Bollinger Band คืออะไร? วิธีใช้งาน Bollinger Band สำหรับการเทรดฟอเร็กซ์

ตลาดฟอเร็กซ์ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนมากที่สุด แต่จะดีแค่ไหนหากมีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ความผันผวนและราคาของตลาดได้ ด้วยอินดิเคเตอร์ Bollinger Band สามารถใช้เพื่อดูแนวโน้มของราคา วัดความผันผวนของตลาด วิเคราะห์การซื้อหรือขายที่มากเกินไปในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเทรดของคุณได้อย่างมาก 

เริ่มต้นทำความเข้าใจเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ Bollinger Band เพื่อทดลองเทรดได้ด้วยตัวคุณเองวันนี้!

ลองใช้บัญชีทดลองฟรี!!

 *ห้ามพลาด!! เข้าสู่ Mitrade จะเพื่อฝึกฝนเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50,000 ฟรี*

หนึ่งในอินดิเคเตอร์ฟอเร็กซ์ยอดฮิตคือ Bollinger Band เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคลักษณะของอินดิเคเตอร์จะมีลักษณเป็นแถบยาว ๆ ซึ่งประกอบด้วย Upper band Middle Band และ Lower band อินดิเคเตอร์นี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเทรดเดอร์ในการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน โดยทั่วไปเทรดเดอร์จะใช้ Bollinger Bands สำหรับกำหนดกรอบ Band ที่ซื้อเกินและขายเกินไปเพื่อยืนยันความแตกต่างระหว่างราคา อีกทั้งดูความต่อเนื่องและการเคลื่อนที่ของราคา

รูปภาพนี้แสดงถึงอินดิเคเตอร์ Bollinger Band เมื่อคุณไปยังกระดานเทรดแล้ว และเลือกตัวชี้วัดที่ชื่อว่า “Bollinger Band” กราฟราคาจะเพิ่มเส้น 3 เส้นที่มีลักษณะเป็นแถบยาว ๆ นี้

จุดกำเนิดของ Bollinger Band

John Bollinger เป็นประธานและผู้ก่อตั้ง Bollinger Capital Management เป็นเจ้าของหนังสือ "Bollinger on Bollinger Bands" จัดพิมพ์โดย McGraw Hill ในปี 2001 และได้รับการแปลเป็น 12 ภาษา และยังเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์สำหรับนักลงทุนหลายแห่ง 

John Bollinger เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักลงทุนมืออาชีพ เขาเป็นนักวิจัยตัวยงที่ได้พัฒนาเครื่องมือการลงทุนและเทคนิคการวิเคราะห์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายจำนวนมาก ได้แก่ Bollinger Bands และเครื่องมือพัฒนาขึ้นมานั้นได้ถูกนำไปใช้ในแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายแห่งในปัจจุบัน

ที่มา:bollingerbands

ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ตัวชี้วัด Bollinger Bands ได้รับการพัฒนาโดย John Bollinger และออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนสามารถระบุการซื้อขายสินทรัพย์ที่มากเกินไป โดยการใช้อัตราเบี่ยงเบนมาตรฐานเพื่อทำให้กรอบ Bandการซื้อขายปรับตัวได้ เมื่อใช้อินดิเคเตอร์นี้จะชี้ให้เห็นว่าความผันผวนมีความเคลื่อนไหวอยู่เสมอและไม่ได้อยู่ในแนวคงที่อย่างที่เชื่อถือกันในวงกว้างอย่างท่ีคนในช่วงเวลานั้นเชื่อกัน สำหรับ Bollinger Bands สามารถใช้ได้ในตลาดการเงินทั้งหมด รวมถึงตราสารทุน ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และฟิวเจอร์ นอกจากจากนี้ยังสามารถใช้ได้ในกรอบเวลาส่วนใหญ่ ตั้งแต่ช่วงเวลาระยะสั้นไปจนถึงรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้

รูปภาพนี้แสดงถึงเส้นอินดิเคเตอร์ Bollinger Band ที่ประกอบไปด้วยเส้น ดังต่อไปนี้

Upper Band

ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน คำนวณโดยการบวกผลคูณของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) เข้ากับแถบกลาง ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคือการวัดความผันผวนของราคา และโดยทั่วไปจะใช้กรอบเวลามองย้อนกลับ 20 ช่วง ตัวคูณร่วมคือ 2 ดังนั้น Upper Band จะเป็น SMA 20 วัน บวกสองเท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 20 วัน

Middle Band (SMA)

ทำหน้าที่เป็นทั้งแนวรับและแนวต้าน แถบกลางคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) ของราคาปิดของหลักทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด ระยะเวลาเริ่มต้นคือ 20 วัน แต่เทรดเดอร์สามารถปรับแต่งกรอบเวลาให้เหมาะกับความต้องการหรือลักษณะของสินทรัพย์ที่กำลังวิเคราะห์ได้

Lower Band

ทำหน้าที่เป็นแนวรับ แถบด้านล่างคำนวณโดยการลบผลคูณของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานออกจากแถบตรงกลาง เช่นเดียวกับแถบด้านบน ค่าพหุคูณเริ่มต้นคือ 2 ดังนั้นแถบด้านล่างจะเป็น SMA 20 วัน ลบสองเท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ของราคา 20 วัน

สำหรับเส้นกลางคือ Simple Moving Average (SMA) ซึ่งมักจะกำหนดเป็นระยะเวลา 20 วัน ส่วนเส้นบนและเส้นล่างจะใช้วัดความผันผวนโดยการสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างกรอบราคา และราคา เมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น กรอบ Bandก็จะยิ่งกว้างขึ้น ในทำนองเดียวกัน เมื่อความผันผวนลดลง ช่องว่างระหว่างกรอบ Bandก็จะแคบลง

Bollinger Bands ประกอบด้วยการคำนวณง่าย ๆ 3 แบบ ได้แก่

1. Bollinger Band แรกหรือกลางคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาปิด ตัวอย่างเช่น ในการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รอบระยะเวลาที่ 20 คุณต้องบวกราคาปิดของตราสารเป็นเวลา 20 วันติดต่อกันและหารค่านั้นด้วย 20

   
   

2. ในการคำนวณ Bollinger Band ด้านบน คุณต้องคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของการปิดและเพิ่มส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานลงไป ตัวอย่างเช่น สูตรกรอบ Bandบนจะเป็น MOV20+(2*20 STD ของราคาปิด)

   
   

3. ในการคำนวณ Bollinger Band เส้นล่าง คุณต้องคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาปิดและลบส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานออกจากค่านั้น ตัวอย่างเช่น สูตรกรอบ Band เส้นล่าง จะเป็น MOV20-(2*20 STD ของราคาปิด)

โดยทั่วไปเทรดเดอร์จะใช้ Bollinger Bands สำหรับการกำหนดกรอบ Band overbought และ oversold เพื่อยืนยันความแตกต่างระหว่างราคา เพื่อการวิเคราะห์ และใช้สำหรับคาดการณ์ราคาเป้าหมายที่ต้องการ เพราะยิ่งกรอบ Bandกว้างมากเท่าไหร่ ความผันผวนก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งกรอบ Band แคบลง ความผันผวนยิ่งน้อยลง ในการใช้อินดิเคเตอร์นี้บางคนก็ใช้กับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค อื่น ๆ เช่น RSI

ดังนั้น เราสามารถใช้ Bollinger Band มาวัดผลอะไรได้บ้าง สามารถตรวจสอบได้จากหัวข้อนี้เลย

อ่านความผันผวนของตลาด

เนื่องจาก Bollinger Bands วัดความเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ย เป็นตัวชี้วัดที่ตอบสนองต่อราคาและเปลี่ยนรูปร่างเมื่อความผันผวนของราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลง ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นมักจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีการกำหนดมาตรฐานใหม่ เมื่อ Bollinger Bands บรรจบกันบนเส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งบ่งชี้ถึงความผันผวนของราคาที่ต่ำกว่า หรือที่เรียกว่า Squeeze นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณที่น่าเชื่อถือที่สุดที่ได้รับจาก Bollinger Bands และใช้งานได้ดีกับการเทรดฟอเร็กซ์ 

ใช้วัดค่า Overbought และ Oversold

แสดงเมื่อราคาอยู่ในกรอบ Band ซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป หากราคาเคลื่อนที่ไปที่กรอบ Band บน โดยปกติจะเป็นสัญญาณว่ามีการซื้อมากเกินไป หากราคาขยับไปทางกรอบ Band ล่าง มักจะเป็นสัญญาณว่าขายมากเกินไป ด้วยการดูว่าตลาดมีการซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไปนี้อาศัยแนวคิดของการกลับตัวเฉลี่ยของราคา

Bollinger Bands ไม่ได้ให้สัญญาณซื้อและขายที่แม่นยำเสมอไป ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง เทรดเดอร์จะเสี่ยงต่อการวางการซื้อขายผิดด้านของการเคลื่อนไหว เนื่องจากอินดิเคเตอร์สามารถส่งสัญญาณการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปที่เร็วเกินไป เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ เทรดเดอร์สามารถดูทิศทางโดยรวมของราคา จากนั้นใช้เฉพาะสัญญาณการ

เทรดที่สอดคล้องกับแนวโน้มได้

การให้สัญญาณการเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของแนวโน้ม 

Bollinger Bands ยังสามารถบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มที่กำลังพัฒนาหลังจากการทะลุกรอบการซื้อขาย จะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของความผันผวนซึ่งจะทำให้กรอบ Band เริ่มแยกออกจากกัน ซึ่งหมายความว่าในเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง กรอบ Band ล่างจะเคลื่อนลงในทิศทางตรงกันข้ามกับเทรนด์ใหม่ เมื่อกรอบ Bandด้านล่างกลับขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าการเคลื่อนตัวที่สูงขึ้นอาจสิ้นสุดลง

ใช้คู่กับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ 

เนื่องจาก Bollinger Bands เป็นอินดิเคเตอร์ราคาอย่างแท้จริง คุณอาจต้องการพิจารณาใช้รวมเข้ากับอินดิเคเตอร์แบบอื่รเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากยิ่งขึ้น แม้จะไม่มีอินดิเคเตอร์ใดที่รับประกันว่าคุณจะเข้าสู่จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดเสมอ แต่เมื่อไปจับคู่กับอินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้ดีขึ้นว่าคุณจะเข้าสู่จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดเสมอ แต่เมื่อไปจับคู่กับอินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้ดีขึ้น

🎉ห้ามพลาด!!!

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ เงินฝากขั้นต่ำ $50 

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี

รับโบนัสเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

บัญชีเทรดทดลองมีอินดิเคเตอร์มากมาย เหมือนเราได้เทรดบัญชีเทรดจริงเลย เช่น เมนูเทรด ข้อมูล และระบบการดำเนินการต่าง ๆ นอกจากนี้บัญชีเทรดทดลองยังมีเงินจำนวน USD50,000 โดยไม่จำเป็นต้องฝากเงินเข้าบัญชีเทรดทดลอง เพื่อให้นักลงทุนได้ทำการทดลองเทรดก่อนจะเริ่มใช้งานบัญชีเทรดจริงค่ะ 

การทำงานของ Bollinger bands ในตลาดฟอเร็กซ์จะช่วยตัดสินแนวโน้มของราคาว่าราคาสูงหรือต่ำโดยเปรียบเทียบกันระหว่างกรอบ Band บนและกรอบ Band ล่างที่ใช้ร่วมกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) หรือใช้วัดความผันผวนของตลาดได้ กล่าวคือเมื่อกรอบ Band บน-ล่างเข้าหากันสามารถบอกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงที่ตลาดเงียบและมีความผันผวนต่ำ และเมื่อกรอบ Band บน-ล่างแยกจากกันในปริมาณที่มากผิดปกติ ความผันผวนจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถทำงานด้านอื่น ๆ ได้ดังต่อไปนี้

เมื่อกรอบ Band เข้าหากันในช่วงที่มีความผันผวนต่ำก็อาจเป็นการเพิ่มโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง จึงให้ระวังการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามซึ่งจะย้อนกลับก่อนที่แนวโน้มที่ควรเป็นจะเริ่มต้นขึ้น

ราคามีแนวโน้มที่จะตีกลับภายในช่วงเวลาที่มีการบีบตัว โดยเฉพาะการเด้งจากกรอบ Band หนึ่งแล้วย้ายไปอีกกรอบ Band หนึ่ง คุณสามารถใช้การแกว่งตัวเหล่านี้ช่วยระบุเป้าหมายกำไรที่ต้องการในทางที่เป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น หากราคาเด้งออกจากกรอบ Band ล่างแล้วข้ามเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เส้นบนจะกลายเป็นเป้าหมายกำไร

เมื่อราคาเคลื่อนออกจากกรอบ Band ไปสามารถคาดหวังความต่อเนื่องของแนวโน้มที่แข็งแกร่งได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาเคลื่อนกลับเข้าไปในวงทันทีอาจใช้ในการตัดสินนี้ไม่ได้

ตัวชี้วัดที่ Bollinger bands ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้โดยลำพัง แต่ควรใช้คู่กับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ เพื่อยืนยันการตัดสินใจที่ชัดเจนได้อีกทีหนึ่ง

ตัวบ่งชี้ Bollinger Band สามารถปรับใช้กับกลยุทธ์การเทรดของคุณได้หลากหลาย ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการใช้งานยอดนิยม

กลยุทธ์ Bollinger Bounce 

หนึ่งในกลยุทธ์สำหรับการใช้อินดิเคเตอร์นี้ วิธีการใช้นั้นก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา คือช่วยกำหนดแนวโน้มในการซื้อเมื่อราคาของสินทรัพย์ตกลงต่ำกว่า Bollinger Band ด้านล่างและบอกเราให้ขายเมื่อราคาสูงขึ้นเหนือแถบ Bollinger Band ด้านบน

ตัวอย่าง

กลยุทธ์ Bollinger Bounce ใช้สำหรับการกลับตัวของแนวโน้ม เมื่อราคาแตะที่หนึ่งในกรอบ Band ราคาจะเด้งออกไปอีกจุด ในกรณีนี้กรอบ Band ช่วงบนและล่างจะทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้าน กลยุทธ์นี้ทำงานได้ดีในตลาดที่มีความเสถียรภาพ เมื่อราคาเด้งออกจากกรอบ Band ล่าง เทรดเดอร์จะมองหาโอกาสในการซื้อ และเมื่อราคาเด้งออกจากกรอบ Band ที่สูงขึ้น ก็จะมองหาโอกาสในการขาย

กลยุทธ์ Bollinger Squeeze 

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถดูแนวโน้มของราคาได้คือ Bollinger Squeeze ที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่า Bollinger Bounce เล็กน้อย เพราะเมื่อช่วงแถบขยายตัวมากขึ้น และแท่งเทียนได้ทะลุเส้นบนหรือล่างแล้ว ก็จะเป็นการส่งสัญญาณให้กับเทรดเดอร์ได้ว่า แนวโน้มราคาใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ตัวอย่าง

Bollinger Squeeze เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การดู breakout ด้วยราคาที่จะทะลุเส้นแนวต้านและแนวรับโดยกรอบ Band บนล่างนี้จะไปยังเส้นกึ่งกลาง กล่าวคือเมื่อกรอบ Band ด้านบนและล่างบีบเข้าหากัน มักหมายความว่าการ breakout ใกล้เข้ามาแล้วและให้คุณเข้าเทรดได้ทันที!

หากแท่งเทียนทะลุออกจากเส้นบน การเคลื่อนไหวมักจะดำเนินต่อไป แต่เมื่อแท่งเทียนเริ่มทะลุออกมาต่ำกว่ากรอบ Band ล่าง ราคาก็มักจะตกลงต่อไป ดังนั้น กลยุทธ์ Bollinger Squeeze จึงเป็นการมองหาจุดทะลุจากแท่งเทียนของแนวรับและแนวต้านเพื่อเข้าเทรดตามแนวโน้มของราคา ตัวอย่างเช่น เมื่อมีความผันผวนต่ำกรอบ Band บน-ล่างจะบีบตัวเข้าหากัน และยิ่งบีบกันมากเท่าใดก็เป็นโอกาสที่ดีในการเทรดของคุณ ดังนั้น เมื่อราคาทะลุแนวรับดังนี้ให้เข้าจุดซื้อได้เลย

ในหัวข้อนี้คือเคล็ดลับการปฏิบัติเพื่อความสำเร็จเมื่อเทรดด้วย Bollinger Bands ได้แก่:

• ฝึกการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะกับคุณ: ใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน การกำหนดขนาดตำแหน่ง และการกระจายความเสี่ยง

• ทดลองใช้การตั้งค่า Bollinger Bands ต่างๆ:  ค้นหาการกำหนดค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ

• ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพิ่มเติม: เป้าหมายก็คือเพื่อยืนยันสัญญาณ Bollinger Bands และลดสัญญาณเท็จที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ

• อดทน: รอการตั้งค่าการเทรดที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การซื้อขายและการยอมรับความเสี่ยงของคุณ

• ตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพอยู่เสมอ: ดูผลลัพธ์การเทรดของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุงและทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นในกลยุทธ์ของคุณ

Bollinger Bands ประกอบด้วย เส้นกลาง (SMA) และ เส้นบน และ เส้นล่างเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของแนวโน้มและติดตามการกลับตัวของราคาได้

Bollinger Bands ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้เพราะ ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงจากข้อมูลในอดีตเสมอ ดังนั้นจึงเป็นตัวชี้วัดที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาเท่านั้น และเช่นเดียวกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ ที่ควรใช้ร่วมกันเพื่อการวิเคราะห์ราคาและการจัดการความเสี่ยงได้ดีที่สุดของคุณ