Bid offer คืออะไร วิธีดู Bid offer? ความแตกต่างระหว่าง Bid และ Offer
Bid คือ ราคาเสนอซื้อและ offer คือราคาเสนอขายที่กำหนดโดยตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการกำหนดโดยการตัดสินใจซื้อและขายจริงของบุคคลและสถาบันที่ลงทุนในหลักทรัพย์นั้น หากอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาเสนอซื้อและราคาขายจะค่อย ๆ ขยับขึ้น ในทางกลับกัน หากอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายจะลดลงมา โดยตัวเลขการเปลี่ยนแปลงนี้มีประโยชน์สำหรับการเทรดหุ้นและหลักทรัพย์ทางการเงินอย่างมาก ดังนั้น ในบทความนี้จะอธิบายให้มือใหม่เข้าใจได้ง่าย ๆ
Bid คืออะไร?
Bid หรื อ ราคาเสนอซื้อ หมายถึงราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อสินค้ายินดีจ่าย การเสนอราคาแสดงถึงความต้องการของผู้ซื้อดังนั้นยิ่งมีความต้องการสินค้ามาก ราคา Bid ก็จะยิ่งสูงขึ้น โดยราคาเสนอซื้อจะต่ำกว่าราคาเสนอซื้อเสมอ เหตุผลเบื้องหลังของราคาก็คือผู้ซื้อมักต้องการซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาเสนอซื้อเริ่มต้นเสมอ การเสนอราคา Bid ทำได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านนายหน้าหรือโบรกเกอร์โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องสองฝ่าย ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการขายหุ้น เขาหรือเธอจะต้องกำหนดจำนวนเงินที่มีคนยินดีจ่ายสำหรับหุ้นนั้น
Offer คืออะไร?
Offer คือราคาขาย ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ผู้ข ายเต็มใจขายหลักทรัพย์ให้ โดยที่นักลงทุนจะต้องมีคำสั่งซื้อในตลาดเพื่อซื้อในราคาปัจจุบันและขายในราคาเสนอซื้อปัจจุบัน ราคาเสนอขาย เป็นจำนวนเงินที่ผู้ขายเต็มใจขายหลักทรัพย์ ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการซื้อหุ้น ก็จำเป็นต้องพิจารณาว่ามีคนเต็มใจที่จะขายหุ้นนั้นในราคาเท่าใด โดยดูที่ราคาเสนอขายซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่คนเต็มใจขายหุ้นให้
Bid Offer มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
หากมองจากภาพรวมอาจดูเหมือนว่า Bid Offer หรือ การเสนอการซื้อขายนี้ไม่ค่อยมีความสำคัญมากเท่าไหร่ เพราะอาจใช้สำหรับการดูจำนวนหุ้นว่ามีปริมาณการซื้อขายเท่าไหร่เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวเลขเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเราอย่างมาก อย่างแรกเลยคือเรื่องคำสั่งของตลาดที่จะบอกว่าคำสั่งซื้อขายเพื่อขายหรือซื้อหลักทรัพย์ทันที แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจระบุคำสั่งซื้อขายได้ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันราคาที่แน่นอนได้ เพราะคำสั่งของตลาดจะปิดหรือใกล้เคียงกับราคากับราคา Bid Offer
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อคำสั่งจำกัดหรือ limit order และ คำสั่งหยุดหรือ stop loss ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเทรดหุ้นหรือสสินทรัพย์ทางการเงินได้อย่างมาก ดังนั้นเรื่องของ Bid Offer เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในกระบวนการดำเนินการซื้อขาย และการทำความเข้าใจกลยุทธ์การเทรดแบบ Bid-Ask จะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ชำนาญมากขึ้น
