หุ้นกับ Forex แตกต่างกันอย่างไร เทรดหุ้นหรือเทรด Forex อันไหนดีกว่ากัน
หุ้นกับ Forex อันไหนน่าเล่นกว่ากัน? เทรดหุ้นดีกว่าเทรด Forex ไหม? ฉันควรเทรดหุ้นหรือ Forex ดี? เ ทรดหุ้นกับ Forex อันไหนเล่นง่ายกว่ากัน? เทรดหุ้นกับเทรด Forex อันไหนเสี่ยงมากกว่ากัน?... คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่พบบ่อยมากสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
ในการจะเลือกว่าจะเทรด หุ้นหรือ Forex นั้นมักจะลงมาสู่การเรียนรู้ในจุดที่ว่าสไตล์การเทรดแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน อย่างไรก็ดี การรู้ความเหมือนความต่างระหว่างหุ้นและ Forex จะช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถทำการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของสภาวะของตลาด สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายได้ เป็นต้น
5 อันดับความแตกต่างระหว่างหุ้นกับ Forex
ตารางด้านล่างนี้คือการสรุปความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่างตลาดหุ้น และ ตลาด Forex(ฟอเร็กซ์)
ตลาด Forex | ตลาดหุ้น |
ปริมาณการซื้อขายมาก - ประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน | ปริมาณการซื้อขายน้อย - ประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน |
สภาพคล่องสูง | สภาพคล่องต่ำ |
ตลาด 24 ชั่วโมง | ตลาด 4-8 ชั่วโมง |
เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง | เทรดได้ในขาขึ้นอย่างเดียว |
เทรดด้วยเลเวอเรจ | ไม่มีเลเวอเรจ |
เหมาะกับการเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่า | เหมาะกับการเทรดในระยะยาวมากกว่า |
ลองมาดูในเชิงลึกกันให้มากกว่านี้ถึงความแตกต่างระหว่างตลาด Forex และหุ้นอย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไร
1. ปริมาณการซื้อขาย
ความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและ Forex ที่ใหญ่มากอย่างหนึ่งคือ ขนาดของตลาด Forex ที่แท้จริง Forex มีปริมาณการซื้อขายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน ด้วยคู่สกุลเงินการซื้อขายที่ได้รับความสนใจอย่างมากซึ่งได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ AUD/USD ตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขายปริมาณเงินดอลลาร์ที่มากกว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นของตลาดโลกที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน
การมีปริมาณการซื้อขายที่มากมายขนาดนี้สามารถทำให้เทรดเดอร์ได้ผลประโยชน์มากขึ้น ปริมาณการซื้อขายที่สูงหมายถึง เทรดเดอร์สามารถที่จะดำเนินการคำสั่งซื้อที่ง่ายกว่าและสามารถปิดการขายได้ด้วยราคาที่เทรดเดอร์ต้องการ ในขณะที่ตลาดทั้งหมดมีแนวโน้มของช่องว่างต่างๆมากกว่า ในการมีสภาพคล่องที่มากกว่าในจุดกำหนดราคาแต่ละจุดก็จะทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าและออกจากตลาดได้ดีกว่า
2. สภาพคล่อง
ตลาดที่มีการซื้อขายในปริมาณการซื้อขายที่สูงนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีสภาพคล่องที่สูงเช่นกัน สภาพคล่องจึงนำไปสู่สเปรดที่แน่นขึ้นและลดต้นทุนการทำธุรกรรมอีกด้วย คู่สกุลเงินของ Forex โดยทั่วไปมักมีเปรดที่ต่ำรวมทั้งต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้น และนี่คือหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของการเทรดระหว่างตลาด Forex และการเทรดในตลาดหุ้น
3. เวลาซื้อขาย
ตลาดForex เป็นตลาดประเภท OTC (Over the Counter) หมายความว่ามันไม่ได้ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม ตลาดForex จะเปิดให้ซื้อขายได้ตลอด24ชั่วโมง การเทรด Forex ถูกอำนวยความสะดวกมากขึ้นผ่านตลาดระหว่างธนาคาร ซึ่งหมายความว่าการเทรดนั้นสามารถทำได้ทั่วทุกมุมโลกในระหว่างเวลาทำการของแต่ละประเทศและช่วงเวลาของการเทรด ดังนั้น เทรดเดอร์ Forex จึงสามารถเข้าถึงการเทรดได้อย่างสมจริง 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ในทางกลับกัน ดัชนีหุ้นสำคัญเทรดในเวลาที่ต่างกันและได้รับผลกระทบจากตัวแปรที่แตกต่างกัน
4. ระยะเวลาการซื้อขาย
การเทรด Forex เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่าเนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง การดำเนินคำสั่งรวดเร็วและการชำระราคา T+0 ขณะที่การซื้อขายหุ้นจะมีสภาพคล่องต่ำกว่าและการชำระราคา T+2 ทำให้การซื้อขายหุ้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การลงทุนในระยะยาวมากกว่า
5. วิธีการทำกำไร
การเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่การเทรดหุ้นจะสามารถทำกำไรได้ในกรณีที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างเดียว
6. โอกาสในการขยายกำไร
ข้อที่น่าดึงดุดใจที่สุดของการเทรด Forex ก็คือการเทรดด้วยเลเวอเรจและมาร์จิ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสขยายขอบเขตการทำกำไรได้ด้วยเงินทุนน้อย ใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการเทรดหุ้นที่ต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวนและไม่สามารถขยายกำไรได้ แต่การใช้เลเวอเรจก็มีข้อเสียด้วยเพราะเลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ในขณะที่สามารถขยายกำไรได้ก็สามารถขยายขาดทุนได้เช่นกันเมื่อกราฟไปที่ทิศทางตรงกันข้าม
คุณควรเทรดหุ้นหรือ Forex ดี?
ไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดกับ Forex หรือ หุ้นนั้นก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณและสไตล์การเทรดที่คุณชื่นชอบ หากคุณมีความคาดหวังว่าจะเก็งกำไรเป็นก้อนใหญ่ในระยะสั้นและรับความเสี่ยงที่สูงได้ คุณจะเหมาะกับการเทรด Forex มากกว่า ขณะที่คุณเป็นคนหนึ่งที่มีเงินทุนจำนวนมากและอยากจะถือครองสินทรัพย์ยาวๆ อยากมีสิทธ์ในการออกเสี่ยงและมีเงินปันผล คุณจะเหมาะกับการเทรดหุ้นมากกว่า
หลังจากเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Forex และหุ้นแล้ว นักลงทุนสามารถเลือกตามความต้องการของคุณได้เลย
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน