ดัชนีเอสแอนด์พี 500 หรือ ดัชนี S&P 500 คืออะไร?

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

การลงทุนปัจจุบัน เราเลี่ยงไม่ได้เลยว่า ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนี S&P ย่อมาจาก 500 Standard & Poor's 500 เป็นดัชนีตลาดหุ้นที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก ดัชนีนี้ทำหน้าที่เป็นมาตรฐานสำหรับประสิทธิภาพตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยจำนวน 500 แห่ง เป็นตัวแทนกว่า 80% ของบริษัทจัดทะเบียนของทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ทำให้เวลาดัชนี S&P 500 ขึ้นลงก็จะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินของโลก


บทความนี้จะพานักลงทุนทำความรู้จักกับดัชนีหุ้นสหัฐ S&P 500 รวมถึง S&P 500 คืออะไร, S&P 500 คำนวณอย่างไร, รายชื่อหุ้นใน S&P 500, S&P 500 และ Dow Jones แตกต่างกันอย่างไร


S&P 500 คืออะไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

S&P 500 (Standard & Poor's 500) เป็นดัชนีตลาดหุ้นที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดดัชนีหนึ่งของโลก ซึ่งสะท้อนถึงผลงานของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา ประวัติของดัชนีสามารถย้อนกลับไปได้ถึงต้นศตวรรษที่ 20 และเน้นถึงพัฒนาการที่สำคัญในตลาดการเงิน


ตัวอย่าง บริษัท ที่อยู่ใน ดัชนี S&P 500 เช่น Amazon,American Airlines Group


Bank of America, BlackRock, CME Group, Apple, Facebook, Microsoft, Google และ Tesla เป็นต้น


รากฐานของดัชนี S&P 500 ย้อนกลับไปถึงปี 1923 เมื่อบริษัท Standard Statistics เปิดตัวดัชนีตลาดหุ้นตัวแรกซึ่งประกอบด้วยบริษัท 233 แห่งใน 26 อุตสาหกรรม ในปี 1941 บริษัท Standard Statistics ได้ควบรวมกิจการกับสำนักพิมพ์ Poor's Publishing และก่อตั้งเป็น Standard & Poor's Corporation


ดัชนี S&P 500 ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1957 โดย Standard & Poor's ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับเครดิตและการเงินระดับโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงถึงผลงานของบริษัทชั้นนำ 500 แห่งในตลาดหุ้นสหรัฐฯ


ในฐานะดัชนีตลาดหุ้น ดัชนี S&P 500 ถือเป็นมาตรวัดที่ดีที่สุด โดยติดตามบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีสภาพคล่องสูง รวมถึงมีการเปิดให้ซื้อและขายหุ้นในตลาดหุ้นเกิน 10% เป็นต้น ซึ่งผลจากการพิจารณาดัชนี S&P500 


แม้ว่าดัชนี Dow Jones จะเป็นดัชนีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่นักลงทุนมักจะมองไปที่ S&P 500 เมื่อต้องการประเมินว่าตลาดโดยรวมเป็นอย่างไร ดังนั้นดัชนีนี้จึงถือเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐ


ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 11.09% ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2024 ดัชนีนี้บรรลุผลตอบแทนรวมตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่ 28.35% ซึ่งสะท้อนถึงผลตอบแทนราคาที่ 26.63% และผลตอบแทนเงินปันผลที่ 1.72% ประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งนี้เน้นย้ำถึงความยืดหยุ่นและการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้ดัชนี S&P 500 เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญสำหรับนักลงทุน


 S&P 500 Year to date return for 2024

ที่มา: slickcharts

S&P 500 ทำงานอย่างไร

S&P 500 ติดตามดัชนีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทต่างๆ มูลค่าตามราคาตลาด (Market cap) คือมูลค่ารวมของหุ้นทั้งหมดที่บริษัทออกให้ ซึ่งคำนวณโดยการคูณจำนวนหุ้นที่ออกให้ด้วยราคาหุ้น บริษัทที่มีมูลค่าตลาดที่  100 พันล้านเหรียญสหรัฐจะได้รับฐานะการเป็นตัวแทน 10 เท่าเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีมูลค่าตลาดเท่ากับ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าตลาดรวมของ S&P 500 อยู่ที่ 23.5 ล้านล้านเหรียญ โดยมีมูลค่าเป็น 80% ของมูลค่าของตลาดหุ้นทั้งหมด


ทั้งนี้ดัชนีคิดมาจากการถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดของบริษัท โดยจะวัดเฉพาะหุ้นที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่นับรวมกลุ่มที่มีการควบคุม บริษัทอื่น หรือหน่วยงานของรัฐ


คณะกรรมการจะทำการคัดเลือกบริษัทในดัชนี 500 แต่ละแห่งโดยพิจารณาจากสภาพคล่อง ขนาด และชนิดของอุตสาหกรรม โดยมีการปรับสมดุลของดัชนีเป็นรายไตรมาสในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม สำหรับบริษัทที่จะมีคุณสมบัติเป็นดัชนีได้นั้น บริษัทจะต้องอยู่ในสหรัฐอเมริกาและมีมูลค่าทางการตลาดอย่างน้อย 6.1 พันล้านเหรียญ และอย่างน้อย 50% ของหุ้นของบริษัทจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน ราคาหุ้นต้องมีมูลค่าอย่างน้อย 1 ดอลลาร์ต่อหุ้น จะต้องยื่นรายงานประจำปี 10-K และอย่างน้อย 50% ของสินทรัพย์ถาวรและรายได้จะต้องอยู่ในสหรัฐอเมริกาและท้ายที่สุดจะต้องมีผลกำไรเป็นบวกอย่างน้อยสี่ไตรมาสติดต่อกัน


หุ้นจะต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก Investors Exchange, NASDAQ หรือ BATS ไม่สามารถทำการซื้อขายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายกันเองโดยตรง (over-the-counter) หรือทำการซื้อขายนอกตลาด (pink sheet) ได้


โดยสรุปแล้วหากบริษัทต้องการเป็นหนึ่งในดัชนี S&P 500 จะต้องตรงตามเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้


  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: ต้องมีมูลค่า 14,600 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป (ณ ปี 2024)

  • สภาพคล่อง: ปริมาณการซื้อขายสูงและตลาดที่มีการซื้อขายคึกคัก

  • ที่ตั้ง: ต้องเป็นบริษัทที่มีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา

  • รายได้: มีกำไรอย่างสม่ำเสมอในสี่ไตรมาสที่ผ่านมา

  • หุ้นที่ออกสู่ตลาด: ต้องมีหุ้นอย่างน้อย 50% ที่ออกสู่ตลาด

  • การเป็นตัวแทนภาคส่วน: ครอบคลุมทั้ง 11 ภาคส่วนของเศรษฐกิจ


S&P 500 คำนวณอย่างไร

S&P 500 ใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) โดยให้การจัดสรรเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าให้กับ บริษัท ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากที่สุด 


สูตร S&P 500


รายชื่อหุ้นใน S&P 500

ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2024 น้ำหนักของภาคส่วนในดัชนี S&P 500 ได้มีการพัฒนาเพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ภาคส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศได้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 33.01% ของดัชนี ซึ่งเน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดังต่อไปนี้


  • ภาคการเงินตามมาด้วยสัดส่วน 12.90% 

  • ภาคการดูแลสุขภาพอยู่ที่ 11.17% 

  • ภาคส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่ 10.21% 


ภาคส่วนอื่นๆ ได้แก่ 

  • บริการสื่อสาร (9.91%) 

  • อุตสาหกรรม (7.55%) 

  • สินค้าอุปโภคบริโภค (5.76%) 

  • พลังงาน (3.37%) 

  • สาธารณูปโภค (2.70%) 

  • และอสังหาริมทรัพย์ (2.28%)


หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพของดัชนี S&P 500 โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนวันเลือกตั้งปี 2024 ดัชนีเพิ่มขึ้น 1.2% เนื่องจากความโดดเด่นของเทคโนโลยียังคงปรับเปลี่ยนตลาด บริษัทต่างๆ เช่น Nvidia, Tesla, Meta และ Amazon มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยน้ำหนักของ Nvidia ในดัชนีพุ่งสูงขึ้นจาก 0.7% ในปี 2016 เป็น 6.9% ในปี 2024 ซึ่งขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี AI


ปัจจุบันหุ้นเทคโนโลยีของ S&P 500 ประกอบด้วย 31.7% เพิ่มขึ้นจาก 21.4% ในปี 2016 โดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคิดเป็น 43.2% การเปลี่ยนแปลงนี้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภาคส่วนนี้ในตลาดหุ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น แต่หุ้นเทคโนโลยีก็เห็นการเติบโตของมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาคส่วนนี้ซื้อขายที่ 28.4 เท่าของรายได้ล่วงหน้า 12 เดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี


กองทุนเช่น T. Rowe Price Technology ETF ให้ความสำคัญกับ "เทคโนโลยีหลัก" และลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก การพุ่งขึ้นดังกล่าวเน้นย้ำว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็วและการเติบโตของรายได้ของบริษัทเทคโนโลยีได้ทำให้บริษัทเทคโนโลยีกลายเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงของตลาด ส่งผลให้นักลงทุนที่จัดสรรเงินทุนในพื้นที่นี้ต้องแบกรับความเสี่ยงมากขึ้น

S&P 500 และ Dow Jones แตกต่างกันอย่างไร

ดัชนี S&P 500 และดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลัก 2 ตัวของสหรัฐฯ ซึ่งแต่ละดัชนีให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินงานของตลาดที่ไม่ซ้ำใคร ดัชนี S&P 500 ประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่ง และใช้การถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด โดยบริษัทขนาดใหญ่จะมีอิทธิพลต่อดัชนีมากกว่า ดัชนีครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การดูแลสุขภาพ และการเงิน ซึ่งแสดงถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้อย่างครอบคลุม บริษัทต่างๆ เช่น Apple, Microsoft และ Amazon เป็นองค์ประกอบสำคัญ ดัชนี S&P 500 มักใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับการดำเนินงานของตลาดโดยรวม ทำให้เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย


ในทางกลับกัน ดัชนี DJIA ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำเพียง 30 แห่ง และถ่วงน้ำหนักตามราคา ซึ่งหมายความว่าหุ้นที่มีราคาสูงจะมีผลกระทบต่อดัชนีมากกว่า ไม่ว่าขนาดตลาดจะเป็นเท่าใดก็ตาม ดัชนี DJIA มุ่งเน้นไปที่บริษัทที่เติบโตเต็มที่และก่อตั้งมาอย่างยาวนาน เช่น Boeing, McDonald’s และ Coca-Cola ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ ขอบเขตที่แคบกว่าทำให้มีการกระจายความเสี่ยงน้อยกว่า S&P 500 แต่มีค่าในการวัดผลการดำเนินงานของผู้นำอุตสาหกรรมหลัก


แม้ว่า S&P 500 จะนำเสนอภาพรวมตลาดที่ครอบคลุม แต่ DJIA ก็เน้นที่บริษัทขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ดัชนีทั้งสองเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญ โดยแต่ละดัชนีตอบสนองความต้องการและมุมมองด้านการลงทุนที่แตกต่างกัน


ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง S&P 500 และ Dow Jones



S&P 50

Dow Jones

บริษัท

บริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่งในสหรัฐฯ

บริษัทชั้นนำ 30 แห่งในสหรัฐฯ

หลักการถ่วงน้ำหนัก

ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด บริษัทขนาดใหญ่จะมีอิทธิพลต่อดัชนีมากกว่า

ถ่วงน้ำหนักตามราคา  หุ้นที่มีราคาสูงจะมีอิทธิพลต่อดัชนีมากกว่า โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าตลาด

อุตสาหกรรม

ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท รวมถึงภาคส่วนต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การดูแลสุขภาพ การเงิน  และสินค้าอุปโภคบริโภค

เน้นที่บริษัทที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมต่างๆ

วัตถุประสงค์

วัดประสิทธิภาพโดยรวมของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทขนาดใหญ่ที่โดดเด่นในสหรัฐฯ

ตัวอย่างบริษัทที่มีชื่อเสียง

Apple, Microsoft, Amazon, Nvidia, Alphabet (Google), Tesla และ JPMorgan Chase

Boeing, Goldman Sachs, McDonald’s, Microsoft, Coca-Cola และ Walt Disney

เหมาะกับใคร

ให้มุมมองที่หลากหลาย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสัมผัสกับตลาดสหรัฐฯ ทั้งหมด

ให้มุมมองที่แคบลง  โดยเน้นที่บริษัทที่มีชื่อเสียงและเติบโตเต็มที่


mitrade
คว้าโอกาสการเทรดหุ้นสหรัฐด้วย S&P 500 CFD!


dago กำกับดูแลโดยหน่วยงานการเงินที่มีอำนาจ
dago เปิดบัญชีง่ายและเร็วภายใน 3 นาที 
dago โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์
dago เงินเสมือนจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน
ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446

เพื่อนๆ นักลงทุนอย่าลืมติดตามดัชนี S&P500 ก่อนการลงทุนด้วยนะครับ เพราะเป็นตัวเลขสำคัญที่จะสะท้อนภาวะตลาดในแต่ละวัน ขอให้เพื่อนๆ ลงทุนให้ประสบความสำเร็จครับ


*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
SET50 คืออะไร? SET50 มีอะไรบ้าง? และลงทุน SET50 ยังไง?บทความนี้เราขอแนะนำดัชนี SET50 นะครับ รวมถึง SET50 คืออะไร, SET50 มีอะไรบ้าง, วิธีคำนวณ SET50 และปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET50 และลงทุน SET50 ยังไงนะครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 15 มี.ค. 2023
บทความนี้เราขอแนะนำดัชนี SET50 นะครับ รวมถึง SET50 คืออะไร, SET50 มีอะไรบ้าง, วิธีคำนวณ SET50 และปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET50 และลงทุน SET50 ยังไงนะครับ
placeholder
นิเคอิ225(Nikkei 225) คืออะไร? ลงทุนหุ้นญี่ปุ่นผ่านดัชนีนิเคอิ225 Nikkei 225 ขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1990 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 อะไรทำให้ราคาของ Nikkei 225 พุ่งกระฉูด? เราจะทำกำไรจากกระแสของ Nikkei 225 ได้อย่างไร? บทความนี้จะแจ้งให้คุณทราบ
ผู้เขียน  เมธิณี วสุมดีInsights
วันที่ 14 มี.ค. 2023
Nikkei 225 ขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1990 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 อะไรทำให้ราคาของ Nikkei 225 พุ่งกระฉูด? เราจะทำกำไรจากกระแสของ Nikkei 225 ได้อย่างไร? บทความนี้จะแจ้งให้คุณทราบ
placeholder
Dow Jones(DJIA) คืออะไร? สำคัญยังไง? ทำไมต้องดูทุกวันบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ดัชนี Dow Jones คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมเผยรายชื่อบริษัทที่อยู่ในดัชนี Dow Jones การวิเคราะห์แนวโน้มดัชนีหุ้น Dow Jones ปี 2025 และลงทุนในดัชนี Dow Jones ยังไง ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 25 พ.ค. 2023
บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ดัชนี Dow Jones คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมเผยรายชื่อบริษัทที่อยู่ในดัชนี Dow Jones การวิเคราะห์แนวโน้มดัชนีหุ้น Dow Jones ปี 2025 และลงทุนในดัชนี Dow Jones ยังไง ตามมาดูกันเลย
placeholder
NASDAQ 100 คืออะไร สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนลงทุนใน 100 หุ้นระดับโลกบทความนี้เราจะความรู้จักกับดัชนีหุ้นตัวนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ทุกคน เริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ค่อย ๆ ไล่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจนจนเข้าใจได้ว่าทำไมดัชนีหุ้น Nasdaq 100 จึงได้รับความนิยมระดับโลก และคุณควรลงทุนกับหุ้นตัวนี้อย่างไรเพื่อสร้างกำไรให้กับตัวคุณเอง
ผู้เขียน  เมธิณี วสุมดีInsights
วันที่ 14 มี.ค. 2023
บทความนี้เราจะความรู้จักกับดัชนีหุ้นตัวนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ทุกคน เริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ค่อย ๆ ไล่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจนจนเข้าใจได้ว่าทำไมดัชนีหุ้น Nasdaq 100 จึงได้รับความนิยมระดับโลก และคุณควรลงทุนกับหุ้นตัวนี้อย่างไรเพื่อสร้างกำไรให้กับตัวคุณเอง
placeholder
SET100 คืออะไร? รายชื่อหุ้น SET 100SET100 คือดัชนีหุ้นที่นิยมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบไปด้วยหุ้น 100 บริษัทชั้นนำที่มีปริมาณซื้อขายสูง และมีการคำนวณตัวชี้ที่สะท้อนสถานะของตลาดหุ้นไทย บทความนี้จะสำรวจทุกอย่างเกี่ยวกับ SET100 เช่น SET100 คืออะไร, เกณฑ์ของหุ้น SET100 และ วิธีการคำนวณหุ้น SET100 Index ตามมาดูกัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 17 มี.ค. 2023
SET100 คือดัชนีหุ้นที่นิยมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบไปด้วยหุ้น 100 บริษัทชั้นนำที่มีปริมาณซื้อขายสูง และมีการคำนวณตัวชี้ที่สะท้อนสถานะของตลาดหุ้นไทย บทความนี้จะสำรวจทุกอย่างเกี่ยวกับ SET100 เช่น SET100 คืออะไร, เกณฑ์ของหุ้น SET100 และ วิธีการคำนวณหุ้น SET100 Index ตามมาดูกัน
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์