ตราสารทุน คืออะไร? ตราสารทุน ตราสารหนี้ และหุ้น ต่างกันอย่างไร
การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ตราสารทุนเองเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น และอยากได้ความเป็นเจ้าของในตราสารทุนนั้นๆ ดังนั้นบทความนี้จะมารู้จักให้มากขึ้นกับการเลือกตราสารทุนจาก ประเภทต่างๆที่ช่วยให้นักลงทุนรู้จักและเข้าใจความเหมาะสมแต่ละตราสารทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่ในข ณะเดียวกันอย่าลืมศึกษาความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารทุนเช่นกัน
ตราสารทุน คืออะไร? มีอะไรบ้าง
ตราสารทุน (Equity) คือ ตราสารที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการในฐานะผู้ถือหุ้น การลงทุนในตราสารทุนนี้ จะมีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เพราะสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินของกิจการในกรณีที่เกิดการล้มละลายจะอยู่หลังเจ้าหนี้ การลงทุนของตราสารทุนนั้น เราต้องมีความมั่นใจว่าธุรกิจที่เราจะเลือกลงทุนนั้นมีความมั่นคง มีโอกาสที่จะเติบโตและมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เราก็ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจที่เราสนใจอยากจะลงทุนถึงแม้ว่าบางอย่างอาจไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก แต่ยังไงเราก็ต้องอยากเห็นธุรกิจของเรามีความเติบโตเป็นธรรมดาแน่นอน
หุ้นสามัญ (Common stock) คือตราสารที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการ มีสิทธิได้รับเงินปันผลจากกำไรจากการดำเนินงาน มีสิทธิร่วมในตัดสินใจการดำเนินงานของกิจการผ่านการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น หากบริษัทเลิกกิจการผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับเงินคืนทุนภายหลังเจ้าหนี้ และ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ
หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred stock) คือตราสารที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการโดยมีสิทธิได้รับเงินปันผล ในอัตราที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไข โดยทั่วไปผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น แต่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญหากบริษัทเลิกกิจการ
และยังมี ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) เป็นต้น โดยได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล หรือส่วนต่างราคากรณีขายต่อนักลงทุนอื่น โดยกิจการจะออกตราสารขายแก่นักลงทุนเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ
ตลาดตราสารทุน คืออะไร ?
หมายถึงแหล่งกลางที่ใช้ในการระดมทุนของกิจการแก่นักลงทุนที่สนใจตราสารทุนที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นไป แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ตลาดแรก ( Primary Market )
จะเป็นตลาดสำหรับกิจการที่สร้างตราสารออกสู่ตลาดเพื่อระดมทุนจากนักลงทุนโดยตรง จะเป็นตราสารที่ออกขายใหม่ หรือตราสารที่นำออกขายในตลาดเป็นครั้งแรก แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
การเสนอขายแก่บุคคลวงในจำกัด เรียกว่า Private Placement ( PP ) ซึ่งกิจการที่ออกตราสาร สามารถเสนอขายได้ 2 แบบ คือ แบบเสนอขายแก่นักลงทุนเฉพาะรายไม่เกิน 35 คน ในระยะเวลา 12 เดือน และแบบเสนอขายแก่สถาบัน (เป็นไปตามระเบียบที่ กลต. กำหนดไว้)
การเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป เรียกว่า Public Offering (PO ) ซึ่งกิจการที่ออกตราสาร จะต้องได้รับอนุมัติตามขบวนการขั้นตอนตามที่ กลต. ระบุไว้ก่อนจะออกขายในตลาด
ที่มา www.set.or.th
2.ตลาดรอง (Secondary Market)
จะเป็นตลาดสำหรับตราสารที่มีการออกจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว เสมือนเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือของผู้ถือครอง เป็นการหมุนเวียนอยู่ในระบบ ซึ่งจะมีหน่วยงาน ก.ล.ต. เป็นผู้กํากับภาพรวม และมีหน่วยงานตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแลการซื้อขายในตลาดรอง แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกว่า The Stock Exchange of Thailand (SET) จะเป็นตลาดรองของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีทุนชำระ ตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เรียกว่า Market for Alternative Investment (Mai) จะเป็นตลาดรองสำหรับธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก ที่มีทุนชำระ ตั้งแต่ 20 ล้านขึ้นไป
ตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายทํา ธุรกรรมกันเองโดยตรง (Over-the-Counter)
ที่มา Streaming
ตราสารทุนสินทรัพย์ร่วมภายใต้ตราสารทุน
"ตราสารทุนสินทรัพย์ร่วม" หรือ "ตราสารทุนสินทรัพย์ร่วมภายใต้ตราสารทุน" (Mutual Fund Securities) หมายถึง การลงทุนที่ผสมกันจากนักลงทุนหลาย ๆ คน เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและมีการจัดการโดยผู้ดูแลกองทุน (Fund Manager) ที่เป็นผู้ที่มีความชำนาญในการจัดการการลงทุน
ตราสารทุนสินทรัพย์ร่วมจะรวมเงินลงทุนจากนักลงทุนหลาย ๆ คนและใช้เงินทุนนั้นเพื่อลงทุนในตลาดหลากหลายประเภท เช่น หุ้น, พันธบัตร, หรือตราสารอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุน. นักลงทุนทุกรายมีหนึ่งจำนวนหน่วยลงทุน (Unit) ที่แสดงถึงส่วนแบ่งของกองทุนที่ตนเองเป็นเจ้าของ. มูลค่าของหน่วยลงทุนจะขึ้นอยู่กับมูลค่ารวมของทรัพย์สินทั้งหมดในกองทุน
ข้อดีของตราสารทุนสินทรัพย์ร่วมช่วยให้มีความได้เปรียบที่นักลงทุนที่ไม่มีความชำนาญหรือไม่มีเวลาติดตามตลาดได้ โดยมีผู้จัดการกองทุนที่ดูแลและจัดการการลงทุนในแต่ละกองทุน. การลงทุนในตราสารทุนสินทรัพย์ร่วมช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ประโยชน์ของการลงทุนในตราสารทุน
นักลงทุนที่เลือกลงทุนในตราสารทุนมีหลายประโยชน์ที่นักลงทุนสามารถคาดหวังได้ดังต่อไปนี้
ตราสารทุนมักมีผู้จัดการกองทุนที่มีความชำนาญในการเลือกทรัพย์สินและจัดการพอร์ตการลงทุน. นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญนี้โดยไม่ต้องมีความรู้ลึกเกี่ยวกับตลาดทุน
ตราสารทุนสามารถลงทุนในหลายประเภท เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น รวมไปถึง DW หรือ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant)
เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทน
การลงทุนในตราสารทุนทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้โดยไม่ต้องเข้าใจหรือติดตามตลาดทุนอย่างละเอียด และมีความสะดวกสบายมากขึ้น.
การลงทุนในตราสารทุนมีความเสี่ยงที่มีค่าน้อยกว่าการลงทุนโดยตรงในหลายทรัพย์สิน. การกระจายความเสี่ยงนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในทรัพย์สินบางประการ
นักลงทุนสามารถได้รับปันผลจากการลงทุนในรูปแบบของเงินปันผลประจำปีหรือปันผลที่จ่ายเป็นรายวัน
ความเสี่ยงกับการลงทุนในตราสารทุน
ความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นบุริมสิทธิ ได้แก่ ความเปลี่ยนแปลงด้านราคาที่อาจจะเคลื่อนที่ไปฝั่งตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์หรือลงทุนไว้
ความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นสามัญ ได้แก่ ความเสี่ยงจากการทำธุรกิจ ความเสี่ยงจากบริษัทผู้ออกตราสารทุนและด้านราคา
และอื่นๆอีกเช่น ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล, ความเสี่ยงของหนี้, และปัญหาทางกฎหมายหรือบริษัทอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการลงทุน. ยังรวมถึงภาพใหญ่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ, การเมือง, หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจมีผลกระทบต่อตลาดการลงทุน
ตราสารทุน ตราสารหนี้ และ หุ้น ต่างกันอย่างไร
หลังจากพวกเรารู้จักข้อมูลของตราสารทุนกันแล้ว มารู้จักตราสารทุนและหุ้นกันบ้าง จะได้เปรียบเทียบให้เห็นข้อแตกต่าง
ตราสารหนี้ เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้สิทธิการเป็นเจ้าหนี้ แก่ผู้ลงทุน อีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุนที่ไม่ชอบเสี่ยงสูง แต่ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของคุณได้ด้วย ซึ่งผลตอบแทนจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุของตราสารหนี้ รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ แบ่งเป็น ตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกโดยกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งผลตอบแทนจะไม่สูงเมื่อเทียบกับ ตราสารหนี้ภาคเอกชน เช่น ตั๋วแลกเงิน, หุ้นกู้ ที่จะให้ผลตอบแทนที่สูง
หุ้น คือเอกสารทุนที่แสดงถึงสิทธิทางการเงินและสิทธิทางธุรกิจในบริษัท หุ้นถือเป็นหนึ่งในวิธีที่บริษัทระดมทุนหรือเงินทุนจากสาธารณะเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจหรือการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของบริษัท. โดยทั่วไป, หุ้นถูกแบ่งออกเป็นหน่วยหลักๆ ที่เรียกว่า "หน่วยหุ้น" (shares) และนักลงทุนที่ซื้อหน่วยหุ้นกลายเป็นเจ้าของบริษัทตามสัดส่วนของหน่วยหุ้นที่เข้าถึงไป
ประเภทของตราสาร | ความเป็นเจ้าของ | ความเสี่ยง | ผลตอบแทน | ตัวอย่าง |
ตราสารทุน | เจ้าของกิจการ | ปานกลาง-สูง | สูง | หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นสามัญ,วอแรนท์ |
ตราสารหนี้ | เจ้าหนี้ | ต่ำ | ต่ำ แต่สม่ำเสมอ | พันธบัตร หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน |
หุ้น | เจ้าของกิจการ | ปานกลาง-สูง | สูง (เงินปันผล) | หุ้น(หน่วย) |
ตารางแสดงเปรียบเทียบประเภทของตราสาร
จะเห็นว่านักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามประเภทของตราสารที่แหมาะสมกับความเสี่ยงและความคาดหวังสำหรับผลตอบแทน เพื่อให้การลงทุนสามารถตรงตรามวัตถุประสงค์ได้ดีที่สุด ถ้าอยากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ความเสี่ยงปานกลางแลมีความเป็นเจ้าของด้วย ตราสารทุนจะเป็นสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์นักลงทุนมากที่สุด และอย่าลืมประเมินผลการลงทุนในทุกๆ 3-6 เดือนเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย
ข้อแตกต่างระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ที่เด่นชัดที่สุดมีอะไรบ้าง
ความเสี่ยงและการตอบแทน
ตราสารทุน ผู้ถือหุ้นมีสิทธิในการรับประโยชน์จากกำไรของบริษัทในรูปแบบของเงินปันผลและมีสิทธิทางการควบคุมในการตัดสินใจของบริษัท. การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น, โดยราคาหุ้นสามารถขึ้นหรือลงได้ตามตลาด
ตราสารหนี้ ผู้ถือตราสารหนี้คือเจ้าหนี้ของบริษัทหรือรัฐบาลที่ออกตราสาร. ตราสารหนี้มักมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า แต่มูลค่าของตราสารหนี้มักมีความเสถียรมากกว่า
ลักษณะของสัญญา
ตราสารทุน ผู้ถือหุ้นไม่ได้มีสัญญาทางการเงินกับบริษัทเหมือนกับตราสารหนี้. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นและบริษัทมีลักษณะทางธุรกิจและการควบคุมทางธุรกิจ
ตราสารหนี้ ผู้ถือตราสารหนี้มีสัญญาทางการเงินกับผู้ออกตราสาร, ซึ่งมีข้อตกลงเกี่ยวกับการชำระเงินกลับ (รอบการชำระ, อัตราดอกเบี้ย, และเงื่อนไขอื่น ๆ)
ลักษณะการชำระเงิน
ตราสารทุน ผู้ถือหุ้นไม่มีสิทธิในการรับเงินตอบแทนจากบริษัทตราสารทุน. กำไรจะถูกแจกจ่ายในรูปแบบของเงินปันผลหรือเพิ่มมูลค่าหุ้น
ตราสารหนี้ ผู้ถือตราสารหนี้มีสิทธิในการรับดอกเบี้ยหรือเงินตอบแทนตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
สรุป
การลงทุนของตราสารทุนนั้น เราต้องมีความมั่นใจว่าธุรกิจที่เราจะเลือกลงทุนนั้นมีความมั่นคง มีโอกาสที่จะเติบโตและมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เราก็ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจที่เราสนใจอยากจะลงทุน ถึงแม้ว่าบางอย่างอาจไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก แต่ยังไงเราก็ต้องอยากเห็นธุรกิจของเรามีความเติบโตเป็นธรรมดาแน่นอน
1.วิธีการเลือกลงทุนในตราสารทุน มีข้อแนะนำอย่างไรบ้าง
2.ทำไมนักลงทุนจึงควรลงทุนในตราสารทุน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน