พอร์ตการลงทุน : วิธีจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับมือใหม่ในปี 2023
นอกจากการคิดวางแผนไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆสิ่งที่แล้วนักลงทุนจะได้ต้องพิจารณาไม่แพ้กันคือเรื่อง “การจัดพอร์ตลงทุน” (Asset Allocation) คือ การแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียวนั้นเสี่ยงเกินไป หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์นั้นๆ เพียงครั้งเดียวอาจจะทำให้ความมั่งคั่งที่สะสมมาหายไปได้ในพริบตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านบทเรียนวิกฤตโควิดมาแล้วเรื่องของ การจัดพอร์ ตการลงทุน ยิ่งจำเป็นมากขึ้นไปอีกให้ศึกษา
พอร์ตการลงทุน คืออะไร ?
"พอร์ตการลงทุน" หมายถึง การบริหารจัดการเงินลงทุนที่ประกอบด้วยสินทรัพย์ต่างๆ เช่นหุ้นของบริษัทต่างๆ ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์อื่นๆ ที่ถูกเก็บรวบรวมมาเพื่อใช้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้หรือเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้งอกเงย หรือบริหารจัดการเงินทุนให้เหมาะสม การสร้างพอร์ตการลงทุนมักจะเกี่ยวข้องกับการกระจายลงทุนในหลายประเภทของสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
แนวคิดนี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนมีความสมดุลในการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่ประเภทที่เดียวของสินทรัพย์มีปัญหาที่ไม่คาดคิด ถ้าพอร์ตถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ อาจจะมีผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาว ยกตัวอย่าง หากเราลงทุนในหุ้นเพียงสินทรัพย์เดียว เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ อาจทำให้ราคาหุ้นลดลง 50% แต่เมื่อจัดเป็นพอร์ตการลงทุน แน่นอนว่าเกิดการขาดทุนได้ แต่จะไม่ขาดทุนเท่าการถือครองหุ้นเพียงสินทรัพย์เดียว ในทางกลับกัน เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 50% พอร์ตของเราก็จะกำไรไม่ถึง 50% เพราะสินทรัพย์อื่นๆ ไม่ได้ขึ้นตามไปด้วย
ประเภทของ พอร์ตการลงทุน
พอร์ตการลงทุนสามารถแบ่งเป็นหลายประเภทตามลักษณะของสินทรัพย์และวัตถุประสงค์การลงทุน นี่คือตัวอย่างประเภทพอร์ตการลงทุนที่พบบ่อย:
พอร์ตหุ้น (Equity Portfolio) : พอร์ตที่ประกอบด้วยหุ้นของบริษัทต่างๆ การลงทุนในหุ้นสามารถมีในหลากหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนในบริษัทใหญ่ บริษัทเล็ก หรือในสายงานหรือเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ
พอร์ตตราสารหนี้ (Fixed Income Portfolio) : พอร์ตที่ประกอบด้วยตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรบริษัท หรือตราสารหนี้อื่นๆ การลงทุนในพอร์ตตราสารหนี้มักมีความคงที่สูงกว่าพอร์ตหุ้น แต่ผลตอบแทนที่สูงน้อยกว่า
พอร์ตรายได้สูง (Income Portfolio) : พอร์ตที่เน้นไปที่การได้รับรายได้เป็นหลักการ อาจประกอบด้วยตราสารหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง และสินทรัพย์อื่นๆ ที่เสนอผลตอบแทนจากดอกเบี้ยหรือการจ่ายเงินปันผล
พอร์ตเสี่ยงต่ำ (Conservative Portfolio) : พอร์ตที่มุ่งเน้นความคงที่และลดความเสี่ยงในการลงทุน โดยมักจะประกอบด้วยสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและสินทรัพย์เงินตราต่างประเทศ
พอร์ตเสี่ยงสูง (Aggressive Portfolio) : พอร์ตที่มุ่งเน้นการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง เช่น การลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสรับผลตอบแทนสูง แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน
พอร์ตระยะยาว (Long-Term Portfolio) : พอร์ตที่มุ่งหวังให้ได้รับผลตอบแทนในระยะยาว โดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตเป็นระยะยาว เช่น หุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต
พอร์ตระยะสั้น (Short-Term Portfolio) : พอร์ตที่มุ่งหวังให้ได้รับผลตอบแทนในระยะสั้น โดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีเวลาคืนที่สั้น เช่น เงินสด หรือตราสารหนี้ที่มีระยะคืนสั้น
พอร์ตการลงทุนและการยอมรับความเสี่ยง
หมายถึง การเข้าใจและยอมรับความเป็นไปได้ที่จะเสี่ยงเสียเงินหรือสูญเสียทรัพย์สินเมื่อลงทุนในทรัพย์สินหรือตลาดการเงินที่มีความเสี่ยง เพื่อที่จะคาดการณ์และวางแผนการลงทุนอย่างมีสติปัญญาและคำนึงถึงประสิทธิภาพทางการเงินในอนาคต.
นั่นหมายความว่าการยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนในตลาดการเงิน โดยพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้และวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายของตน.
แบ่งสัดส่วนพอร์ตลงทุน : แบ่งสินทรัพย์ในพอร์ตของคุณออกเป็นหลายประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, อสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในเพียงประเภทเดียว การกระจายความเสี่ยงจะช่วยลดผลกระทบจากการลงทุนที่อาจส่งผลกระทบในประเภทสินทรัพย์เดียวโดยตรง
ตราสารหนี้ : การลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรบริษัท เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความคงที่ในพอร์ตของคุณ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น
หุ้น : การลงทุนในหุ้นสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน ควรแบ่งการลงทุนในหุ้นให้คงที่และไม่ควรลงทุนเกินพื้นที่ที่คุณสามารถรับผิดชอบได้
ทองคำ :เนื่องจากผลตอบแทนระยะยาวสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ มีความปลอดภัย
หากลงทุนในช่วงวิกฤติ อีกทั้งมีสภาพคล่องสูง และมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย เช่น ซื้อทองคำแท่งหรือรูปพรรณเก็บไว้ (Physical Gold) หรือ ETF ทองคำ (Gold ETFs):หรือทองคำเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ และ สัญญาซื้อขายทองคำ (Gold Futures and Options)
ในปัจจุบันรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ การลงทุนในทองคำผ่าน CFD (Contract for Difference) สามารถเปิดบัญชีผ่านโบรกเกอร์ Mitrade เป็นการลงทุนที่เป็นการซื้อขายอ้างอิงกับราคาทองคำโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของทองคำจริงๆ ใช้จุดเด่นในเรื่องของ เทรดหรือลงทุนได้ทั้งสองฝั่ง คือ ขาขึ้นและขาลง รวมถึงมีอัตราทดหรือ เลเวอเรจ ช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนน้อยลงในการเทรดทองคำ
หากคุณเป็นมือใหม่ ยังไม่มีความมั่นใจ ให้ "ทดลองเทรด" ก่อน!!
ควรหมั่นดูแลสัดส่วนของการลงทุนในแต่ละประเภทของสินทรัพย์ เพื่อให้การกระจายความเสี่ยงคงที่ในระยะยาวหรือตามระยะเวลาที่วางแผนไว้ อาจจะมีการปรับพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศ หรือเทรนด์โลก เพื่อให้ผลตอบแทนดีขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนมีอะไรบ้าง?
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อพอร์ตการลงทุน ซึ่งอาจมีการผสมผสานกันไปตามวัตถุประสงค์การลงทุนและสภาพปัจจุบันของตลาดทางการเงิน นี่คือ บางปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลต่อพอร์ตการลงทุน
ระยะเวลาลงทุน (Investment Horizon): ระยะเวลาที่คุณมีในการลงทุนจะมีผลต่อวัตถุประสงค์การลงทุนและสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับใด
เป้าหมายการลงทุน (Investment Goals): วัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ เช่น เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน, รับรายได้, เตรียมเงินเลี้ยงชีพในอนาคต จะส่งผลต่อทางเลือกของพอร์ต
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับ (Risk Tolerance): ความเสี่ยงที่คุณยอมรับเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกสินทรัพย์ในพอร์ต ความเสี่ยงสามารถมีทั้งการเสื่อมค่าและการเติบโต
ความรู้และประสบการณ์ (Knowledge& Experience): ระดับความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนส่งผลต่อความรับความเสี่ยงและกลยุทธ์ที่คุณเลือก
สภาพเศรษฐกิจ (Economic Conditions): สภาวะเศรษฐกิจ แนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, อัตราดอกเบี้ย และสภาวะเศรษฐกิจโลก มีผลต่อรายได้และความเสี่ยงในการลงทุน
ตลาดทุน (Market Conditions): สภาวะของตลาดทุน แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ จะส่งผลต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงในพอร์ต
ปัจจัยรอบโลก (Global Factors): ปัจจัยทางการเมือง, สังคม, สิ่งแวดล้อม, และเหตุการณ์ทางโลกที่ส่งผลต่อตลาดทางการเงิน
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (Costs): ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการพอร์ต สามารถมีผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว
นโยบายภาษี (Tax Policies): นโยบายภาษีที่มีผลต่อการเสียภาษีเงินได้จากการลงทุน
สถานะการเงินส่วนตัว (Personal Financial Situation): สถานะการเงินปัจจุบันของคุณ รายได้, หนี้สิน, และรายจ่าย เป็นปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดแผนการลงทุน
วิธีจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับมือใหม่
นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำเพื่อจัดการพอร์ตลงทุนของมือใหม่ ไล่เรียงตามความสำคัญลงไป
วัยเริ่มทำงาน รับความเสี่ยงได้สูง มีระยะเวลาลงทุนนานอาจ จัดพอร์ตเชิงรุก (Aggressive) แบ่งเป็นเงินฝากหรือกองทุนรวมตลาดเงิน 10% ตราสารหนี้ 20% และตราสารทุน 70%
วัยกลางคน รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เพราะมีภาระครอบครัวมากขึ้น อาจ จัดพอร์ตเสี่ยงปานกลาง (Moderate) แบ่งเป็นเงินฝากหรือกองทุนรวมตลาดเงิน 20% ตราสารหนี้ 30% และตราสารทุน 50%
วัยใกล้เกษียณ รับความเสี่ยงได้น้อย เพราะมีระยะเวลาการลงทุนไม่มาก และจำเป็นต้องรักษาเงินต้นไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ อาจ จัดพอร์ตแบบระมัดระวัง (Conservative) แบ่งเป็นเงินฝากหรือกองทุนรวมตลาดเงิน 30% ตราสารหนี้ 30% และตราสารทุน 40%
สิ่งที่ต้องระวังในพอร์ตการลงทุน
เมื่อคุณกำลังสร้างพอร์ตการลงทุน คุณควรระวังและพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปตามเป้าหมายและลดความเสี่ยงที่เป็นไปได้ นี่คือสิ่งที่คุณควรระวังเมื่อจัดพอร์ตการลงทุน:
การกระจายความเสี่ยง (Diversification) : ควรแบ่งส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสมในหลายประเภทของสินทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในเพียงประเภทเดียว
ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม (Appropriate Risk Level) : ให้คำนึงถึงระดับความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับ ไม่ควรลงทุนเกินความสามารถในการรับความเสี่ยง
ความสอดคล้องกับเป้าหมาย (Alignment with Goals) : ตรงกับวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณว่า คุณต้องการให้เงินที่ลงทุนเติบโตเพื่อให้กำไรหรือเพื่อรับรายได้
การจัดการค่าใช้จ่าย (Expense Management) : พิจารณาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการจัดการพอร์ต เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การลงทุนคุณมีผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ประเภทของสินทรัพย์ (Type of Assets) : พิจารณาประเภทของสินทรัพย์ที่คุณเลือกลงทุน ควรเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและประสบการณ์การลงทุนของคุณ
เวลา (Time) : ควรพิจารณาระยะเวลาการลงทุน แต่ละประเภทของสินทรัพย์มีระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงต่างกัน
ข่าวสารและเหตุการณ์ (News and Events) : การเฝ้าระวังข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อตลาดทางการเงิน เช่น ข่าวเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจการลงทุน
สรุป
“Don’t put all eggs in one basket” อย่าเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ควรที่จะกระจายการลงทุนไปในหลายๆสินทรัพย์ ไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ตลอดทุกช่วงเวลา สินทรัพย์ใดที่มีความเสี่ยงสูง ย่อมให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ต่ำมาก เพราะความผันผวนนั่นเอง Asset Allocation จึงเป็นเรื่องที่สำคัญต่อทุกคน ที่จะช่วยจัดพอร์ตการลงทุน พร้อมรับความผันผวนกับทุกสภาวะของตลาด ลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
*เปิดบัญชีภายใน 3 นาที*ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำ*เทรดด้วยอัตราทด*ฝึกฝนเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50,000 ฟรี*
1. เงินน้อยๆ จัดพอร์ตลงทุนได้ไหม และ เงินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะในการวางแผนลงทุน?
2.ทำไมต้องจัดการพอร์ตการลงทุน
3.ควรแบ่งลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ สัดส่วนเท่าไหร่ดี
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน