ดัชนีหุ้นยุโรปตัวไหนน่าลงทุนที่สุดในปี 2566

เมื่อพูดถึงดัชนีตลาดหุ้นแล้ว นักลงทุนส่วนมากจะมองไปที่ดัชนีตลาดหุ้นยอดนิยมอย่างดาวโจนส์ หรือพวกแนสแดค ที่นิยมคุ้นหูกัน แต่อย่าลืมว่าเมื่อตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ช่วงออกข้างรอเลือกทางอาจจะเกิดอารมณ์อึดอัดและวางแผนกลยุทธ์ลงทุนได้ยาก ยังมีอีกตลาดหุ้นใหญ่ ที่มูลค่าการซื้อขายและมีความน่าสนใจอย่างมากเช่นกัน อย่างดัชนีตลาดหุ้นยุโป หากเปรียบเทียบระดับราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานจากค่า P/E Ratio, P/BV Ratio), การเติบโตของกำไร และอัตราส่วนเงินปันผล พบว่าตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจแห่งหนึ่งในกลุ่มตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว เราจะมารู้จักดัชนีตลาดหุ้นยุโรปกันให้มากขึ้นเพื่อเป็นช่องทางลงทุนต่อไป

ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปมีหลายตลาดที่น่าสนใจที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตามการเลือกตลาดหุ้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณและระดับความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับผิดชอบ. ดังนี้คือ 7 ตลาดหุ้นยุโรปที่น่าสนใจ:

1.FTSE 100 (UK)

(Financial Times Stock Exchange 100 Index) เป็นดัชนีหุ้นมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนและมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดัชนี FTSE 100 ถูกสร้างขึ้นโดย FTSE Russell, บริษัทที่เชี่ยวชาญในการสร้างดัชนีหุ้น. ดัชนี FTSE 100 รวมถึง 100 บริษัทใหญ่ที่มีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักของสหราชอาณาจักร บริษัทที่เข้าร่วมในดัชนีนี้มีความสำคัญในเศรษฐกิจของ UK และมีความหลากหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเงิน,อุตสาหกรรมเทคโนโลยี,การท่องเที่ยว,พลังงาน,และอื่นๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม ดัชนี FTSE 100 คืออะไร? >>

2.CAC 40 (France)

ดัชนีหุ้นฝรั่งเศสหรือ CAC 40 ครอบคลุมบริษัทใหญ่ที่มีการซื้อขายหุ้นในปารีสและเฟรนช์ส์ เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นใหญ่ของยุโรปที่มีความนิยม. ดัชนี CAC 40 เป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการติดตามประสิทธิภาพของตลาดหุ้นฝรั่งเศสและยุโรป นักลงทุนและนักวิเคราะห์ใช้ดัชนีนี้เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงในราคาหุ้นและความเคลื่อนไหวในตลาดหลักของปารีสและเฟรนช์ส์ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนในยุโรปและในตลาดโลกโดยรวม

3.DAX (Germany)

ดัชนีหุ้นเยอรมัน DAX รวม 30 บริษัทใหญ่ที่มีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักของเยอรมนี. บริษัทที่เข้าร่วมในดัชนีนี้มีความสำคัญในเศรษฐกิจเยอรมนีและเป็นบริษัทที่มีความคงทนและแข็งแกร่ง. เป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการติดตามสถานะของตลาดหุ้นในเยอรมนีและยุโรป จดทะเบียนในตลาดตราสารทุนแฟรงค์เฟิร์ต เซสชันนี้สร้างขึ้นภายใต้ระบบการประมูลแบบปิดราคาและในเวลาเดียวกันกับในตลาดหุ้นสเปน ในทางตรงกันข้ามมันเป็นหนึ่งในดัชนีที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตลาดการเงินอื่น ๆ ในยุโรป

ข้อมูลเพิ่มเติม Dax 30 Index คืออะไร? >>

4. EURO STOXX 50 

ดัชนียูโร สต็อกซ์ 50 เป็นดัชนีตลาดหุ้นสำหรับหุ้นในกลุ่มประเทศยูโรโซน คิดค้นโดยสต็อกซ์ผู้ให้บริการดัชนีหลักทรัพย์ทั่วโลกโดยอยู่ในความรับผิดชอบและดูแลของบริษัทด็อยท์เชอเบอร์เซอสัญชาติเยอรมัน เป้าหมายของการคิดดัชนียูโร สต๊อกซ์ 50 คือเพื่อการบันทึกการเปลี่ยนแปลงของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจที่สำคัญในเขตยูโรโซน ประกอบไปด้วยหุ้นของ 50 บริษัทที่มีสภาพคล่องสูงสุด นอกจากนี้ สัญญาฟิวเจอร์สและออปชั่นของยูโร สต็อกซ์ 50 ยังมีสภาพคล่องสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของยุโรปและของโลกอีกด้วย

5.FTSE MIB (Italy)

ดัชนี FTSE MIB ดัชนี FTSE MIB (Milano Indice di Borsa) เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของประเทศอิตาลี ดัชนีนี้รวมรวมบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของการเงินในประเทศอิตาลี มันถือเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญที่สุดในประเทศอิตาลีและมีบริษัทหลายร้อยบริษัทที่นำมาคำนวณเพื่อดูทิศทางรวม

6.AEX (Netherlands)

ดัชนี AEX (Amsterdam Exchange Index) เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ซึ่งรวมรวมบริษัทที่มีความสำคัญในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศนี้ เป็นหนึ่งในดัชนีที่สำคัญและได้รับการติดตามอย่างกว้างขวางในวงการการลงทุนและการเงินทั่วโลก การคำนวณดัชนี AEX นับรวมบริษัทที่มีฐานะความเคลื่อนไหวในตลาดหลักทรัพย์ของเอ็กซ์เทนด์ (Euronext Amsterdam) และเป็นดัชนีที่มีความเชื่อถือสูงในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการลงทุนในตลาดหุ้นเนเธอร์แลนด์

7.BEL 20 (Belgium)

ดัชนี BEL 20 เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของประเทศเบลเยียม (Belgium) ซึ่งรวมรวมบริษัทที่มีความสำคัญในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเบลเยียม ดัชนีนี้ถือเป็นหนึ่งในดัชนีที่สำคัญในการติดตามและวิเคราะห์ทิศทางของตลาดหุ้นเบลเยียมและมีบริษัทหลายสิบบริษัทที่รวมอยู่ในดัชนี BEL 20

นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน หลังการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวลงในฝรั่งเศสและเยอรมนี นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจยังบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวในไตรมาส3นี้ และจะยังไม่กลับไปมีการขยายตัวในเร็ววัน แต่ถือว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจน่าจะเริ่มมาลองดู เพราะฝั่งของสหรัฐเริ่มตลาดตึงตัวเช่นกัน จึงเป็นโอกาสที่มองหาดัชนีตลาดหุ้นที่รอวันฟื้นตัว และสาเหตุที่นักลงทุนสนใจลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปในปี 2023 อาจมีหลายปัจจัยที่เป็นเหตุผลดังนี้:

⭐ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป: หลายประเทศในยุโรปได้รับผลกระทบจากการแข่งขันระหว่างโควิด-19 และได้เห็นการคืบหน้าในการควบคุมโรคและฉีดวัคซีน นี่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวและมีโอกาสในการเติบโต

⭐ นโยบายการเงิน: การนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจสร้างโอกาสในการลงทุนในตลาดหลักของยุโรป โดยทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นและเพิ่มความนิยมของการลงทุนในทรัพย์สินทางการเงิน

⭐ ตลาดหุ้นยุโรปยังเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) การลงทุนตามหลัก ESG สังเกตจากบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MSCI Europe ได้รับการประเมิน ESG Score อยู่ในระดับที่สูงกว่าบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก

⭐ โอกาสการเติบโต: ยุโรปมีบริษัทใหญ่และสถานบันเทิงทางการเงินที่มีความระดับโลก ซึ่งอาจสร้างโอกาสในการลงทุนในบริษัทเหล่านี้ ทั้งนี้ยังมีบริษัทที่มีความนิยมในการลงทุนในสวิสเซอร์แลนด์และตลาดหลักของยุโรปที่มีโอกาสในการเติบโต

⭐ การหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนในตลาดอื่นๆ: บางนักลงทุนอาจเลือกลงทุนในยุโรปเนื่องจากการเงินและเศรษฐกิจในตลาดอื่นๆ มีความไม่แน่นอน เช่น การค้าและความขัดแย้งทางการเมืองในบางที่ การลงทุนในยุโรปอาจถูกพิจารณาเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำในบางกรณี

⭐ โอกาสในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: ยุโรปมีบริษัทเทคโนโลยีที่มีความสำคัญ และการพัฒนาในอุตสาหกรรมนี้อาจสร้างโอกาสในการลงทุนในบริษัทเหล่านี้

การเทรดดัชนีหุ้นยุโรปสามารถทำได้ผ่านหลายช่องทางและพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้นอกจากการศึกษาและการทบทวนข้อมูลการลงทุนเบื้องต้น

1️⃣ ตลาดหลักทรัพย์ในยุโรป: คุณสามารถทำการซื้อขายดัชนีหุ้นยุโรปผ่านตลาดหลักทรัพย์ในประเทศยุโรปที่คุณสนใจ เช่น Euronext, Deutsche Börse, London Stock Exchange (LSE), Borsa Italiana, OMX Nordic Exchange และอื่น ๆ คุณสามารถเปิดบัญชีที่นี่และซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์ท้องถิ่นหรือโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการในตลาดนั้น ๆ

2️⃣ กองทุน ETFs (Exchange-Traded Funds): การลงทุนใน ETFs ที่ติดตามดัชนีหุ้นยุโรปเป็นวิธีที่สะดวกและคุ้มค่า โดย ETFs นี้จะสามารถซื้อขายได้บนตลาดหลักทรัพย์เหมือนกับหุ้นปกติ มี ETFs หลายรูปแบบที่ติดตามดัชนียุโรปต่าง ๆ เช่น iShares MSCI Eurozone ETF, SPDR EURO STOXX 50 ETF และอื่น ๆ

3️⃣ การลงทุนแบบผสม: นอกจากการลงทุนโดยตรงในดัชนีหุ้นยุโรป คุณยังสามารถทำการลงทุนแบบผสมโดยการลงทุนในกองทุนรวมหรือกองทุนประสมที่ลงทุนในหุ้นยุโรป และสินทรัพย์อื่น ๆ อีกด้วย

4️⃣ สัญญาซื้อขายส่วนต่างหรือ (CFDs): CFDs เป็นสัญญาซื้อขายที่ให้นักลงทุนซื้อหรือขายดัชนีหุ้นยุโรปโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นจริง โดยคุณสามารถทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ทั้งสองฝั่งคือ เมื่อมองว่าดัชนีหุ้นยุโรปจะขึ้น สามารถใช้คำสั่ง BUY และเมื่อมองว่าดัชนียุโรปจะลงใช้คำสั่ง SELL ถ้าคาดการณ์ถูกทางจะทำกำไรได้

สามารถเลือกใช้โบรกเกอร์ Mitrade ในการลงทุนรูปแบบของ CFD โดยดาวน์โหลดแอพเพื่อการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือระบบ Android หรือ โทรศัพท์ iPhone จะได้รูปแบบดังนี้ แล้วเลือกที่สินค้าดัชนี

ห้ามพลาด!!

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์

ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำ

ฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทย

ฟรีเงินเสมือนจริง $50,000 ดอลล่าร์

เทรดเดี๋ยวนี้

ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446

ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446

ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี

ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและผ่านการวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นว่าจะเกิดขึ้นกับดัชนีตลาดยุโรปอะไรบ้างนั้นถือว่าสำคัญ ตัวอย่างเช่น ช่วงข่าว Brexit  นั้นถือว่ากระทบไปทั่วทั้งยุโรปในวงกว้าง อังกฤษและยุโรปจะต้องประเมินว่าฝั่งไหนได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ หรือ ในช่วงของการประท้วง ก่อจลาจล ในประเทศฝรั่งเศส มีผลทำให้ดัชนีของฝรั่งเศสตกลงในระยะสั้นนั่นเอง คุณสามมารถหาข่าวเหตุการณ์บ้านเมือง และเศรษฐกิจได้จากแหล่งต่อไปนี้ 

- เว็ปไซต์ข่าว 

- เว็บไซต์ข่าวอย่าง CNBC 

- เว็บไซต์ข่าวอย่าง Bloomberg 

อ่านบทวิเคราะห์ทางพื้นฐานและเทคนิคจากโบรกเกอร์ 

เรียนรู้เกี่ยวกับดัชนีหุ้นที่คุณสนใจ รับรู้ว่าดัชนีนั้นประกอบด้วยหุ้นยี่ห้อใดบ้าง วิเคราะห์โครงสร้างของดัชนี และเข้าใจว่ามีผลกระทบต่อตลาดอย่างไรในสถานการณ์ต่าง ๆ ศึกษาบริษัทในดัชนีที่คุณสนใจ เรียนรู้เกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทและโครงสร้างของอุตสาหกรรมที่พวกเขาดำเนินการ การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณทราบว่าอุตสาหกรรมและบริษัทใดที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต 

ที่มา: Mitrade

นำกราฟเทคนิคอลมาช่วยพิจารณาว่าควรเทรดรูปแบบไหน

นักลงทุนสามารถใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคเพื่อติดตามแนวโน้มของราคาดัชนีต่างๆและการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยยสำคัญ อาจช่วยให้คุณตัดสินใจเรื่องการซื้อหรือขายในเวลาที่เหมาะสมและเข้า-ออกในจุดที่ได้เปรียบ ตัวอย่าง เทคนินอลพื้นฐานเช่น

1.แนวรับ (Support) -แนวต้าน (Resistance) เป็นคำที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟราคาในตลาดการเงินและตลาดหลักทรัพย์เพื่อระบุระดับราคาที่สำคัญและมีผลต่อการเคลื่อนไหวของ

ที่มา: investtech

2. แท่งเทียน (CandleStick) วัตถุประสงค์ในการอ่านกราฟแท่งเทียน คือ การอ่าน “อารมณ์” ของผู้ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด ดังนั้นเวลาที่อ่านกราฟแท่งเทียนเราควรตอบคำได้เบื้องต้นไห้ได้ว่า ระหว่างฝั่งซื้อกับฝั่งขายฝั่งไหนมีแรงมากกว่า เพื่อสามารถวางแผนในการเข้าออกได้อย่างมีประสิทธิภาพากขึ้น

ที่มา:investidea

การเลือกลงทุนในสินค้าอย่างดัชนีตลาดหุ้นยุโรปถือว่าน่าสนใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะสามารวิเคราะห์แยกดัชนีจากแต่ละประเทศ ทำให้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือเหตุการณ์ข่าวได้น้อยลงแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปยังเป็นโอกาสที่สามารถจะกลับมาเติบโตกลับมาได้อีกในอนาคต ถ้าเลือกลงทุนแบบรอให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวก็เป็นการกระจายการลงทุนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และนักลงทุนอาจจะได้ทดลองดูว่าการเทรดหรือวิเคราะห์ของเราอาจจะถูกจริตกับการเคลื่อนไหวหรือติดตามข่าวสารที่ทำให้มีผลต่อการตัดสินใจขึ้นลงของราคาได้อย่างแม่นยำอีกด้วย