยะสั้น คุณอาจทำกำไรสะสมได้สูงกว่า
ทำอย่างนี้ ให้คุณประสบความสำเร็จ
1.หาความรู้ในการเทรดและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
คุณอาจหาอ่านบทความ วิธีการเทรด กลยุทธ์ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อเป็นการเพิ่มความรู้ของตัวเองไปเรื่อย ๆ ถ้าคุณมีงบประมาณมากหน่อยก็ลองซื้อหนังสือหุ้นที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมาอ่านสักเล่ม
2.ต้องฝึกฝน ฝึกฝน! ! เพื่อประสบการณ์การเทรดที่ดีขึ้น
การฝึกฝนเท่านั้นจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด ลองฝึกประสบการณ์เทรดผ่านบัญชีทดลองเทรดฟรีของ Mitrade ไปเรื่อย ๆ พอทำความคุ้นชินกับตลาดแล้วลองเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์เลยเพื่อเทรดในตลาดจริง
3.ไม่ใส่อารมณ์
การเทรดแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องมีอารมณ์ความโลภ คุณควรจัดการกับความรู้สึกอารมณ์นี้ให้ได้พยายามอย่าเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้งของทุกอย่าง ควรดูปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
4.ความสม่ำเสมอ
อย่างที่บอกว่าไม่มีนักเทรดคนไหนจะเข้าทำกำไรได้อยู่เสมอ ในเมื่อวันนี้ผิดพลาดขาดทุน แต่โอกาสของวันถัดไปก็ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตามควรใช้เงินเย็นลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากการเทรด
5.เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม
สุดท้ายนี้สิ่งสำคัญไม่ว่าคุณจะเลือดเทรดโบรกเกอร์ไหนก็ตาม ควรเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือมีชื่อหน่วยงานรับรองถูกกฎหมาย และบริการหลังการซื้อขายก็มีความสำคัญ
สรุป การเทรดคืออะไร
สุดท้ายแล้วมีหลายวิธีที่สามารถทำกำไรได้จากการเทรด แต่นักเทรดเองก็ต้องหมั่นหาความรู้ใส่ตัวเองอยู่เสมอ เพราะการเทรดนั้นอ้างอิงจากราคาสินทรัพย์ เหตุการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก และไม่มีใครรู้ว่าวันไหนราคาจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง วิธีที่คุณเลือกขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล การยอมรับความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุนของนักเทรดเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรทำความเข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของแต่ละวิธีก่อนตัดสินใจลงทุน
การเทรดคืออะไร-คำถามที่พบบ่อย
1.คุณสามารถเทรดได้ด้วยวิธีใดบ้าง
ตอบ คุณสามารถเทรดผ่านผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ เช่น CFD ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรในราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง คุณต้องเปิดตำแหน่งโดยใช้มาร์จิ้น (เช่น เทรดโดยใช้เลเวอเรจ) ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของคุณ เนื่องจากกำไรและขาดทุนของคุณจะขึ้นอยู่กับขนาดเต็มของตำแหน่งของคุณ ไม่ใช่เงินฝากที่ใช้ในการเปิด ซึ่งหมายความว่า คุณอาจสูญเสียมากกว่าเงินที่จ่ายไปในตอนแรก นี่คือเหตุผลว่าทำไมการดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงของคุณจึงสำคัญมาก
2.จุดประสงค์ในการเทรดของคุณคืออะไร
ตอบ การเทรดที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ เช่น การซื้อและขายหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ คู่สกุลเงิน หรือตราสารอื่น ๆ เป้าหมายคือการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าการลงทุนแบบซื้อและถือครองไว้ในขณะที่นักลงทุนอาจพอใจกับผลตอบแทนต่อปีที่ 10% ถึง 15% นักเทรดอาจแสวงหาผลตอบแทน 10% ในแต่ละเดือน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน