3 อันดับ Indicator Forex ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ความสำเร็จเกิดจากความรู้ - คำพูดที่สามารถใช้ได้ตลอดชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเทรด Forex การจะประสบความสำเร็จได้นั้น นักเทรดจำเป็นต้องเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่ง Indicator นี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้อีกด้วย

ปัญหาคือ ในครั้งแรกที่เห็นชื่อ Indicator อาจะทำให้คุณรู้สึกถึงความซับซ้อน ตัวอย่างเช่น MACD, RSI หรือ Stochastic อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้คุณอย่าตัดสินหนังสือด้วยหน้าปก เพราะเราจะหาคำอธิบายของ 3 อันดับ Indicator Forex ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เรารับรองว่าคุณจะเข้าใจวิธีการใช้ Indicator ได้แน่นอน หากคุณเริ่มสนใจแล้ว เรามาเริ่มกันเลย

เราทุกคนต่างเทรดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เชิงบวกหรืออีกคำหนึ่งก็คือผลกำไรนั่นเอง นักเทรดมือใหม่หลายคนจึงมีความอยากรู้ว่า Indicator Forex สามารถให้สัญญาณการเทรดที่ดีได้หรือไม่

จริงๆแล้ว indicator นั้นไม่สามารถที่จะนำผลกำไรให้กับคุณได้อย่างอัตโนมัติ แต่ indicator นี้จะเป็นส่วนที่สามารถทำงานให้กับคุณได้อย่างมากมาย ทั้งนี้เราไม่ต้องสงสัยเลยว่านักเทรดที่เต็มไปด้วยทักษะและมากด้วยประสบการณ์การเทรดสามารถที่จะทำผลกำไรได้โดยปราศจาก indicator แต่อย่างไรก็ดี indicator ก็ยังเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยนักเทรดเหล่านั้นทำกำไรได้อย่างมาก

ในความเป็นจริง indicator สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้คุณได้อยู่บ้าง:

• แสดงผลในส่วนที่ไม่ชัดเจน

• ช่วยหาไอเดียการเทรด

• ประหยัดเวลาในการวิเคราะห์การตลาด

Indicator ทุกตัวนั้นขึ้นอยู่กับสูตรทางคณิตศาสตร์ สูตรเหล่านี้จะทำให้การคำนวณของราคาพารามิเตอร์ที่หลากหลายและทำให้เห็นภาพของผลลัพธ์บนชาร์ตได้ คุณไม่จำเป็นต้องคำนวณทุกอย่างด้วยตัวของคุณเอง: เพียงแค่ไปที่เมนู MetaTrader คลิก “Insert”  และต่อมาเลือก indicator ที่คุณชื่นชอบเพื่อที่จะใส่ลงไปในชาร์ต

ในเวลาเดียวกัน ตลาด indicator นั้นจะมีการคำนวณที่อยู่บนพื้นฐานของราคา - ราคาสกุลเงิน ซึ่งได้ถูกจัดเรียงใหม่อยู่ในซอฟต์แวร์การเทรด ผลที่ตามมาคือ indicator มีจุดอ่อนคือ indicator ให้สัญญาณการเทรดที่ช้ากว่าราคาที่แท้จริง (ตัวอย่างเช่น เวลาที่ indicator ให้สัญญาณเพื่อขาย แต่ราคานั้นได้ตกลงไปแล้ว)

ข่าวดีคือ มีหลากหลายหนทางในการรับผลประโยชน์จากตัว indicator เราจะอธิบายว่าทำอย่างไรด้วยกราฟด้านล่างนี้

Indicator นั้นแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละกลุ่ม อย่างที่จุดประสงค์ของ indicator นั้นแตกต่างกัน นักเทรดจึงไม่จำเป็นต้องใช้เพียงแค่หนึ่งอย่าง แต่นักเทรดสามารถรวบรวม indicator หลายแบบมาเปิดการเทรดได้ ในบทความนี้ เราจะบอกคุณเกี่ยวกับ indicator 3 อันดับที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

1. Moving Average - indicator ที่ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด

Moving Average(MA) หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ คือ ตัวชี้วัดแนวโน้มของตลาดซึ่งช่วยในการระบุและติดตามทิศทางการเคลื่อนที่ของตลาด

หลักการทางเทคนิค

MA แสดงค่าเฉลี่ยของของราคาในช่วงเวลาที่เลือกไว้

ความหมายอย่างง่าย

Moving Average ตามราคา ในเส้นนี้ช่วยลดความผันผวนของราคาและกำจัดราคา “noise” ที่ไม่ต้องการ ดังนั้นคุณสามารถโฟกัสได้ที่แนวโน้มหลักและไม่ต้องทำการแก้ไขใดๆเพิ่มเติม ทั้งนี้เรามีความจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจว่า indicator ตัวนี้ไม่ได้พยากรณ์ราคาในอนาคตแต่เป็นการกำหนดทิศทางปัจจุบันของตลาด

ข้อดีของ Moving Average

• ระบุแนวโน้มของตลาด

• ช่วยหาแนวโน้มในทางตรงกันข้าม

• แสดงให้เห็นถึงแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น

ข้อเสียของ Moving Average

ราคาที่ช้ากว่าราคาปัจจุบัน (จะเปลี่ยนแปลงช้ากว่าราคาบนชาร์ตกว่าเล็กน้อยเพราะ indicator ขึ้นอยู่กับราคาที่ผ่านมา)

เคล็ดลับ

• Moving Average มี 4 ประเภทได้แก่ simple, exponential, linear weighted และ smoothed ความแตกต่างของแต่ละประเภทมีเพียงแค่ด้านเทคนิคเท่านั้น (น้ำหนักที่ได้กำหนดในข้อมูลครั้งล่าสุดมีจำนวนเท่าไหร่) เราแนะนำให้คุณใช้ประเภท simple อย่างที่นักเทรดทั่วไปใช้กัน

• ช่วงเวลาที่นิยมสำหรับ MA คือ ช่วงเวลา 200, 100, 50 และ 20. 200 กล่าวคือ ช่วงเวลาของ MA อาจะช่วยการวิเคราะห์แนวโน้ม “ย้อนหลัง” ได้ในระยะยาว ในขณะที่ช่วงเวลา MA ที่ 20 มีหน้าที่เพื่อติดตามแนวโน้มในระยะสั้น

วิธีการอธิบาย

• กล่าวโดยสังเขป แนวโน้มที่ว่าตลาดขาขึ้นเมื่อราคาของคู่สกุลเงินนั้นเหนือกว่า MA และ ตลาดขาลงเมื่อราคาตกอยู่ด้านล่าง นอกจากนี้ จำไว้เสมอถึงวิธีการย้าย MA ต่อช่วงเวลาที่แตกต่างกัน

  
  

• อคติด้านบนได้รับการยืนยันเมื่อเป็น MA ระยะสั้น (เช่น ระยะเวลา 50) สูงกว่า MA ระยะยาว (เช่น ระยะเวลา 100) และในทางกลับกันเมื่ออคติลดลงจะได้รับการยืนยันเมื่อ MA ระยะสั้นลงต่ำกว่า MA ระยะยาว

กล่าวโดยสรุป

Moving Averageแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน (ซื้อเมื่อแนวโน้มตลาดสูง, ขายเมื่อแนวโน้มตลาดต่ำ) MA จะไม่บอกคุณว่าคุณควรเปิดการเทรดด้วยเลเวลใด (ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องการ indicator ตัวอื่นๆ) ผลลัพธ์ที่ได้ การใช้แนวโน้มของ indicator นั้นควรจะทำระหว่างขั้นแรกของการทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณ

2.Bollinger Bands - indicator ที่ใช้วัดความผันผวน

Bollinger Bands ช่วยในการวัดความผันผวนของตลาด (เช่น ระดับความแปรปรวนของราคาเทรด) 

หลักการทางเทคนิค

Bollinger Bands ประกอบด้วย 3 เส้น ในแต่ละเส้น(band) คือ MA เส้นตรงกลางนั้นส่วนมากเป็นระยะเวลาที่ 20 ซึ่งเป็นการระบุทิศทางของแนวโน้มเหมือนกับ MA ที่ได้กล่าวไปข้างต้น เส้นขอบบนและขอบล่าง (หรือเส้น “ผันผวน”) จะถูกเลื่อนด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสองส่วนทั้งด้านบนและด้านล่างของแถบกลาง

ความหมายอย่างง่าย

ตัวชี้วัด Bollinger Bandsใส่ราคาลงในกล่องระหว่างเส้นขอบนอกสองเส้น ราคานั้นจะหมุนรอบเส้นกลางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวนี้สามารถไปและทดสอบระดับเหนือเส้นนอกได้ หากแต่เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น และตัวชี้วัดนี้จะไม่สามารถออกไปไหนไกลได้ หลังจากการเบี่ยงเบนออกจากศูนย์กลางราคาจะต้องกลับเข้ามาตรงกลาง คุณยังสามารถสังเกตได้อีกว่าระหว่างช่วงเวลาของ bollinger Bands บางช่วงเวลานั้นได้ขยับเข้ามาหากัน ในขณะที่ช่วงเวลาอื่นๆจะกระจายออกและขยายช่วงให้กว้างขึ้น ยิ่งช่วงแคบลงเท่าไหร่ ความผันผวนก็จะน้อยลงไปด้วยและอื่นๆ แบนด์จะถูกขยายตัวออกไปเมื่อตลาดผันผวนอีกครั้ง

ข้อดีของ Bollinger Bands 

Indicator นี้ความจริงแล้วเหมาะกับตลาด Sideways อย่างมาก (เมื่อคู่สกุลเงินนั้นมีการเทรดในช่วงที่เลือก) ในกรณีนี้ เส้นของ indicator สามารถใช้เป็นแนวรับและแนวต้าน เมื่อนักเทรดสามารถเปิดตำแหน่งขึ้นมาได้

ข้อเสียของ Bollinger Bands

ในช่วงแนวโน้มแข็งตัว เส้น Bollinger จะใช้เวลานานและไม่สามารถไปยังฝั่งตรงข้ามได้ ผลที่ตามมาคือ เราไม่แนะนำการใช้ Bollinger Bands สำหรับการเทรดในตลาด

วิธีการอธิบาย

• ยิ่งราคาเข้าใกล้เส้นบน อาจจะทำให้ต้องซื้อสกุลเงินมากเกินความจำเป็น เพื่อทำให้ง่ายในเวลานี้ผู้ซื้อได้ทำเงินบนราคาล่วงหน้าและปิดการเทรดเพื่อเอากำไรแล้ว ผลก็คือคู่สกุลเงินที่ซื้อเกินนั้นจะหยุดเพิ่มและลดลงมา ราคาที่เพิ่มขึ้นเหนือเส้น อาจเป็นสัญญาณการขาย ขณะที่ราคาลดต่ำลงก็เป็นสัญญาณการซื้อนั่นเอง

  
  

• เส้นขอบนอกจะขยายขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น และจะแคบลงเมื่อความผันผวนลดลง ช่วงความผันผวนสูงและต่ำมักจะไปตามกัน ดังนั้นเส้นที่แคบโดยมากแล้วหมายถึงความผันผวนกำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เคล็ดลับ

เราไม่แนะนำการใช้ Bollinger Bands โดยปราศจากการคอนเฟริมจากเครื่องมือ indicator/เทคนิค ใดๆ Bollinger Bands ไปได้ดีกับกราฟแท่งเทียน, เทรนไลน์ และ สัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาอื่นๆ

กล่าวโดยสรุป

Bollinger Bands ทำงานได้ดีเมื่อตลาดยังไม่เป็นที่นิยม indicator ตัวนี้สามารถเป็นพื้นฐานของระบบการเทรดได้เลย แต่ไม่สามารถใช้งานเดี่ยวๆได้โดยคุณจะต้องใช้คู่กับเครื่องมือตัวอื่นๆด้วย

3.MACD- indicator แสดงเฟสของตลาด

MACD (Moving Average Convergence/Divergence) วัดแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังตลาด ตัวนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อตลาดไม่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางใดอีกแล้วและมีความจำเป็นต้องหยุด (การแก้ไข)

หลักการทางเทคนิค

MACD แท่ง Histogram มีความแตกต่างระหว่างช่วง 26 และ ช่วง 12 ที่แทน exponential moving averages (EMA) และยังรวมถึงเส้นสัญญาณ (การเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ค่า period ที่ 9)

ความหมายอย่างง่าย

MACD มีพื้นฐานจากค่าเฉลี่ยที่เคลื่อนที่ แต่ยังเกี่ยวข้องกับสูตรการคำนวณอื่นๆอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นประเภทของตัวชี้วัดทางเทคนิคที่รู้จักกันในชื่อ oscillators โดย oscillators จะแสดงแยกต่างหากในกล่องด้านล่างของชาร์ตราคา หลังจากที่ oscillators ยกระดับเพิ่มสูงขึ้นจะไม่มีวันลดต่ำลงมา ซึ่งเหมือนกับชาร์ตราคานั่นเอง ความแตกต่างคือ ขณะที่ MACD ต้องการกลับไปที่ 0 หรือต่ำกว่า ราคาที่ลดลงนั้นจะมีขนาดเล็กลง นี่คือวิธีการที่ MACD “พยากรณ์” ราคาเปิดได้

วิธีการอธิบาย

• การเพิ่ม/ลด อย่างเห็นได้ชัด ขายเมื่อ แท่ง Histogram เริ่มลดลงหลังจากค่าล่วงหน้าที่ตั้งไว้ ซื้อเมื่อ แท่ง Histogram เริ่มเติบโตหลังจากที่ลดลงไปแล้วอย่างมาก

  
  

• เส้นตัดระหว่างแท่ง Histogram และ เส้นสัญญาณ สามารถทำให้การเข้าสู่ตลาดมีความแม่นยำยิ่งขึ้น ซื้อเมื่อ MACD-histogram สูงกว่าเส้นสัญญาณ ขายเมื่อ MACD-histogram อยู่ต่ำกว่าเส้นสัญญาณ

  
  

• เส้นศูนย์เป็นการยืนยันเพิ่มเติม เมื่อ MACD ข้ามเส้นศูนย์ไปเป็นการแสดงให้เห็นถคงความแข็งแกร่งของตลาดขาขึ้นหรือขาลง ซื้อเมื่อ  MACD-histogram อยู่เหนือกว่า 0 ขายเมื่อ MACD-histogramอยู่ต่ำกว่า 0 จำไว้ว่าสัญญาณดังกล่าวนี้อ่อนแอกว่าอันก่อนหน้า

  
  

• Divergence ถ้าราคาเพิ่มขึ้นและMACDตกลงมา นั่นหมายความว่าราคาล่วงหน้าไม่ได้รับการยืนยันโดย indicator และการรวมกันเกือบจะสิ้นสุดลง ในทางกลับกันถ้าราคาตกและ MACD เพิ่มสูงขึ้นจะถือเป็นขาขึ้นในระยะสั้น

เคล็ดลับ

• เส้นตัดระหว่างแท่ง Histogram และ เส้นสัญญาณ เป็นสัญญาณที่ดีของ MACD

• การตามหา Divergence ระหว่าง MACS และ ราคา เป็น indicator ที่ดีของการแก้ไขที่กำลังจะเกิดขึ้น

ข้อดีของ MACD

• MACD สามารถใช้ได้ทั้งการดูแนวโน้มหรืออันดับของตลาด

• ถ้าหากคุณเข้าใจ MACD ก็จะเป็นการง่ายสำหรับคุณในการเรียนรู้วิธีของ oscillator ว่าทำงานอย่างไร เพราะกฏนั้นค่อนข้างเหมือนกัน

ข้อเสียของ MACD

Indicator ช้ากว่าราคาบนชาร์ต ดังนั้นสัญญาณบางอย่างอาจมาช้าและอาจไม่ได้ล้อไปกับการเคลื่อนไหวของตลาดที่แข็งแกร่ง

กล่าวโดยสรุป

เป็นสิ่งดีที่มี MACD บนชาร์ตของคุณ เพราะสามารถวัดได้ทั้งแนวโน้มและการเคลื่อนไหว ตัวนี้สามารถเป็น indicator ที่แข็งแกร่งบนระบบการเทรดได้อีกตัวหนึ่ง แม้ว่าเราไม่แนะนำให้ใช้ indicator ตัวนี้เพียงตัวเดียวในการตัดสินใจในการเทรดก็ตาม

บทความนี้ เราได้แนะนำ 3 อันดับ Indicator Forex ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่สามารถใช้งานในการเทรด Forex แต่เราก็ต้องเข้าใจว่า Indicator มีทั้งข้อดีและข้อเสีย Indicator forex เพียงตัวเดียวไม่สามารถให้สัญญาณการเทรดที่ดีกับคุณได้ คุณจำเป็นต้องใช้อย่างน้อย 2-4 อินดิเคเตอร์ ในการเทรด forex