Metaverse คืออะไร？Metaverse สามารถเปลี่ยนโลกได้จริงหรือไม่?

ย้อนไปเมื่อช่วงปลาย 2021 กับนิยามคำว่า Metaverse ทำให้กระแสคริปโทในช่วงเวลานั้นครึกครื้นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มเหรียญดิจิทัลจำพวกเหรียญเกม เช่น Sand coin และ Mana Coin ที่สร้างรายได้ให้แก่นักลงเป็นจำนวนมาก ประจวบเหมาะช่วงเวลาของ CEO Facebook อย่าง “Mark Zuckerberg” ที่ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทและเน้นแผนการตลาดส่งเสริมเทคโนโลยีให้มีการเข้าใกล้ Metaverse มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกับนิยามคำนี้มากยิ่งขึ้น  

หากพูดในแงของการลงทุนทุกท่านทราบไหมว่าแท้จริงแล้ว Metaverse ไม่ได้มีการลงทุนเพียงแค่ในตลาดคริปโทเคอเรนซี่เท่านั้น ในตลาดทุนอื่นๆก็สามารถเข้าลงทุนได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหุ้นหรือกองทุนรวม นักลงทุนสามารถเข้าถึงการซื้อ-ขาย ผ่านโบรกเกอร์ได้อย่างอิสระ 

ดังนั้นเนื้อหาในบทความนี้เราจะพานักลงทุนทุกท่านมารู้กับนิยามคำว่า "Metaverse คืออะไร" มีความสำคัญอย่างไร แนวโน้มกระแสอนาคตของ Metaverse น่าสนใจหรือไม่ พร้อมทั้งแนะนำกลุ่มหุ้นและ Cryptocurrency เกี่ยวกับ Metaverse ที่น่าลงทุนในอนาคต เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านได้พิจารณา ติดตามเนื้อสาระดีๆได้ในบทความนี้เลยค่ะ

Metaverse หรือ โลกเสมือนความเป็นจริง เป็นการที่นำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าสิ่งของที่อยู่บนโลกออนไลน์หรือบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นมีชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการสร้างสภาพแวดล้อมท สังคม ที่ดิน ที่อยู่อาศัย โดยผ่านตัวละครหรือตัวอวตาร ( Avatar) ตัวละครที่สร้างขึ้นมาบนกราฟฟิกแบบ 3D ที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้ผู้ใช้งานทุกคนเกิดปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นความจริงอาจจะอยู่ห่างไกลกันก็ตาม ไม่ว่าการประชุมออนไลน์ การเข้าร่วมเล่นเกม เป็นต้น

ในบริบทของการลงทุนก็คือ ผู้คนสามารถทำการซื้อ-ขายตัวละคร หรือ ซื้อ-ขายที่ดินดิจิทัล ตลอดไปจนถึงในเรื่องของการประมูลงานศิลปะกันได้อย่างเสรี โดยผลตอบแทนที่ดีก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแพลตฟอร์มนั้นๆ เป็นต้น 

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบันนี้โลกแห่งความเป็นจริงของเราขับเคลื่อนด้วยระบบอินเทอร์เน็ตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยี สำหรับ Metaverse นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการพัฒนา โดยมีแก่หลักสำคัญคือการเชื่อมโยงสัมพันธ์ให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้ามาสื่อสารและทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างเสรี

ท้ายที่สุดแล้ว นิยามคำว่า “Metaverse” ก็ยังไม่ได้มีนิยามหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง เนื่องจากว่า Metaverse ยังคงเป็นแนวคิดในอุดมคติที่เหล่านักพัฒนาเข้ามาสานฝันให้เป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้นมา ดังนั้นความหมายภาพรวมของ Metaverse จึงใกล้เคียงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (World Wide Web) แห่งอนาคตที่ค่อยๆมีการพัฒนาให้กลายเป็นรูปแบบ 3 มิติ ทำให้มีการไหลเวียนและส่งต่อธุรกิจ ข้อมูล และเครื่องมือการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้งานพร้อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เหมือนเป็นการจำลองโลกทางกายภาพให้ไปอยู่ในโลกคู่ขนานรูปแบบดิจิทัลนั่นเอง

สำหรับความสำคัญ Metaverse ที่มีต่อผู้ใช้งานนั้น อธิบายโดยภาพรวมทางผู้เขียนมองว่าการที่โลกของเราเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยีเข้าสู่วงการ Metaverse มากขึ้นนั้น ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของผู้ใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนไปในทางที่ดี มีการใช้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการติดสื่อสาร การทำงาน การประชุม การศึกษา แม้กระทั่งในเรื่องของการทำธุรกิจ ทุกสิ่งอย่างที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ชัดจากสถานการ์ณโควิด -19 ที่ผ่านมา ที่เราไม่สามารถออกมาพบปะทำกิจกรรมร่วมกันได้ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อทุกคน นักเรียนไม่สามารถเรียนหนังสือได้ พนักงานออฟฟิศไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ พ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถทำการค้าขายได้ จะเห็นได้การที่นำ Metaverse เข้าปรับใช้ทำให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์เราจากรื่องยากกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น จากที่กล่าวไปข้างต้นนั่นก็คือความสำคัญของ Metaverse ที่มีต่อการดำเนินชีวิตของผู้ใช้งานอย่างเราๆนั่นเอง

ที่มาของคำว่า Metaverse คือ เกิดจากการนำคำ 2 คำมารวมกัน นั่นก็คือคำว่า "Meta" และคำว่า "Verse" ที่มีความหมายว่า “จักรวาลนฤมิต” ที่มีการปรากฎขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1992 จากนักเขียนนิยายชื่อดังชาวอเมริกา “Neal Stephenson” ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเรื่องว่า "Snow Crash"  โดยเนื้อหาดังกล่าวเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับโลกในยุคอนาคต ที่มนุษย์และระบบคอมพิวเตอร์จะมีการสื่อสารและปฎิสัมพันธ์กันเกิดขึ้นโดยผ่านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ต่างๆ ผ่านอาศัยอยู่ในพื้นที่โลกเสมือนความเป็นจริงที่ดูเกินจินตนาการของคนยุค '90s ในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างมาก จากนิยายดังกล่าวส่งผลให้ผู้คนเกิดความสนใจในนิยามคำว่า “Metaverse” มากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนได้แนวทางไกด์ไลน์ในการพัฒนาเทคโนโลยีในโลกอนาคตนั่นเอง

ในหัวข้อนี้เราจะพาทุกคนมาศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของ Metaverse ภายใต้เครือข่ายเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เราเข้าใกล้นิยามคำว่า "โลกเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. Communication and Computing Infrastructure 

คือ เครือข่ายเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบการสื่อสาร หรือที่เราเข้าใจกันในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากระบบ 5G เข้าสู่ 6G นั่นเอง โดยเน้นในเรื่องความเร็ว การใช้พลังงานที่ต่ำ มีความเสถียรภาพในการรับส่งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพและเสียงที่มีความคมชัด โดยรวมแล้วถือว่าระบบการทำงานในข้อแรกนั้นเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการผลักดัน "Metaverse" ให้เข้าสู่แห่งความเป็นจริงมากยิ่งขึ้นเลยก็ว่าได้

2. Management Technology 

หรือ Session Management คือ เทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการเชื่อมโยงโลกเสมือนความเป็นจริงให้เข้าใกล้โลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเลยก็ว่าได้

3. Fundamental Common Technology 

อีกหนึ่งระบบเทคโนโลยที่สำคัญที่ทำให้ Metaverse เข้าใกล้สู่ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้นที่เรารู้จักในนามของ ปัญญาประดิษฐ (Artificial Intelligence: AI) ที่เป็นเทคโนโลยีแขนงหนึ่งประมวลผลข้อมูลระบบสติปัญญาเหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของระบบความคิดอย่างชาญฉลาด พฤติกรรมการกระทำในแต่ละอย่างที่เหมือนมนุษย์ 100% นั่นเอง

4. Virtual Reality Object Connection 

สำหรับระบบการทำงานของ Metaverse ตัวนี้ก็คือ เครือข่ายโลกคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริง กล่าวคือ เครือข่ายนี้เปรียบเสมือนเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือนให้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยี ดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็น Object ในการเชื่อมต่อโดยตรง ตัวอย่างของเทคโนโลยีที่นิยมใช้กัน ได้แก่ Blockchain, Distributed Storage และ Distributed Computing เป็นต้น

5. Virtual Reality Space Convergence 

ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่สำหรับแสดงผลบนโลก Metaverse โดยจะมีการดำเนินอยู่ 2 เทคโนโลยีหลักๆ ได้แก่  

• AR หรือ Augmented Reality คือ เทคโนโลยีจำลองวัตถุแบบ 3 มิติ โดยสามารถมองเห็นวัตุนั้นได้ผ่านอุปกรณ์เสริม เช่น แว่นตา หรือ กล้องจากสมาร์ทโฟน เป็นต้น
  

• VR เสมือนจริง หรือ Virtual Reality Technology คือ เทคโนโลยีที่จำลองสถานที่ขึ้นมาให้เหมือนจริง

หากพูดถึงคุณสมบัติของ "โลกเสมือนจริง" มันไม่ได้หมายความว่าเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนติดต่อสื่อสารกันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นอาศัยเเทคโนโลยีหลายแขนงเข้าร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกคนที่อยู่ในโลกแห่งความจริงสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งในประเด็นนี้เราจะพาทุกคนมาดูคุณสมบัติเกี่ยวกับ Metaverse เทคโนโลยีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัล วัฒนธรรม ตลอดจนในเรื่องระบบกฎหมาย โดยทั้งหมดกล่าวมานั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับชีวิตจริงอย่างแท้จริง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

• Virtual Social World

คุณสมบัติข้อนี้ คือ การนำ Social Media กับ Virtual World เข้ามารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยความตั้งใจที่จะต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมออนไลน์ธรรมดาให้กลายเป็น เป็นสภาพแวดล้อมแบบ 3 มิติ (Interactive Social Simulation) นั่นเอง ภายใต้ข้อกำหนด 4 ประการที่จะทำให้ความตั้งใจนี้ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ ได้แก่ 

1. Realism (ความสมจริง)

ประการแรกผู้ใช้จะต้องได้รับความรู้สึกหรือสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ในโลกโซเชียลได้อย่างสมจริง

2. Ubiquity (ความนิยม)

ประการที่สอง คือ จะมีต้องมีผู้เข้าใช้งานอย่างแพร่หลายและเป็นวงกว้าง จากการเข้าถึงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะทาง ตลอดจนถึงสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นอยู่บนโลก 3 มิตินั่นเอง

3. Interoperability (การทำงานร่วมกัน)

จากสถานการ์ณโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่ผู้คนไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ โดยเฉพาะในมุมของพนักงานที่ไม่สามารถจัดการประชุมบนสถานที่ภายนอกได้ ดังนั้นความตั้งใจในข้อนี้จึงสร้างขึ้นมาเพื่อให้ Metaverse สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้นั่นเอง

4. Scalability (ความสามารถในการปรับขนาด)

สิ่งสำคัญที่ต้องจะต้องคำนวณ นั่นก็คือ เรื่องทรัพยากรบนแพลตฟอร์ม เมื่อใดก็ตามที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ระบบจะต้องยังคงมีความเสถียรภาพของเครือข่ายอยู่ ผู้ใช้งานสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างไม่มีสะดุด

แม้ว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีอาจจะยังพัฒนาไม่สมบูรณ์แบบ 100% แต่เชื่อว่าอนาคตประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน 

• Social Privacy in The Metaverse

คือ การคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานทุกท่าน ทาง Metaverse ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า “Social Clone” และสร้าง Privacy Framework ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อป้องกันปัญหาการถูกคุกคามเกิดขึ้นนั่นเอง 

แท้จริงแล้วตัวเราเข้าสู่ Metaverse แล้วเพียงแต่เรายังไม่รู้ตัว เพราะตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆเข้าถึงนั่นก็คือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ตัวมนุษย์เราทำให้เราเข้าถึง Metaverse ได้อย่างน่าตื่นเต้น ด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้

การเข้าถึง Metaverse ด้วยวิธีการใช้แว่น Oculus จากการรับชมภาพยนต์หรือวีดีโอต่างๆ ผ่านการสวมแว่น 3 มิติ ที่ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพต่างๆได้แบบ 360 องศา ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้สัมผัสโลกเสมือนจริงได้มากขึ้น แต่ข้อเสีย ก็คือ ราคาของแว่นดังกล่าว มีมูลค่าที่สูง 

การเข้าถึง Metaverse ด้วยวิธีการใช้แว่น Ray-Ban หรือแว่นอื่น ๆ ที่เป็นอุปกรณ์ใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ทำให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถฟังเพลง รับสายโทรศัพท์แบบเห็นหน้ากัน หรือถ่ายภาพและคลิปวิดีโอสั้นๆ แล้วแชร์ไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลการนำทางแผนที่ สภาพอากาศ ข่าวสาร เช็คโซเชียลมีเดียผ่าน AR บนตัวแว่นได้ด้วย 

การเข้าถึง Metaverse ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆที่สามารถเชื่อต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้และสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มโลกเสมือนจริงได้ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และไอแพด เป็นต้น

กระแสของ Metaverse กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านยมา อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่า เทคโนโลยีของ Metverse ก็มีการขับเคลื่อนด้วยระบบเครือข่าย Blockchain ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับส่งข้อมูล หรือแพลตฟอร์มเกมบนโลกบล็อคเชน ตลอดไปจนการซื้อ -ขายงานศิลปะ NFTs เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาของกระแส Cryptrocurrncy และ Metaverse กำลังบูมพร้อมกันนั้น ทำให้ผู้คนสามารถเข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้ามาซื้อวัตถุ สินทรัพย์ดิจิทัลและสังหาริมทรัพย์ในโลกเสมือนจริงกันเป้นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ภายใน Metaverse จำเป็นต้องมีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเฉกเช่นเดียวกับ “เงินตรา” ที่เราใช้ในชีวิตจริงเพื่อใช้ตัวซื้อขายสินค้าหรือแจกรางวัลนันก็คือ “สกุลเงินดิจิทัล” หรือ “Metaverse Crypto “ นั่นเอง

ตัวอย่างของสกุลเงินดิจิทัลที่เรารู้จักกันในนามของ Metaverse คือ Sand Coin ซึ่งเป็นโทเค็นประจำแพลตฟอร์ม The Sandbox ที่เป็นสื่อกลางให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้ามาทำการซื้อ-ขายสินทรัพย์ ไอเท็มตัวละคร ลุ้นรับรางวัลต่างๆ ตลอดจนถึงในเรื่องของการลงทุนในการถือครองเหรียญที่ทำการ Staking ได้อีกด้วย

หากกระแส Metaverse เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้และมีการมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะส่งผลให้เหล่าราคาเหรียญจำพวก Metaverse Crypto มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่าปัจจุบบันนี้โลกของเราขับเคลื่อนด้วยเครือข่าย"อินเทอร์เน็ต" เป็นหลักในการดำรงชีวิต ตลอดจนถึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อให้มนุษย์ดำรงชีวิตได้ง่าย ดังนั้นในหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึง การประยุกต์ Metaverse ต่อการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์เราว่าสามารถนำไปปรับใช้ในแวดวงใดได้บ้าง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

• ด้านการศึกษา

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญและเป็นปัจจัยพื้นฐานแรกที่ทุกคนต้องมี การนำ Metaverse มาพัฒนาร่วมกับการศึกษามองว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น วิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้เกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาล การฉายภาพแบบ 3มิติ การทำท้องฟ้าจำลอง ให้ทุกคนได้ศึกษาถือว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี Metaverse เข้ามาเป็นสื่อการสอนออนไลน์ หรือเป็นสถานที่จำลอง เพื่อทำการเรียนออนไลน์ เหมือนกับช่วงเวลาโควิด -19 ที่ผ่านมานั่นเอง

• ด้านอุตสาหกรรม

หลายคนอาจจะยังมองภาพไม่ออกว่า Metaverse จะสามารถนำมา Apply เข้าร่วมภาคอุตสาหกรรมได้อย่างไร ทางเราจะตกตัวอย่างให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆ ในเรื่องของการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบเครื่องจักรหรือการสร้างเครื่องจักรในโรงงาน ที่เราจะต้องทำการออกแบบและวัดผลในการจำลองแบบเสมือนจริง ก่อนที่จะวัดคุณภาพของการผลิตออกมา การนำประยุกต์ใช้ในวงการนี้ จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมทำงานได้ขึ้น แก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นภาพอย่างชัดเจน

• ด้านการแพทย์

มีการเริ่มนำ Metaverse มาใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านการแพทย์ทางไกล ซึ่งเป็นการแพทย์เสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดูแลรักษา และการติดตามระยะไกล data-driven medical และอื่น ๆ กระชับเวลาในดูรักษา ถือได้ว่าเข้าปรับปรุงประสิทธิภาพทางการแพทย์ และทำให้ข้อมูลของอุตสาหกรรมการแพทย์น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

มองในมุมของโอกาสของ Metaverse จะเห็นได้ว่าได้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหลากหลายแพลตฟอร์มชื่อดังเริ่มมีการพัฒนาแพลตฟอร์มของตนให้มีความเสทือนจริงมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามานั่นเอง ทั้งนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวก็ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตของเราได้อีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันนี้ Metaverse อาจจะยังพัฒนาไม่สมบูรณ์แบบ100 % แต่เราก็พอที่จะเดาทางออกได้ว่า หากเทคโนโลยีทางด้าน Metaverse ประสบความสำเร็จแล้วนั้น เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลกเราไปในทางที่ดีอย่างแน่นนอน

เมื่อมาพิจาณาในเรื่องความท้าทายของ Metaverse ก็คงหนี้ไม่พ้นในเรื่องของเงินทุนที่ไม่สามารถควบคุมงบประมาณในการพัฒนาได้นั่นเอง สำหรับ Metaverse ยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความแปลกใหม่และยังห่างไกลจากการเป็นชีวิตประจำวันของคนธรรมดามาก รวมถึงบริษัทเหล่า IT ทั้งหลายก็ยังเข้าถึงได้ยากเช่นกัน

Internet ก็เปรียบผู้สร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีๆต่างด้วยเช่น หากพูดภาษาคนให้เข้าใจง่ายขึ้น Internet ก็คือนักปั้นคือผู้สร้าง ส่วน Metaverse ก็คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเอง

ความแตกต่าง ของ 2 คำนี้มีความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิงในเรื่องของการเข้างาน แม้ว่าทั้งสองก็มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นออนไลน์ก็ตาม แต่ก็มีข้อแยกแยะให้ผู้อ่านได้เข้าความหมายได้ง่ายขึ้น ดังนี้

• สำหรับ Internet ผู้ใช้งานเราจะเข้าสู่ Internet ด้วยวิธีการ “ Search “ หรือ การค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ผ่านโปรแกรมเฉพาะ เป็นต้น

• สำหรับ Metaverse ผู้ใช้งานจะเข้าสู่แพลตฟอร์มที่เปรียบเป็นโลกเสมือนจริง เพื่อแสดงตัวตน เข้าไปทำกิจกรรมร่วมกันกับผู้อื่น เป็นต้น

Metaverse จะเป็นไปในทิศทางใดปัจจัยแรกก็ยังคืออยู่กับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้โลกของเรามีการเริ่มก้าวสู่สังคม Metaverse แบบเริ่มต้น รูปภาพ แพลตฟอร์มต่างๆ อาจจะยังไม่มีความเสถียรภาพหรือมีความสมจริงเท่าที่ควร ทั้งนี้ก็เป็นผลมากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอจะทำให้ผลงานดังกล่าวมีความสมจริงมากขึ้นนั่นเอง

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในโลกของเราในอนาคตก็ยังคงมีการปรับปรุงและพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปอย่างต่อเนื่องจากระบบ 5G เข้าสู่ 6G และเข้าสู่ Web3 ซึ่งการพัฒนาแบบนี้จะทำให้มนุษย์เรามีการเข้าใกล้ความเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น ทุกสิ่งอย่างที่แสดงผลก็จะเป็น Real Time มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโอกาสในอนาคตผู้คนทุกระดับชั้นจะสามารถเข้าถึง Metaverse ได้ง่ายกว่าปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน

จากที่ศึกษาข้อมูลมาเราจะเห็นได้ว่า Metaverse ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเลยและเป็นเรื่องที่จะสามารถเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันนี้ระบบเทคโนโลยีและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมรการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว บวกกับผู้คนหันมาดำเนินชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ๆอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา กลุ่มบุคคลวัยทำงาน ตลอดจนถึงในเรื่องการดำเนินธุรกิจต่างๆก็มีความออนไลน์มากยิ่งขึ้น 

โดยคุณสามารถลงทุนใน metaverse ได้ด้วยหลายวิธี โดยแต่ละวิธีจะมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น

1.หุ้นที่เกี่ยวของกับ Metaverse

เช่น

• ผู้ผลิตชุดหูฟัง VR：Meta, HP (NYSE:HPQ)

• การ์ดวิดีโอ：Nvidia(NASDAQ:NVDA), AMD (NASDAQ:AMD)

• บริษัทซอฟต์แวร์：Unity (NYSE:U), Meta Platform Inc (Meta) 

• คลาวด์คอมพิวติ้ง：Amazon (NASDAQ:AMZN) , Microsoft (NASDAQ:MSFT) 

• แพลตฟอร์มเกม：Roblox(NYSE:RBLX)

บริษัทแต่ละแห่งจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าหากมีข้อเสนอที่กว้างกว่าซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะเมตาเวิร์ตเท่านั้น ตัวอย่างเช่น แม้ว่า metaverse จะล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมาย แต่แพลตฟอร์มการพัฒนาเกมของ Unity จะยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก

2.NFTs และ virtual land

นักลงทุนทุกท่านสามารถเข้าถึงการลงทุน สินทรัพย์ดิจิทัลเสมือนจริงได้ บนแพลตฟอร์มบล็อกเชนต่างๆ อย่างเสรี พร้อมมีการทำเงื่อนไขสัญญาว่าเราเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวนั้นอย่างแท้จริง โดยบุคคลอื่นจะไม่สามารถเอาสินทรัพย์ของเราไปได้อย่างแน่นอน  ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนกับผู้ใช้รายอื่นได้อย่างอิสระ หรือ ทำการซื้อ-ขายอุปกรณ์ไอเท็มต่างๆ ได้โดยไม่ผ่านคนกลาง หรือที่เรียกว่า NFTs ผลงานทางด้านศิลปะ ที่ไม่ได้หมายถึงเพียงตัวอวตารเท่านั้น ยังหมายถึงผลงานศิลปะและครีเอทีฟทางด้านอื่นๆอีกด้วย โดยใช้ Token กลุ่ม Metaverse Crypto ของแพลตฟอร์มนั้นๆ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนนั่นเอง 

3.สกุลเงินดิจิตอลที่เกี่ยวของกับ Metaverse

สกุลเงินดิจิตอลที่มีไว้สำหรับการใช้งานภายใน metaverse มีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าได้เนื่องจากการพัฒนาและการยอมรับยังคงดำเนินต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ สกุลเงินดิจิทัลที่โดดเด่นคือเหรียญ Ape, MANA,SOL,AXS และ Sand 

ในบทความนี้ เราได้พาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ Metaverse ว่า Metaverse คืออะไร ทำงานอย่างไรและเข้าถึงยังไง กล่าวโดยสรุป Metaverse แสดงถึงวิสัยทัศน์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวบรวมความเป็นจริงเสมือนจริงและทางกายภาพ เปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ มันมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