ข้อดีข้อเสียของ Bid Offer
Bid Offer มีทั้งข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Bid
ช่วยในการเสนอราคาที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายสำหรับหลักทรัพย์หรือหุ้นหนึ่ง ๆ
ผู้ขายจะสามารถทราบเกี่ยวกับมูลค่าหลักทรัพย์ที่เขาถืออยู่ เช่น ราคาเสนอซื้อที่สูงกว่าราคา bid บ่งชี้ว่าหุ้นดี อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์จริง ราคา offer จะอยู่เหนือราคา bid เสมอ เนื่องจากความคาดหวังของผู้ขายจากหุ้นนั้นสูงกว่าเสมอ ในขณะที่ผู้ซื้อมักจะเสนอราคาที่ต่ำกว่าสำหรับหุ้นนั้น ๆ
สามารถกำหนดค่าของหลักทรัพย์ที่แท้จริงได้ แม้ว่าความรู้สึกทั่วไปในช่วงตลาดกระทิงยังคงเป็นบวก เนื่องจากผู้ซื้อพร้อมที่จะซื้อในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากรู้ว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่านี้
ในกรณีของตลาดหมี การรับรู้โดยทั่วไปของผู้ซื้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ผู้ขายยินดีที่จะขายหลักทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่า ผู้ซื้อจึงหาผู้ขายได้ง่าย ในขณะที่สภาพตลาดจริงการรับรู้ยังคงต่ำมากจนราคาเสนอซื้อมีแนวโน้มลดลง
ข้อเสียของ Bid
ราคา Bid ต่ำกว่าราคา Offer และบางครั้งก็เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกรรมเนื่องจากผู้ขายไม่เต็มใจที่จะขายหลักทรัพย์ตามที่เสนอในราคาเสนอซื้อ
ไม่สามารถระบุมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์ผ่านราคาเสนอซื้อได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ความกลัวต่อตลาดหมีที่ราคามักจะลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาที่แท้จริงของหุ้นอาจค่อนข้างสูง และผู้ขายถูกบังคับให้ขายหลักทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าเนื่องจากสภาพคล่องมากเกินไป
ในการเทรดแบบใหม่การ Bid จะทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีธุรกรรมเกิดขึ้นนับล้านรายการในแต่ละวัน ดังนั้นจึงไม่สามารถติดต่อผู้ Bid หรือผู้ซื้อได้ จึงทำให้ผู้ขายและผู้ซื้อไม่สามารถพบกันได้
ข้อดีของ Offer
สามารถใช้ ราคา Offer ในตลาดหุ้นและตลาดการเงินเกือบทั้งหมด เช่น ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์สำหรับราคา Offer ในออปชั่น และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่จะตรวจสอบราคา Offer ในฟอเร็กซ์
จากมุมมองของผู้ขายหลักทรัพย์ ราคา Offer จะอธิบายถึงราคาที่ต้องการของผู้ขายหลักทรัพย์ เช่น ราคาต่ำสุดของหุ้นที่ผู้มุ่งหวังจะขายหุ้นนั้นเต็มใจที่จะขายหลักทรัพย์ที่ตนถืออยู่
ข้อเสียของ Offer
ราคา Offer ส่วนใหญ่มีความสำคัญมากกว่าราคาตลาดปัจจุบันของหุ้น ดังนั้นผู้ที่ซื้อหลักทรัพย์จะต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนในการซื้อ
นักลงทุนบางราย โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาใหม่ในตลาด ไม่ทราบเกี่ยวกับราคาเสนอขายและความแตกต่างจากราคาตลาดปัจจุบันของหลักทรัพย์ที่ตนเองต้องการซื้อ อย่างไรก็ตามหากมือใหม่วางคำสั่งซื้อขายในตลาด ก็จะดำเนินการธุรกรรมของนักลงทุนที่ราคาเสนอขาย สามารถสร้างความสับสนของนักลงทุนได้
Bid offer มีเทคนิคการดูอย่างไรบ้าง
Bid offer มีวิธีการดูหลัก ๆ ได้แก่
bid แคบ และ offer แคบ: เป็นการบอกว่ามีเทรนด์แต่ยังไม่มี volume เพราะยังไม่มีคนเข้ามาเทรด ถ้าเห็นว่ามีการซื้อเข้าอยู่ตลอดให้จับตาดูไว้ก่อน และเมื่อมีปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้นก็มีแนวโน้มที่ไปได้อีก
bid แคบ และ offer กว้าง: หากมีการซื้อเกิดขึ้นมาตลอดและยังการเสนอการซื้อขายนี้อยู่ก็เป็นจังหวะที่น่าสนใจ เพราะเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนรายใหญ่เตรียมที่จะวางการเสนอซื้อเพื่อรอจังหวะการยกเลิกการ Offer โดยที่ราคา Offer จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
bid กว้าง แต่ offer แคบ: โดยปกติจะเกิดในช่วงระยะท้าย ๆ ของเทรนด์ หากมีการซื้อเกิดขึ้นตลอดพร้อมกับมีการเสนอซื้อขายนี้ให้ปล่อยผ่านไปได้ ในช่วงนี้จะสังเกตได้ว่าราคาจะไม่ค่อยเคลื่อนไหวเท่าไหร่แล้ว
bid กว้างและ offer กว้าง: อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มี volume สูงที่สุด โดยปกติแล้วหากเกิดที่จุดต้นเทรนด์หรือ break offer ราคาจะพุ่งขึ้นไปได้อีก แต่ถ้าเป็นช่วงปลายเทรนด์ควรหลีกเลี่ยง
ความแตกต่างระหว่าง Bid และ Offer
สำหรับช่วงเวลาหนึ่ง ๆ และเปลี่ยนแปลงตามเวลาจริง ในกรณีของตลาดหุ้น ราคา Bid และ Offer จะเปลี่ยนแปลงทุกวินาทีตามอุปสงค์และอุปทานในปัจจุบัน ดังนั้นตัวเลขเหล่านี้จึงเป็นตัวเลขที่ไม่คงที่ และยังมีสภาพคล่องที่ช่วยในการกำหนดสภาพคล่องทางการเงินได้
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Bid และ Offer อาจกล่าวได้ว่าราคา bid หรือเสนอซื้อหมายถึงราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อหรือผู้ซื้อยินดีจ่าย ราคาเสนอขาย หรือ offer เป็นราคาขั้นต่ำที่ผู้ขายหรือผู้ขายยินดีรับหลักทรัพย์ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคือสเปรด สำหรับการเทรดหรือการทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคาหลักทรัพย์ และยังมีความแตกต่างอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
ราคา Offer | ราคา Bid |
ราคาต่ำสุดที่ผู้ขายพร้อมยอมรับ | ราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อพร้อมที่จะจ่าย |
มักจะมากกว่าราคา Bid | มักจะน้อยกว่าราคา Offer |
หมายถึงการซัพพลายของหลักทรัพย์ | บ่งบอกถึงความต้องการหลักทรัพย์ |
ในกรณีของหุ้น
หากเชื่อว่าราคาคาดว่าจะสูงขึ้น ผู้ซื้อก็จะซื้อหุ้นในราคาที่ตนเชื่อว่าเหมาะสมหรือยุติธรรม ผู้ซื้อต้องการซื้อหุ้นในราคานี้เรียกว่า Bid ในอนาคตเมื่อราคาสูงขึ้นผู้ซื้อจะเปลี่ยนเป็นผู้ขาย ตอนนี้เขาจะเสนอราคาขายที่เขาเชื่อว่าสามารถทำกำไรได้สูงสุด ราคานี้เรียกว่าราคา Offer
จำนวนราคา
อาจมีกรณีที่ผู้ซื้อหลายรายเสนอราคาในจำนวนเงินที่สูงกว่า แต่ก็จะไม่สามารถใช้ได้ในกรณีของราคา Offer ตัวอย่างเช่น ผู้เสนอราคา A พร้อมที่จะจ่าย 5,000 บาทสำหรับสินค้าชิ้นหนึ่ง ในขณะที่ผู้เสนอราคา B เสนอราคา 5,700 บาทสำหรับสินค้าชนิดเดียวกัน ผู้ที่ Bid ทั้งสองรายนี้อาจเจอกับผู้ Bid คนอื่นซึ่งอาจเสนอราคาสูงกว่านี้ ในที่สุด ผู้ที่ Bid ด้วยจำนวนเงินสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ขายเนื่องจากขณะนี้ผู้ซื้อถูกกดดันให้ไปหากัน การเสนอราคาเป็นเรื่องปกติ สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นในกรณีที่มีการขอราคาหรือผู้ขาย
การเรียกชื่อ
ราคา Bid เรียกว่าราคาของผู้ขายเพราะหากขายหุ้นจะได้ราคาเสนอซื้อ หากคุณซื้อหุ้น คุณจะได้ราคาเสนอขาย ส่วนต่างระหว่างสองราคานี้จะตกเป็นของโบรกเกอร์หรือผู้เชี่ยวชาญที่จัดการธุรกรรม
ราคา Bid
สำหรับ ราคา Bid มักจะเสนอราคาต่ำและได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ขายจะไม่ขายในอัตราที่ต่ำกว่า ราคา Offer จะสูงกว่าเสมอ ตัวอย่างเช่น หากราคาOffer ของสินค้าโภคภัณฑ์เฉพาะคือ 2,000 บาทและผู้ซื้อยินดีจ่าย 1,500 บาทสำหรับราคาเดียวกัน ผู้ซื้อจะเสนอราคาเป็นจำนวน 1,000 บาทอาจดูเหมือนการประนีประนอมและทั้งสองฝ่ายจะพบตรงกลางและตกลงราคาที่ทุกฝ่ายต้องการตั้งแต่ต้น
ค่าสเปรด
สเปรดจะเป็นบวกก็ต่อเมื่อราคาเสนอขายมากกว่าราคาเสนอซื้อ สเปรดที่สูงขึ้นแสดงถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างสองราคา ทำให้ยากต่อการสร้างกำไร เนื่องจากผลิตภัณฑ์หรือหลักทรัพย์มักจะถูกซื้อในราคาที่สูงกว่าและขายในราคาที่ต่ำมากเสมอ
ราคา Bid และ Offer จะพิจารณาจากตลาด สิ่งเหล่านี้กำหนดโดยบุคคลและสถาบันที่ลงทุนในหลักทรัพย์ ราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายจะขยับขึ้นหากอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายจะเลื่อนลงหากอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ราคาสเปรดจะกำหนดโดยการความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์โดยรวม หากมีการซื้อขายมากขึ้นก็ทำให้ราคา Bid และ Offer แคบลงและจะกว้างขึ้นเมื่อมีการซื้อขายน้อย
ตัวอย่างราคา Bid และ Offer
สมศักดิ์เป็นนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการซื้อหุ้นของ หลักทรัพย์ A เขาสังเกตว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ หลักทรัพย์ A อยู่ที่ 173 ดอลลาร์ และตัดสินใจซื้อหุ้น 10 หุ้นในราคา 1,730 ดอลลาร์ ท่ามกลางความสับสน เขาสังเกตเห็นว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมาอยู่ที่ 1,731 ดอลลาร์
สมศักดิ์คิดว่าราคานี้ต้องมีข้อผิดพลาดแน่ๆ เขาตระหนักในภายหลังว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่ 173 ดอลลาร์คือราคาของหุ้นที่ซื้อขายล่าสุดของ หลักทรัพย์ A ดังนั้นราคาที่เขาจ่ายคือราคาของ Offer ที่ 173.10 ดอลลาร์
สรุป
Bid offer เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องต่ำ สินทรัพย์บางอย่าง เช่น หุ้นขนาดใหญ่อาจมีอุปสงค์และอุปทานมากจนแทบไม่เห็นสเปรด ขณะที่หลักทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้นขนาดเล็กหรือพันธบัตรบางตัวอาจมีสเปรดที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาสินทรัพย์ที่เห็นได้ชัดเจน
การลงทุนในตลาดหุ้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้ให้กับนักลงทุน ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในตลาดสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาการศึกษาในการทำความเข้าใจและเชี่ยวชาญในตลาดการลงทุนของคุณ
1.ราคา Bid เป็นราคาสุดท้ายในการทำธุรกรรมหรือไม่?
2.ราคา Offer สามารถสูงกว่าราคา Bid ได้หรือไม่?
3.ทำไมราคา Bid Offer จึงแตกต่างกันมาก?
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน