ดัชนีดอลล่าร์ (Dollar Index)คืออะไร? มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับการลงทุน

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

ในบทความนี้เราจะชวนนักลงทุนทุกคนมาทำความเข้าใจทุกรายละเอียดของดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) รวมทั้งวิเคราะห์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย บางคนอาจยังไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร มาทำความเข้าใจกับ Dollar Index ให้มากขึ้นกัน

ดัชนีดอลล่าร์ (Dollar index) คืออะไร?

Dollar Index เป็นดัชนีชี้วัดมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินสำคัญทั่วโลก 6 สกุล หลังระบบ Bretton Woods ล่มสลาย Dollar Index ได้รับการพัฒนาครั้งแรกเมื่อปี 1973 โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการดูว่าค่าเงินของดอลลาร์สหรัฐฯ มีความแข็งค่าหรืออ่อนค่าอย่างไร


Dollar Index หรือ US Dollar Index จะแสดงมูลค่าโดยรวมของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งดัชนีดอลล่าร์นี้เป็นดัชนีที่คำนวณค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเปรียบเทียบกับค่าเงินต่าง ๆ ทั่วโลกนอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำเป็นอย่างมากอีกด้วย ถือเป็นดัชนีดอลลาร์ที่สำคัญที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้


ความแตกต่างระหว่างคู่สกุลเงินดอลลาร์และดัชนีดอลลาร์

คู่เงิน Forex จะเป็นสกุลเงินแตกต่างกัน 2 สกุลเงิน ถูกนำมาเปรียบเทียบมูลค่ากันเป็นคู่ ๆ นั่นเอง โดยตัวหน้าของคาเงินจะเรียกว่า “สกุลเงินหลัก" (Base Currency Pair) หรือคู่เงินหลัก” ตามตัวอย่าง EUR/USD สกุลเงินหลักคือ EUR ในขณะที่ ตัวหลังของคู่เงิน จะเรียกว่า “สกุลเงินรอง (Quote Currency) หรือคู่เงินรอง”


สัญลักษณ์ของคู่เงิน จะถูกกำหนดเป็นมาตรฐานสากล ทุกคนบนโลกจะใช้สัญลักษณ์คู่เงินเหมือนกันหมด เช่น หากจะทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินยูโรกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเห็นว่า EUR ต้องอยู่นำหน้าเท่านั้น เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้จะไม่มีสัญลักษณ์ USD/EUR


วิธีการอ่านค่า คือ สัญลักษณ์ EURUSD = 1.25 จะหมายความว่า 1 EUR จะสามารถแลกสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เป็นจำนวน 1.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ


ส่วนประกอบของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนประกอบดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ จะประกอบด้วยสกุลเงินหลัก 6 สกุล ได้แก่ ยูโร เยนญี่ปุ่น อังกฤษ ปอนด์ ดอลลาร์แคนาดา โครนาสวีเดน และฟรังก์สวิส ก่อนการสร้างเงินยูโร USDX เดิมแต่ก่อนมี 10 สกุลเงิน


วิธีการคำนวณดัชนีดอลลาร์


การทำงานของดัชนีดอลลาร์และสกุลเงินที่อยู่ในดัชนีนี้ เป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของสกุลเงินต่างประเทศรวม 6 สกุลเงิน โดยใช้สกุลเงินนำมาคำนวณดังนี้


  • ยูโร (EUR): 57.6%

  • เยนญี่ปุ่น (JPY): 13.6%

  • ปอนด์อังกฤษ (GBP): 11.9%

  • ดอลลาร์แคนาดา (CAD): 9.1%

  • โครนาสวีเดน (SEK): 4.2%

  • ฟรังก์สวิส (CHF): 3.6%


 6 สกุลเงิน

ที่มา: Mitrade


จากรูปข้างต้นเป็นการแสดงถึงการให้น้ำหนักในการคำนวณ U.S. Dollar Index ในแต่ละประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสกุลเงินที่มีน้ำหนักต่อการคำนวณมากที่สุดคือ EUR (57.6%)


สูตรการคำนวณ U.S. Dollar Index

USDX = 50.14348112×EUR/USD^(-0.576)×USD/JPY^(0.136)×GBP/USD^(-0.119)× USD/CAD^(0.091) × USD/SEK^(0.042) × USD/CHF^(0.036)


(โดยที่ ^ เท่ากับ ยกกำลัง)


ค่า 50.14348112 เป็นค่าที่ทำให้ดัชนีตัวนี้ให้มีค่าเริ่มต้นที่ 100 ในวันที่เริ่มต้นคำนวณดัชนี (March 1973) ซึ่งเคยปรับตัวขึ้นสูงสุดราว 160 และต่ำสุดที่ 70.698 ในวันที่ 16 มี.ค. 2008


ข้อดีและข้อเสียของดัชนีดอลล่าร์


👍 ข้อดี

Dollar Index ใช้วัดความแข็งค่าและความอ่อนตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินต่าง ๆ ทั่วโลกได้ บอกแนวโน้มของราคาสินค้า เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันจะปรับตัวลง และสามารถบอกทิศทางการลงทุนของนายทุน ซึ่งโดยทั่วไปการลงทุนของนักลงทุนจะเน้นไปที่สกุลเงินที่แข็งกว่าอีกสกุลเงินที่อ่อนกว่า เนื่องจากสกุลเงินที่นำไปลงทุนนั้นจะมีค่าเพิ่มมากขึ้นเมื่อเงินสกุลนั้นมีค่าเพิ่มขึ้น และจะยิ่งดึงดูดให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้โครงสร้างของ Dollar Index ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมานานหลายปีแล้วซึ่งแสดงถึงความเสถียรของดัชนีเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง


👎 ข้อเสีย

เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

ที่มา:tradingview


ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ จะมีความสัมพันธ์ในเชิงลบกับราคาทองคำโลก คือ ถ้าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญของโลก เช่น เงินยูโร เงินเยน หรือพิจารณาจาก US Dollar Index ราคาทองคำโลกจะสูงขึ้น เพราะราคาทองคำซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ทองคำจะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นที่นักลงทุนถือไว้ จึงสร้างแรงซื้อเข้ามาดันให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และนอกจากนี้ Dollar Index จะไม่สามารถรวมสกุลเงินเพิ่มมากขึ้นได้ เช่น หยวนจีน (CNY) ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถวัดภาพรวมของมูลค่าดอลลาร์สหรัฐได้ถ้าเทียบกับดัชนีที่ใหญ่กว่า และความแข็งค่าของเงินยูโรมี หมายความว่า ถ้าเงินยูโรอ่อนค่าจะส่งผลให้ USDX อ่อนค่าลงไปตามกันอีกด้วย

ดัชนีดอลลาร์กับดัชนีดอลลาร์ถ่วงน้ำหนักการค้ามีความแต่ต่างอย่างไรบ้าง

ดัชนีดอลล่าร์

แสดงถึงมูลค่าโดยรวมของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ  ซึ่งดัชนีดอลล่าร์นี้เป็นดัชนีที่คำนวณค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเปรียบเทียบกับค่าเงินต่าง ๆ เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่เป็น "คู่ค้าหลัก" ของอเมริกา รวม 6 สกุลเงิน USDX จะมีความสัมพันธ์และส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนหรือราคาของ EURUSD มากที่สุด แต่ความสัมพันธ์นี้ก็ไม่ได้ตายตัว แต่ด้วยน้ำหนักมากถึง 57.6% จึงวิ่งสวนทางกันเสมอ


ดัชนีดอลลาร์ถ่วงน้ำหนัก

ดัชนี Trade Weighted Dollar Index หรือเรียกว่า Broad Index ดอลลาร์ถ่วงน้ำหนักการค้าเป็นดัชนีที่สร้างขึ้นโดย Fed เปิดตัวในปี 1998 เพื่อตอบสนองต่อการใช้เงินยูโร เพื่อวัดมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ และเพื่อสะท้อนถึงปัจจุบันได้แม่นยำยิ่งขึ้น ตลอดจนใช้สรุปผลกระทบของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และการอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ Fed ได้เลือก 26 สกุลเงินที่จะใช้ในดัชนี มีใช้กันอย่างแพร่หลายในการค้าระหว่างประเทศมากกว่าการเปรียบเทียบค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินต่างประเทศทั้งหมด เนื่องจากสกุลเงินมีน้ำหนักต่างกัน การเปลี่ยนแปลงในแต่ละสกุลเงินจะมีผลเฉพาะกับดอลลาร์ที่ถ่วงน้ำหนักการค้าและดัชนีที่เกี่ยวข้อง

การขึ้นและลงของดัชนีดอลลาร์มีความสำคัญอย่างไร

Dollar Index เป็นดัชนีชี้วัดมูลค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ซึ่งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ทิศทาง Dollar Index จึงส่งผลต่อทิศทางราคาสินทรัพย์ด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีทิศทางตรงกันข้ามกัน ดังนั้นดังนั้นนักลงทุนอาจใช้มุมมองทิศทาง Dollar Index เพื่อประโยชน์ในการลงทุนสินทรัพย์ได้


การขึ้นลงของดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสามารถบอกถึงแนวโน้มทิศทางการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้

Dollar index อ่อนค่า ↑สกุลเงินอื่นๆ มีโอกาสแข็งค่า ↑
Dollar index แข็งค่า ↓สกุลเงินอื่นๆ มีโอกาสอ่อนค่า ↓


รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง น้ำมันและทองคำ ที่ใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการดูทิศทางการเคลื่อนไหวที่เป็นสากล ทำให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีผลโดยตรงต่อ ราคาน้ำมันและทองคำ

Dollar index อ่อนค่า ↓ทองคำ / น้ำมัน มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ↑
Dollar index แข็งค่า ↑ทองคำ / น้ำมัน มีโอกาสปรับตัวลดลง ↓


ผลกระทบของการขึ้นและลงของดัชนีดอลลาร์ต่อประเทศไทย


การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของค่าเงินส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ มีคนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน เมื่อดอลลาร์สหรัฐคือสกุลเงินหลักของโลก การแข็งค่าของสกุลเงินหนึ่งหรือก็คือการอ่อนค่าของอีกสกุลเงินหนึ่งโดยเปรียบเทียบเสมอ


ค่าเงินบาทเองก็ไม่ต่างกับสกุลเงินอื่น ๆ ที่ต้องอ้างอิงราคากับสกุลเงินอีกสกุลเพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลง และอย่างที่รู้กันว่าเงินดอลลาร์ถือว่าเป็นมหาอำนาจของโลก ณ ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าต่าง ๆ ในระดับโลกถูกซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลาเจรจาต่อรองซื้อกับต่างประเทศก็เลยทำให้ต้องคุยให้รูปของสกุลเงิน 'ดอลลาร์'


สำหรับคนที่ชอบซื้อของจากต่างประเทศหรือชอบเที่ยวต่างประเทศจะรู้เลยว่าถ้าดอลลาร์อ่อนค่านั้นคือสวรรค์ของเราดี ๆ นี่เอง เพราะเราจะซื้อของและไปเที่ยวต่างประเทศได้ด้วยการใช้เงินบาทที่น้อยลง


ไม่ต่างจากธุรกิจอื่น ๆ เพราะเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าจะทำให้ 'นำเข้า' วัตถุดิบได้ในราคาถูกลงทำให้เหลือเงินเก็บเป็นกำไรมากขึ้น เช่น ธุรกิจการบินอย่าง THAI , AAV หรือ BA ที่ต้นทุนหลักคือต้นทุน 'ค่าเชื้อเพลิง' ที่เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าจะทำให้สายการบินซื้อน้ำมันได้ในราคาที่ถูกลง รวมถึงธุรกิจอื่น เช่น กลุ่มพลังงานหรือโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC , GULF หรือ BGRIM ที่มีเงินกู้ส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ที่การแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทลดลง


มองอีกด้านถ้าหากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า เวลาที่เรามีเงินจากการไปทริปต่างประเทศจะเริ่มมีค่าขึ้นมาทันที เพราะค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจะทำให้เราแลกเงินบาทกลับมาได้จำนวนมากขึ้น ซึ่งสำหรับ 'ผู้ส่งออก' แน่นอนว่าชอบให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น เนื่องจากเวลาขายของส่งออกไปต่างประเทศจะมีการซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์ จากนั้นเมื่อค้าขายได้เงินก็จะต้องแลกกลับเป็นเงินบาทก็จะได้เงินบาทมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจ 'ส่งออก' ต่าง ๆ ให้มีรายรับเป็นเงินบาทมากขึ้น เช่น ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง KCE หรือ HANA รวมถึงธุรกิจส่งออกอาหาร เช่น TU, CFP และ GFPT ที่จะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์โดยตรง


อีกธุรกิจหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ 'ท่องเที่ยว' ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าและบริการที่คิดเป็นเงินบาทจะถูกลงในสายตาต่างชาติ และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยมากขึ้น และส่งผลบวกแบบอ้อม ๆ ให้กับท่าอากาศยาน ธุรกิจโรงแรม และท่องเที่ยวไปด้วย หรือที่เรามักจะเรียกธุรกิจท่องเที่ยวว่า 'ส่งออกบริการ' เมื่อเป็นการส่งออกก็ย่อมได้ประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นนั่นเอง


สุดท้ายแล้วคิดว่าในทุกความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์จะมีผู้ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ทั้งนั้น เราในฐานะนักลงทุนและผู้บริโภคก็สามารถฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงนี้ได้ เพียงแค่เล็งเห็นโอกาสและวางแผนจับจังหวะการลงทุนให้เหมาะสม


ปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ

นโยบายการเงินของสหรัฐฯ: ปัจจัยพื้นฐานที่มีอิทธิพลต่อราคาดัชนี US Dollar คือนโยบายการเงินของ Fed การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดึงดูดเงินทุนต่างประเทศที่ลงทุนด้วยเงินดอลลาร์ ในขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ดอลลาร์มีความน่าสนใจน้อยลง เช่นเดียวกับการซื้อสินทรัพย์ ยิ่ง Fed ทำการซื้อมีการสินทรัพย์มากเท่าใด เงินดอลลาร์ก็คาดว่าจะอ่อนค่ามากขึ้นเท่านั้น


*Fed*

หลังจากที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ


นอกจากนี้ Fed คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 1.0% ในปี 2567 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ในช่วงสิ้นปีดังกล่าว และ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1.0% ในปี 2568 สู่ระดับ 3.1% ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับตัวสู่ระดับ 2.5%


สถิติทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ: สถิติเศรษฐกิจของสหรัฐที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะมีอิทธิพลอย่างมากในทันทีต่อราคาของดัชนี US Dollar เนื่องจากดอลลาร์เป็นสกุลเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา และสถิติของสหรัฐฯ เป็นตัววัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้นสถิติทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จะทำให้ดัชนี US Dollar แข็งค่า ในขณะที่ความย่ำแย่ของตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจทำให้ดัชนีลดลง


การพัฒนาของเงินยูโร: เงินยูโรเป็นตัวแทนมากกว่า 50% ของมูลค่าของ 6 สกุลเงินเทียบกับดอลลาร์ การพัฒนาของสกุลเงินยูโรจึงสามารถส่งผลกระทบต่อราคาของดัชนี US Dollar ตัวอย่างเช่น หาก ECB ประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างกระทันหัน เราก็จะคาดว่าค่าเงินยูโรจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และดัชนี US Dollar จะลดลง


*ECB*

นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน


ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนกันยายนและตุลาคม ล่าสุดปรับขึ้น 0.50% ในเดือนธันวาคม


นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า ECB จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อกดดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% ของ ECB


นายคลาส นอต และนายปีเตอร์ คาซิเมียร์ ซึ่งเป็นกรรมการ ECB กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินทั้งในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2566


ลงทุนใน US Dollar Index CFD

CFD (Contract for Difference) หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากสินทรัพย์อ้างอิงได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงอีกด้วย เช่นเราอยากลงทุนในดัชนี US Dollar Index เราสามารถทำการซื้อขายได้ทันทีเพียงส่งคำสั่งซื้อขาย และเสนอความได้เปรียบด้านอัตราทด (Leverage) ให้กับเทรดเดอร์ ทำให้ได้รับผลตอบแทนเหมือนเราเป็นเจ้าของสินทรัพย์และได้ซื้อขายสินค้านั้นจริง ๆ


การเทรด US Dollar Index ด้วย CFD จึงทำให้เทรดเดอร์มีความได้เปรียบกว่าเครื่องมืออื่น ๆ หลายอย่าง เช่น


  • ใช้เงินทุนน้อยและมีโอกาสขยายกำไรเป็นหลายเท่าได้ แต่เวลาขาดทุนก็จะขาดทุนมากเช่นกัน

  • เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น US Dollar Index CFD จะสามารถเทรดได้ทั้งเมื่อกราฟวิ่งขึ้นหรือลง ทำให้คุณมีโอกาสทำเงินจาก US Dollar Index ในทุกความเคลื่อนไหว


การลงทุนใน CFD จะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนไม่มาก เทรดแบบระยะสั้นสำหรับนักลงทุนรายย่อย หากคุณกังวล


เราเสนอมือใหม่ลองใช้บัญชีทดลอง>>ของ Mitrade เพื่อฝึกฝนการเทรดเงินเสมือนจริง $50,000 ฟรี


mitrade
🎉ห้ามพลาด!!
ค่าคอมมิชชั่น 0 สเปรดต่ำ เงินฝากขั้นต่ำ $50
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

การลงทุนใน CFD ไม่พียงแต่จะสามารถลงทุนในดัชนี US Dollar Index เท่านั้น แต่เรายังสามารถลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น ฟอเร็กซ์ ดัชนี หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์


ลงทุนใน US Dollar Index คู่เงิน Forex


การเทรด Forex เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปยังอีกสกุลเงินหนึ่ง สามารถสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ต้องมีความเข้าใจขั้นพื้นฐานอยู่ด้วย เช่น เอาเงินบาทที่มีไปแลกซื้อเงินดอลลาร์เก็บไว้ ทำกำไรให้คนเทรด Forex อย่างมาก และยังเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลกอีกด้วย ผู้คนที่เข้ามาลงทุนมีทั้งดีลเลอร์ นักเก็งกำไร ธนาคารกลาง และนักลงทุนรายย่อย


สรุป

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ US Dollar Index หรือ Dollar Index ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถเป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มการลงทุน เพราะเราสามารถคาดคะเนแนวโน้มทั้งในส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐรวมไปถึงสกุลเงินอื่น ๆ อีกมาก  นับว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับตลาด Forex รวมไปถึงตลาดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ราคาน้ำมันก็ด้วย รวมไปถึง Dollar Index ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเทรดทำกำไรในตลาด Forex และสามารถทำกำไรได้ในระยะสั้นและระยะกลางได้ดีอีกด้วย แต่การนำมาซึ่งผลกำไรนั้นนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนด้วยนะคะ


อ้างอิง

moneybuffalo, tradingview,ryt9

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
6 โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2567คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2567 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 19 พ.ค. 2023
คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2567 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
placeholder
วิธีอ่านกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex สำหรับมือใหม่หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในการเทรด Forex การอ่านกราฟแท่งเทียนให้แตกฉานถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกราฟแท่งเทียนเป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่คุณสามารถพบได้บนทุกแพลตฟอร์ม และเทรดเดอร์หลายคนสามารถทำกำไรก้อนโตจากฟอเร็กซ์โดยอาศัยเพียงการอ่านกราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว บทความนี้จะสอนวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านนะครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 26 ก.ค. 2023
หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในการเทรด Forex การอ่านกราฟแท่งเทียนให้แตกฉานถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกราฟแท่งเทียนเป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่คุณสามารถพบได้บนทุกแพลตฟอร์ม และเทรดเดอร์หลายคนสามารถทำกำไรก้อนโตจากฟอเร็กซ์โดยอาศัยเพียงการอ่านกราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว บทความนี้จะสอนวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านนะครับ
placeholder
ตลาด Forex เปิดกี่โมง(เวลาไทย)และเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด Forexการประสบความสำเร็จในการเทรด Forex คุณจำเป็นจำต้องรักษาสมดุลระหว่างหลักการและกลยุทธ์ หากพยายามมองเกมในมุมสูงคุณอาจจะเห็นภาพรวม แต่ก็อาจจะตกมาเจ็บก็ได้ ดังนั้นการมองหลายๆ ด้านถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญของ VI โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวอย่าง “เวลา” ในการเปิดปิดของตลาด Forex ในแต่ละประเทศ ซึ่งหากคุณมองข้อได้เปรียบจากจุดนี้ออกคุณจะทราบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำกำไรของคุณ และแน่นอนสำหรับเวลาที่เสี่ยงที่สุดที่คุณควรหลีกเลี่ยง เวลาในแต่ละตลาดจะต่างกันไปตามโซนทวีปซึ่งผลจะอธิบายโดยอ้างอิงตามเวลาไทยเพื่อความเข้าใจของผู้อ่าน นอกจากนี้เราจะไปติดตามผลกระทบของข่าวในตลาด Forex ว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างกำไรได้อย่างไรอีกด้วย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 15 มี.ค. 2023
การประสบความสำเร็จในการเทรด Forex คุณจำเป็นจำต้องรักษาสมดุลระหว่างหลักการและกลยุทธ์ หากพยายามมองเกมในมุมสูงคุณอาจจะเห็นภาพรวม แต่ก็อาจจะตกมาเจ็บก็ได้ ดังนั้นการมองหลายๆ ด้านถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญของ VI โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวอย่าง “เวลา” ในการเปิดปิดของตลาด Forex ในแต่ละประเทศ ซึ่งหากคุณมองข้อได้เปรียบจากจุดนี้ออกคุณจะทราบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำกำไรของคุณ และแน่นอนสำหรับเวลาที่เสี่ยงที่สุดที่คุณควรหลีกเลี่ยง เวลาในแต่ละตลาดจะต่างกันไปตามโซนทวีปซึ่งผลจะอธิบายโดยอ้างอิงตามเวลาไทยเพื่อความเข้าใจของผู้อ่าน นอกจากนี้เราจะไปติดตามผลกระทบของข่าวในตลาด Forex ว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างกำไรได้อย่างไรอีกด้วย
placeholder
Forex เล่นยังไง? วิธีเทรด Forex สำหรับมือใหม่ 2567Forex เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงชนิดหนึ่งของโลก ในปี 2566 ตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนต่อวันกว่า $6.6 ล้านล้าน ด้วยสภาพคล่องจำนวนมากและเครื่องมือในการเทรด Forex ที่หลากหลายจึงเปิดโอกาสให้นักเทรดหลากหลายกลุ่มเข้มาแสวงหากำไรจากตลาดนี้ได้ไม่ยาก คราวนี้เราจะจึงมาดูกันว่า Forex เล่นยังไง? และสำหรับนักเทรดทั่วไปจะมีวิธีเทรด Forex ได้อย่างไรบ้าง?
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 08 มิ.ย. 2023
Forex เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงชนิดหนึ่งของโลก ในปี 2566 ตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนต่อวันกว่า $6.6 ล้านล้าน ด้วยสภาพคล่องจำนวนมากและเครื่องมือในการเทรด Forex ที่หลากหลายจึงเปิดโอกาสให้นักเทรดหลากหลายกลุ่มเข้มาแสวงหากำไรจากตลาดนี้ได้ไม่ยาก คราวนี้เราจะจึงมาดูกันว่า Forex เล่นยังไง? และสำหรับนักเทรดทั่วไปจะมีวิธีเทรด Forex ได้อย่างไรบ้าง?
placeholder
3 อันดับ Indicator Forex ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในบทความนี้ เราขอแนะนำให้คุณอย่าตัดสินหนังสือด้วยหน้าปก เพราะเราจะหาคำอธิบายของ 3 อันดับ Indicator Forex ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เรารับรองว่าคุณจะเข้าใจวิธีการใช้ Indicator ได้แน่นอน หากคุณเริ่มสนใจแล้ว เรามาเริ่มกันเลย!
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 15 มิ.ย. 2023
ในบทความนี้ เราขอแนะนำให้คุณอย่าตัดสินหนังสือด้วยหน้าปก เพราะเราจะหาคำอธิบายของ 3 อันดับ Indicator Forex ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เรารับรองว่าคุณจะเข้าใจวิธีการใช้ Indicator ได้แน่นอน หากคุณเริ่มสนใจแล้ว เรามาเริ่มกันเลย!
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์