Passive Income คืออะไร
จะดีแค่ไหนถ้าเราได้นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วมีเงินงอกเงยอยู่ตลอดเวลา นี่ไม่ใช่โฆษณาขายฝัน คุณแค่ต้องรู้ว่า Passive Income คืออะไร สิ่งนี้ทำงานอย่างไรและเราจะสร้าง Passive Income นี้ขึ้นมาได้อย่างไร และนี่คือบทความที่จะพาคุณไปรู้จั กกับ Passive Income ที่จะบอกถึงความแตกต่างระหว่าง Passive Income กับรายได้ประเภทอื่น ๆ รวมถึง 8 ไอเดียสร้าง Passive Income สำหรับปีนี้เพื่อเป็นตัวเลือกในการสร้างรายได้โดยไม่ต้องออกแรง
Passive Income คืออะไร
Passive income คือ กระแสเงินสดจ่ายออกมาเป็นรายได้อย่างสม่ำเสมอโดยที่เราไม่ต้องอะไร เช่น การให้เช่าบ้านสร้าง passive income ได้จากค่าเช่าที่มีการจ่ายเป็นงวด ๆ ตลอดเวลาที่มีการเช่า หรือ หุ้นปันผลที่มีการจ่าย passive income ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นงวด ๆ ตลอดเวลาที่มีการถือหุ้นนั้นไว้
การสร้างรายได้แบบ passive income มักเกิดจากการถือสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น ลิขสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้อย่าง รูปภาพ ebook เพลง หรือ มีความเป็นเจ้าของในสิ นทรัพย์ที่จับต้องได้อย่าง เงินสด หุ้น หรือ อสังหาริมทรัพย์ แล้วนำสินทรัพย์เหล่านั้นไปสร้างเป็นรายได้ต่อโดยที่ไม่ต้องลงแรงเพิ่ม
ประเภทของรายได้ Active Income vs Passive Income vs Portfolio Income
นอกจาก Passive Income แล้ว บางครั้งเรายังได้ยิน Active Income และ Portfolio Income อีกด้วย ซึ่งทั้ง 3 คำนี้เป็นประเภทของรายได้ที่เราสามารถสร้างได้และมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ดังนี้
Active income
คือ รายได้ที่มาจากการทำงานแล้วได้มา ไม่ว่าจะเป็นงานชั่วคราว เช่น รับจ้างทำความสะอาด รับจ้างเลี้ยงเด็ก หรือเงินเดือนจากการทำงาน ซึ่งจะจ่ายออกมาเมื่อมีการทำงาน และจะหยุดได้เมื่อไม่ได้ทำงานแล้ว ดังนั้นเพื่อให้ได้รายได้ในส่วนนี้มาเราต้องทำงานอยู่ตลอด
Passive Income
คือ รายได้ที่รับเข้ามาโดยที่ไม่ต้องทำงานหรือลงแรง ซึ่งต่างจาก Active income คือ แม้เราไม่ได้ทำงานหรือออกแรงก็สามารถได้รับรายได้ส่วนนี้ได้ ทำให้เป็นตัวเลือกในการสร้างรายได้ควบคู่กับ Active Income ได้โดยไม่ขัดแย้งกัน
Portfolio Income
เป็นรายได้ที่ได้จากการลงทุนในลักษณะที่ได้ครั้งเดียวเมื่อมีการซื้อขาย แต่สามารถทำซ้ำได้ เช่น ส่วนต่างราคาขายหุ้น กำไรจากการซื้อขายหน่วยลงทุน ซึ่ง Portfolio Income ไม่ถือเป็น Passive income เพราะยังต้องมีการวางแผนเฝ้าดูแลพอร์ต แต่ผลตอบแทนส่วนเพิ่มเช่นเงินปันผลสามารถนับเป็น Passive income ได้
ตัวอย่าง Active Income และ Passive Income ที่คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน
Active Income | Passive Income |
การรับจ้างถ่ายภาพ | การขายภาพบน Shutterstock |
การเขียนต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์ | การเขียน ebook ขายบน Amazon |
การเป็นโปรแกรมเมอร์ให้บริษัท | การเขียน pattern โค้ดขายเอง |
การเปิดหน้าร้านขายของ | การให้เช่าพื้นที่บนบล็อก/เพจเพื่อโฆษณา |
รายได้ทั้งสามประเภทเป็นทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่ง ที่สองอย่างหลังมักไม่ได้รับความสนใจ แต่เป็นตัวช่วยที่ดีเพื่อบรรลุเป้าหมายความมั่งคั่งของแต่ละคนได้เร็วขึ้น
8 ไอเดียสร้าง Passive Income ที่ใครก็ทำได้
1. สร้างผลงานลิขสิทธิ์
ผลงานลิขสิทธิ์ เช่น หนังสือ เพลง เท็มเพลต รูปภาพ/รูปวาด สามารถนำมาใช้ในการสร้าง Passive Income ได้ด้วยการอาศัยเทคโนโลยีในการทำซ้ำแบบไม่มีต้นทุนผ่านแพลตฟอร์มขายสินค้าลิขสิทธิ์เหล่านั้น เช่น Shutterstock/ Adobe Stock สำหรับการลงขายภาพถ่าย/ภาพวาด, หรือ Amazon/MEB/Ookbee สำหรับขายหนังสือ E-Book/ Audio Book, Canva สำหรับลงขายเท็มเพลตงานดิจิทัลต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการทำคลิปลงใน Youtube/Facebook ก็สามารถสร้าง Passive Income จากยอดผู้เข้าชมคลิปได้เช่นกัน
▲ ข้อดี
สร้าง Passive Income ได้โดยไม่ต้องมีเงินทุนตั้งต้น
สามารถเลือกสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายตามความถนัดไม่ว่าจะเป็นการวาดเขียนหรือถ่ายรูป
เป็นการสร้างผลงานครั้งเดียวแต่กลายเป็น Passive Income ไปได้อีกเป็นระยะเวลายาวนาน
※ ข้อควรคำนึงถึง
การลงขายผลงานดิจิทัลกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะมีเงื่อนไขการจ่ายส่วนแบ่งผลกำไรที่จะมีการหักค่าบริการและตัวกลางออกไปและจ่ายให้กับผู้สร้างเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
2. เงินฝากประจำ
การฝากประจำเป็นการสร้าง Passive Income จากดอกเบี้ยที่มีการจ่ายออกมาตามระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นการสร้าง Passive Income แบบคลาสสิคที่เรารู้จักกันมานานและไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อน เพียงแค่เลือกระยะเวลาที่ต้องการฝากเงินไว้กับธนาคารที่เลือก เมื่อครบกำหนดระยะเวลา เช่น ครึ่งปีหรือหนึ่งปี ธนาคารก็จะจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด
▲ ข้อดี
เป็นการสร้าง Passive Income ที่ไม่ต้องลงแรงเลย
มีความเสี่ยงต่ำและให้ Passive Income ที่แน่นอนตรงเวลา คาดดำนวณก่อนล่วงหน้าได้
※ ข้อควรคำนึงถึง
ต้องอาศัยเงินลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คาดหวัง เนื่องจากมีการจ่ายผลตอบแทน(ดอกเบี้ย) ในอัตราที่ค่อนข้างน้อยกว่าการลงทุนวิธีอื่น
มีความเสี่ยงจากการการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อาจทำให้มีการจ่ายผลตอบแทนที่เป็น Passive Income มากขึ้นหรือลดลงก็ได้ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
มีการหักภาษีดอกเบี้ย 15% ณ ที่จ่ายสำหรับบุคคลธรรมดาและมีสิทธิเลือกไม่นำไปรวมภาษีเงินได้ปลายปี
3. ซื้อพันธบัตร/หุ้นกู้
การซื้อพันธบัตรหรือหุ้นกู้เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนได้ค่อนข้างแน่นอน สามารถจ่ายกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยที่ตราไว้หน้าตั๋ว (Coupon Rate) ได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันไปตามเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้ หากเป็นรัฐบาลที่มีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ต่ำจะให้ดอกเบี้ยน้อยกว่าหุ้นกู้ที่ออกโดยเอกชนที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้นมา ซึ่งการเลือกลงทุนประเภทนี้ควรคำนึงถึงฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้เป็นสำคัญ
▲ ข้อดี
สร้าง Passive Income ได้โดยไม่ต้องลงแรงเลย
ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากประจำ
※ ข้อควรคำนึงถึง
ต้องอาศัยเงินทุนตั้งต้นจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ต้องการ
ดอกเบี้ยหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% สำหรับบุคคลธรรมดาและมีสิทธิเลือกไม่นำไปรวมภาษีเงินได้ปลายปี
มีความเสี่ยงจากเครดิตผู้ออกหุ้นกู้ที่ในกรณีแย่สุดอาจไม่สามารถชำระดอกเบี้ยรวมถึงเงินต้นคืนได้
4. ซื้อประกันสะสมทรัพย์
อีกหนึ่งรูปแบบการออมที่สามารถสร้าง Passive Income ไปพร้อมกับประโยชน์ด้านประกันไปด้วยในตัว โดยเราสามารถจ่ายเบี้ยประกันเพื่อไปสะสมเป็นเงินต้นแล้วจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ยในวันครบกำหนดอายุ โดยบริษัทประกันมักให้ดอกเบี้ยที่ราว 2 – 3% ต่อปี และกลายเป็น Passive Income ที่จ่ายครั้งเดียวตอนไถ่ถอน
▲ ข้อดี
สร้าง Passive Income ได้โดยไม่ต้องลงแรงเลย
ให้ผลประโยชน์ด้าน Passive Income มาพร้อมกับประโยชน์ในด้านการประกันชีวิต
รายได้ส่วนนี้ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เหมือนเงินฝาก และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
※ ข้อควรคำนึงถึง
ต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก แต่สามารถแบ่งเป็นการทะยอยรายงวด
ได้ Passive Income เป็นก้อนเดียวเมื่อครบอายุ ไม่ได้มีการทะยอยจ่ายเป็นกระแสเงินสด
5. ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์
การปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งวิธีสร้าง Passive Income ที่เราคุ้นเคยกันดี จากการที่มีอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน คอนโด หรือพื้นที่สำหรับขายของ สามารถนำมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างเป็นกระแสเงินสดที่เป็นรายได้ นอกเหนือไปจากการลงทุนให้ราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นเติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และทำให้เราได้รับ Passive Income จาก ค่าเช่า ที่มีการจ่ายออกมาอย่างสม่ำเสมอ
▲ ข้อดี
สามารถสร้าง Passive Income ได้นอกเหนือไปจากการปล่อยอสังหาริมทรัพย์ที่มีไว้เฉย ๆ
สามารถสร้าง Passive Income ไปพร้อมกับการเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวโดยไม่เสียกรรมสิทธิในทรัพย์สินนั้น
สามารถสร้างรายได้ได้เร็ว ตั้งแต่เดือนแรกที่มีการเริ่มสัญญาเช่า
※ ข้อควรคำนึงถึง
ต้องมีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ก่อน
รายได้จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้เช่าอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น จึงมีความเสี่ยงที่จะขาดรายได้หากไม่มีผู้เช่า
มีต้นทุนค่าเสื่อมจากการดูแลรักษาอสังหาริมทรัพย์ที่อาจต้องนำมาคิดลดในอนาคต
6. ซื้อหน่วยลงทุน REIT
การซื้อหน่วยลงทุน REIT หรือ Real Estate Investment Trust เป็นตัวเลือกในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สร้าง Passive Income ได้จากเงินปันผลที่ทรัสต์สามารถจัดเก็บได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ทรัสต์ถืออยู่ ด้วยวิธีนี้ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income ได้จากอสังหาริมทรัพย์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำนักงาน โรงแรม หรือแม้แต่โครงสร้างพื้นฐาน
▲ ข้อดี
ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก มีการซื้อขายเปลี่ยนมือง่ายเหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป
มีทางเลือกหลากหลายให้เลือกลงทุนในแบบที่นักลงทุนรายบุคคลทั่วไปอาจทำไม่ได้
※ ข้อควรคำนึงถึง
เงินปันผลที่ได้รับต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
มีความเสี่ยงด้านราคาของหน่วยลงทุนที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามภาวะตลาด
7. ซื้อหุ้นปันผล
การซื้อหุ้นเป็นการลงทุนอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยม แต่นอกจาก Portfolio Income ที่จะได้จากการเติบโตของราคาหุ้นแล้ว หากหุ้นนั้นมีปันผลนักลงทุนก็ยังจะสามารถสร้างผลตอบแทนจาก Passive Income ได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นประเภท Devidend Stock หรือหุ้นปันผล ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีกำไรสม่ำเสมอ และสามารถจ่ายปันผลสูงได้อย่างคงเส้นคงวา ก็สามารถทำให้นักลงทุนสามารถสร้าง Passive Income ได้กว่า 6 - 8% ต่อปีทีเดียว (ขึ้นอยู่กับต้นทุนที่เข้าซื้อและจำนวนปันผลที่จ่าย)
▲ ข้อดี
สามารถสร้าง Passive Income ไปพร้อมกับ Portfolio Income ได้
ให้ผลตอบแทนเป็นสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับ Passive Income ที่ได้จากการฝากเงินหรือลงทุนในหุ้นกู้
มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ง่ายใน Exchange
※ ข้อควรคำนึงถึง
มีความเสี่ยงด้านราคาหุ้นที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามภาวะตลาด โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตที่ราคาอาจปรับลดจนทำให้ขาดทุนเงินต้นได้
เงินปันผลที่ได้รับต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
8. Staking เงินคริปโท
ถือเป็นน้องใหม่สำหรับวงการการเงินการลงทุนเลยสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่ก็มีทางเลือกสำหรับการสร้าง Passive Income สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดนอกเหนือไปจาก Portfolio Income ที่มีการถือเหรียญอยู่ โดยนักลงทุนสามารถนำเหรียญคริปโทที่มีอยู่ไปฝากไว้กับ Pool ต่าง ๆ ที่เปิดให้มีการ Stake เหรียญตามผลตอบแทนที่กำหนดไว้ ซึ่งมีตั้งแต่ 3-5 % ขึ้นไปถึงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดีผลตอบแทนที่สูงนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงที่นักลงทุนจะต้องสูญเสียเงินต้นหากผู้รับฝากเหรียญนั้นไม่มีเครดิตที่ดีพอ
▲ ข้อดี
ให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับ Passive Income ประเภทอื่น ๆ
มีการซื้อขายได้ง่ายบนแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ
เป็นทางเลือกในการสร้าง Passive Income ไปพร้อมกับ Portfolio Income
※ ข้อควรคำนึงถึง
เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่นักลงทุนอาจสูญเสียเงินต้นทั้งหมดได้
ยังมีกฎระเบียบไม่ชัดเจนเรื่องภาษีจากผลตอบแทนที่เกิดขึ้น
ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในระดับสูงและไม่เหมาะกับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน
สรุป
การสร้าง Passive Income คือทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถบรรลุเป้าหมายความมั่งคั่งของตัวเองได้เร็วขึ้นกว่าการเลือกพึ่งพาการสร้างรายได้เพียงจาก Earned Income หรือ Portfolio Income ซึ่งช่องทางการสร้าง Passive Income ในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลาย มีตั้งแต่ไม่ต้องใช้เงินต้นสำหรับเริ่มต้นลงทุนเลย ไปจนถึงการลงทุนด้วยเงินทุนที่อาศัยความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งแต่ละคนก็สามารถเลือกไอเดียที่เหมาะกับข้อจำกัดของตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเลียนแบบหรือมีสูตรความมั่งคั่งที่เหมือนกันคนอื่นเลย
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน