8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2024 ฉบับมือใหม่!

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2024 จะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร เริ่มจากการเงินแบบ Decentralized Finance ซึ่งกำลังมีเหรียญอีกมากมายที่พร้อมเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดคริปโต  แล้วเหรียญที่ได้รับความนิยมในปี 2024 จะยังคงรักษาระดับความเข้มข้นนี้ไว้ได้หรือไม่ ในปีนี้จะมีเหรียญอะไรใหม่ๆ ที่มาแรงและน่าจับตามองกันบ้าง เราจะพาทุกคนไปสำรวจ 8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะสั้นในปี 2024 กันเลย

#Bitcoin: เหรียญคริปโตอันดับหนึ่งที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดในตลาด กำลังได้รับแรงหนุนจากกระแสการเมืองและการลงทุนจากสถาบัน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งสูงถึง 120,000 ดอลลาร์ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากคาดว่าจะมีนโยบายที่เอื้อต่อคริปโตมากขึ้น ปัจจุบันมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน ETF Bitcoin กว่า 50 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนการยอมรับจากนักลงทุนสถาบัน จุดเด่นคือมีความผันผวนต่ำที่สุดในบรรดาคริปโตทั้งหมด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นและต้องการความมั่นคงในระยะยาว

#Ethereum: แพลตฟอร์ม Smart Contract อันดับหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายกฎระเบียบและการเติบโตของ DeFi คาดว่าจะได้อานิสงส์จากนโยบายของทรัมป์ที่อาจเปลี่ยนประธาน SEC และลดการปราบปรามคริปโต ราคาแสดงสัญญาณการฟื้นตัวและมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ได้ จุดเด่นคือมีนักพัฒนามากที่สุด เป็นผู้นำในวงการ DeFi และมีการอัพเกรดเครือข่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็ว

#Solana: บล็อกเชนที่มาแรงด้วยความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ นักเทรดมีมุมมองบวกต่อราคาหลังชัยชนะของทรัมป์ เนื่องจากคาดว่าจะมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโต จุดเด่นคือรองรับธุรกรรมได้สูงถึง 65,000 TPS ค่าธรรมเนียมต่ำมาก เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูง เช่น เกม NFT และ DeFi ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่อง

#Cardano: โปรเจกต์ที่พัฒนาบนพื้นฐานการวิจัยทางวิชาการ Charles Hoskinson มุ่งมั่นพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง และยังได้ความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากสถาบัน จุดเด่นคือมุ่งเน้นความปลอดภัยและความยั่งยืน การอัพเกรดล่าสุดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับ DeFi ได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว

#Dogecoin: เหรียญมีมที่ได้รับการสนับสนุนจากอีลอน มัสก์ มีโอกาสเติบโตในสภาพแวดล้อมหลังการเลือกตั้งที่ความนิยมเหรียญมีมยังคงเฟื่องฟู ราคามักตอบสนองอย่างรุนแรงต่อเทรนด์โซเชียลมีเดียและการเคลื่อนไหวจากบุคคลที่มีชื่อเสียง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้

#Pepe: อีกหนึ่งเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมจากชุมชน มูลค่าขึ้นอยู่กับความรู้สึกของชุมชนเป็นหลัก เป็นอีกเหรียญมีมที่เติบโตสูงมากในช่วงที่ผ่านมาจากปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการเก็งกำไร เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและนักลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยงสูง

#Meme: เหรียญดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์ม 9GAG และถูกสร้างโดย Ray Chan กำลังได้รับความสนใจในตลาดคริปโต จุดเด่นคือมีชุมชนขนาดใหญ่สนับสนุน เคยปรับตัวขึ้น 154% ในหนึ่งเดือน เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ Memeland ที่รวม NFT เกม และ metaverse ทำให้มีประโยชน์ใช้งานจริงนอกเหนือจากการเก็งกำไร เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้

#Sui: แพลตฟอร์มบล็อกเชนน้องใหม่ที่มุ่งเน้นการขยายขนาดและประสบการณ์ผู้ใช้ มีโอกาสเติบโตหากสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Ethereum หรือ Solana จุดเด่นคือเทคโนโลยีการทำธุรกรรมที่เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ มีทีมพัฒนาที่แข็งแกร่งและได้รับเงินทุนสนับสนุนมาก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในโครงการใหม่ที่มีศักยภาพสูง

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2024 จะเป็นอย่างไร? เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่หลังชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้ง ที่ส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวในทุกภาคส่วนของตลาดคริปโต นำโดยพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล และในสถานการณ์เช่นนี้ เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2024 ที่มาแรงและน่าจับตามองจะมีเหรียญไหนบ้าง ไปดูกัน

ราคา Bitcoin เรียลไทม์

สกุลเงินดิจิทัลรายแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลปริศนาภายใต้นามแฝง Satoshi Nakamoto เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ไม่มีตัวกลางควบคุม ใช้ระบบ Proof of Work ในการยืนยันธุรกรรมผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การขุด” มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้มีคุณสมบัติต้านเงินเฟ้อ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” การอัปเดตที่สำคัญล่าสุดคือ Taproot ในปี 2021 ที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพของเครือข่าย และ Lightning Network ที่ช่วยให้ธุรกรรมเร็วขึ้นและค่าธรรมเนียมถูกลง ปัจจุบัน Bitcoin ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ บริษัทจดทะเบียน และประเทศต่างๆ ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาด

ข้อดี

✅ เป็นคริปโตสกุลแรกและเป็นที่ยอมรับมากที่สุด - การเป็นผู้บุกเบิกและอยู่มานานกว่า 15 ปี ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดในวงการ ทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน

✅ จำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ - การมีจำนวนจำกัดและอัตราการสร้างใหม่ที่ลดลงครึ่งทุก 4 ปี (Halving) ทำให้มีความหายากและต้านทานเงินเฟ้อได้ดี จึงถูกเรียกว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล”

✅ มีความปลอดภัยสูงสุด - ด้วยพลังการประมวลผลในเครือข่ายที่มหาศาล ทำให้การโจมตีเครือข่าย Bitcoin เป็นไปได้ยากมาก ไม่เคยถูกแฮ็กได้ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

✅ ได้รับการยอมรับจากสถาบัน - บริษัทจดทะเบียนอย่าง Tesla, MicroStrategy ถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ และมีกองทุน ETF Bitcoin ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

ข้อเสีย

❌ ความเร็วในการทำธุรกรรมต่ำ - รองรับได้เพียง 7 ธุรกรรมต่อวินาที ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานประจำวัน ต้องพึ่ง Layer 2 อย่าง Lightning Network

❌ ค่าธรรมเนียมผันผวนสูง - ในช่วงที่มีการใช้งานมาก ค่าธรรมเนียมสามารถพุ่งสูงถึงหลายร้อยดอลลาร์ต่อธุรกรรม

❌ ใช้พลังงานมาก - การขุด Bitcoin ใช้พลังงานมากกว่าบางประเทศ ทำให้ถูกวิจารณ์เรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

หลังจากการอนุมัติ Bitcoin ETF และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากวอลล์สตรีทและนักลงทุนสถาบัน ประกอบกับนโยบายการเงินที่เอื้อต่อสินทรัพย์เสี่ยง Bitcoin ยังคงเป็นทางเลือกการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ปัจจุบัน Bitcoin มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 1 โดยมีมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ราคา Ethereum เรียลไทม์

แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เปิดตัวในปี 2015 โดย Vitalik Buterin เป็นบล็อกเชนที่มากกว่าการเป็นสกุลเงินดิจิทัล ด้วยความสามารถในการรัน Smart Contract ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) โทเคนดิจิทัล และ NFT บนเครือข่าย การอัปเกรดครั้งสำคัญ “The Merge” ในปี 2022 ทำให้ Ethereum เปลี่ยนจากระบบ Proof of Work เป็น Proof of Stake ลดการใช้พลังงานลงถึง 99.95% เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา Layer 2 solutions อย่าง Arbitrum, Optimism และ Polygon เพื่อแก้ปัญหาการปรับขนาดและค่าธรรมเนียม ทำให้ Ethereum ยังคงเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับนักพัฒนาและโครงการ DeFi มากที่สุด โดยมีมูลค่ารวมในระบบ DeFi มากกว่า 50 พันล้านดอลลาร์

ข้อดี

✅ ระบบนิเวศขนาดใหญ่ - มีแอพพลิเคชั่นกว่า 3,000 โครงการ และมูลค่ารวมในระบบ DeFi กว่า 50 พันล้านดอลลาร์ ใหญ่ที่สุดในบรรดาบล็อกเชนทั้งหมด

✅ ความสามารถด้าน Smart Contract - สามารถเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนได้ ทำให้สร้างแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย เช่น DeFi, NFT, DAO

✅ ชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่ - มีนักพัฒนากว่า 4,000 คนที่พัฒนาโครงการบน Ethereum ทำให้ระบบนิเวศเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ข้อเสีย

❌ ค่า Gas Fee สูง - ในช่วงที่มีการใช้งานมาก ค่าธรรมเนียมสามารถพุ่งสูงถึงหลายร้อยดอลลาร์ แม้จะมี Layer 2 แต่ก็ยังเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ใช้รายย่อย

❌ ปัญหาการปรับขนาด - รองรับได้เพียง 15-30 ธุรกรรมต่อวินาที บน Layer 1 ทำให้เครือข่ายติดขัดเมื่อมีการใช้งานมาก

Ethereum ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับนวัตกรรมบล็อกเชน โดยเฉพาะหลังการอัพเกรด Dencun ที่เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำธุรกรรม ประกอบกับการเติบโตของ DeFi และ NFT ทำให้ ETH ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนระยะยาว ปัจจุบัน Ethereum มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin โดยมีมูลค่ากว่า 352 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ราคา Solana เรียลไทม์

บล็อกเชนที่มุ่งเน้นความเร็วและประสิทธิภาพสูง พัฒนาโดย Anatoly Yakovenko เปิดตัวในปี 2020 สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่า 50,000 รายการต่อวินาที ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ใช้กลไกการทำงานแบบ Proof of History ร่วมกับ Proof of Stake ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้เครือข่ายมีความเร็วในการยืนยันธุรกรรมสูง ระบบนิเวศของ Solana มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้าน NFT และเกมบล็อกเชน มีโครงการชั้นนำอย่าง Magic Eden, Star Atlas และ Serum แม้จะเคยประสบปัญหาด้านเสถียรภาพของเครือข่ายและการหยุดทำงานหลายครั้ง แต่ทีมพัฒนาได้ทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัว Solana Mobile และสมาร์ทโฟน Saga เพื่อขยายการเข้าถึง Web3

ข้อดี

✅ ความเร็วสูงมาก - รองรับได้ถึง 65,000 ธุรกรรมต่อวินาที ทำให้เหมาะกับแอพพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูง

✅ ค่าธรรมเนียมต่ำมาก - ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.01 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม ทำให้ใช้งานได้จริงสำหรับธุรกรรมขนาดเล็ก

✅ เทคโนโลยีทันสมัย - ใช้กลไก Proof of History ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ช่วยให้การประมวลผลเร็วขึ้น

ข้อเสีย

❌ ปัญหาเสถียรภาพ - เครือข่ายเคยล่มหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการใช้งานสูง ทำให้เกิดคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ

❌ การรวมศูนย์ - Validator มีไม่มาก และต้องใช้ฮาร์ดแวร์ราคาสูง ทำให้เกิดการรวมศูนย์ของการตรวจสอบธุรกรรม

SOL กลับมาได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2024 หลังจากแก้ปัญหาด้านเสถียรภาพของเครือข่ายได้ดีขึ้น ประกอบกับความสำเร็จของโครงการ SAGA มือถือบล็อกเชน และการเติบโตของระบบนิเวศ DeFi และเกม โดยเฉพาะในด้าน Real World Asset (RWA) ที่นำสินทรัพย์จริงมาอยู่บนบล็อกเชน นอกจากนี้ยังได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินมากขึ้น ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 98 ล้านดอลลาร์ อยู่ในอันดับ 5

ราคา Cardano เรียลไทม์

บล็อกเชนที่พัฒนาโดย Charles Hoskinson หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum โดดเด่นด้วยการพัฒนาอย่างเป็นระบบผ่านการวิจัยเชิงวิชาการและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ใช้ภาษา Haskell ในการพัฒนาและระบบ Proof of Stake ที่เรียกว่า Ouroboros ตั้งแต่เริ่มต้น แผนการพัฒนาแบ่งเป็น 5 ยุค ได้แก่ Byron, Shelley, Goguen, Basho และ Voltaire ปัจจุบันอยู่ในช่วง Basho ที่มุ่งเน้นการปรับขนาดและประสิทธิภาพ มีการอัปเดตสำคัญอย่าง Vasil Hardfork ที่เพิ่มประสิทธิภาพของ Smart Contract และ Hydra ที่เป็น Layer 2 solution สำหรับการทำธุรกรรมความเร็วสูง Cardano มีความร่วมมือกับรัฐบาลและองค์กรในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกา เพื่อพัฒนาโซลูชันด้านการศึกษาและการเงิน

ข้อดี

✅ พัฒนาด้วยหลักวิชาการ - ทุกการพัฒนาผ่านการวิจัยและ Peer Review ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงในแง่เทคนิค

✅ ประหยัดพลังงาน - ระบบ Proof of Stake ใช้พลังงานน้อยกว่า Bitcoin 99% ตอบโจทย์ความยั่งยืน

✅ แผนพัฒนาชัดเจน - มีโรดแมปการพัฒนาที่แบ่งเป็น 5 ยุคชัดเจน ทำให้นักลงทุนเห็นทิศทางในระยะยาว

ข้อเสีย

❌ พัฒนาช้า - การเน้นความรอบคอบทำให้พัฒนาช้ากว่าคู่แข่ง บางฟีเจอร์เพิ่งเริ่มมีหลังคู่แข่งหลายปี

❌ ระบบนิเวศเล็ก - จำนวนแอพพลิเคชั่นและผู้ใช้งานยังน้อยกว่า Ethereum และคู่แข่งอื่นๆ มาก

ADA มีความน่าสนใจในปี 2024 จากการเปิดตัว Hydra ซึ่งเป็นโซลูชัน Layer 2 ที่เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของเครือข่าย รวมถึงความสำเร็จในโครงการความร่วมมือกับรัฐบาลในแอฟริกาที่เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม และการเติบโตของระบบนิเวศ DeFi ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 20 พันล้านดอลลาร์ อยู่ในอันดับ 9

ราคา DOGE เรียลไทม์  

เริ่มต้นในปี 2013 โดย Billy Markus และ Jackson Palmer เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นเพื่อล้อเลียน โดยใช้รูปสุนัขพันธุ์ชิบะอินุเป็นสัญลักษณ์ ใช้อัลกอริทึม Scrypt ในการขุดและสามารถขุดร่วมกับ Litecoin ได้ (merged mining) ไม่มีจำนวนจำกัดในการขุด โดยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ได้รับความนิยมอย่างมากจากการสนับสนุนของ Elon Musk จนมีมูลค่าตลาดพุ่งสูงเกิน 85 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 ชุมชน Dogecoin มีชื่อเสียงในการทำกิจกรรมการกุศล เช่น การระดมทุนส่งทีมบ็อบสเลดจาเมกาไปแข่งโอลิมปิก และล่าสุดมีการพัฒนา Dogechain เป็น Layer 2 solution เพื่อรองรับ Smart Contract

ข้อดี

✅ ชุมชนขนาดใหญ่ - มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ชุมชนมีความแอคทีฟและจงรักภักดีสูง ทำให้เหรียญมีความแข็งแกร่งแม้ในช่วงตลาดขาลง

✅ การสนับสนุนจาก Elon Musk - ได้รับการสนับสนุนจาก “Dogefather” ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีโอกาสถูกนำไปใช้ในธุรกิจของ Musk เช่น Tesla, Twitter

✅ ค่าธรรมเนียมต่ำ - เหมาะสำหรับการโอนเงินขนาดเล็ก ทำให้ถูกใช้เป็นเหรียญสำหรับให้ทิปในโซเชียลมีเดีย

ข้อเสีย

❌ เงินเฟ้อสูง - ไม่มีการจำกัดจำนวนเหรียญ และมีการขุดใหม่ 10,000 DOGE ทุก 1 นาที ทำให้มูลค่าลดลงในระยะยาว

❌ ขาดการพัฒนา - โค้ดหลักแทบไม่มีการอัพเดทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเน้นความเป็นมีมมากกว่าการใช้งานจริง

❌ ราคาขึ้นกับกระแส - ความผันผวนสูงมากตามทวีตของ Elon Musk และกระแสในโซเชียล ทำให้เสี่ยงต่อการลงทุนระยะยาว

ยังคงได้รับความสนใจในปี 2024 จากการที่ Elon Musk นำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการชำระเงินใน X (Twitter) และ Tesla รวมถึงการพัฒนา Dogechain ที่เพิ่มความสามารถด้าน Smart Contract ทำให้มีประโยชน์ใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ชุมชนที่แข็งแกร่งยังคงสนับสนุนเหรียญอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 32 พันล้านดอลลาร์ อยู่ในอันดับ 7

เหรียญมีมที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum โดยใช้ตัวการ์ตูนกบ Pepe the Frog เป็นสัญลักษณ์ เปิดตัวในปี 2023 ด้วยแนวคิด “fair launch” ซึ่งไม่มีการขายล่วงหน้า มีจำนวนทั้งหมด 420.69 ล้านล้านเหรียญ และได้ “เผา” โทเคนจำนวนมากเพื่อลดอุปทาน สร้างปรากฏการณ์ในตลาดคริปโตด้วยมูลค่าตลาดที่พุ่งสูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเปิดตัว แม้จะไม่มีประโยชน์ใช้งานที่ชัดเจน แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเก็งกำไรในตลาดเหรียญมีม

ข้อดี

✅ สภาพคล่องสูง - มีการซื้อขายคึกคักในหลายตลาด ทำให้เข้า-ออกได้ง่าย และมีโอกาสทำกำไรจากความผันผวน

✅ Fair Launch - ไม่มีการจัดสรรให้ทีมพัฒนาหรือนักลงทุนก่อน ทำให้ราคาเคลื่อนไหวตามตลาดจริง

✅ การเผาโทเคน - มีการเผาโทเคนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณหมุนเวียนลดลงและอาจส่งผลดีต่อราคา

ข้อเสีย

❌ ไม่มี Use Case - ไม่มีประโยชน์ใช้งานที่แท้จริง นอกจากการเก็งกำไร ทำให้มูลค่าขึ้นอยู่กับกระแสเพียงอย่างเดียว

❌ ความเสี่ยงสูง - ราคาสามารถร่วงได้ 90% ในเวลาอันสั้น เพราะไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

PEPE ยังคงเป็นหนึ่งในเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2024 ด้วยกลยุทธ์การเผาโทเคนอย่างต่อเนื่องและการสร้างกิจกรรมในชุมชน รวมถึงการเข้าถึงตลาดซื้อขายหลักๆ ทั่วโลก แม้จะไม่มีประโยชน์ใช้งานที่ชัดเจน แต่ยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้น ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 4.6 ล้านดอลลาร์

โทเคนที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum เพื่อเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมมีมในวงการคริปโต มีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจจากการแจกฟรีให้กับผู้ที่ทำกิจกรรมในดิสคอร์ด จำกัดจำนวนทั้งหมดที่ 28,000 เหรียญ มุ่งเน้นการสร้างชุมชนและความสนุกสนานผ่านการสร้างมีมและ NFT เป็นหนึ่งในเหรียญมีมที่มีความผันผวนสูง โดยเคยมีราคาพุ่งสูงถึง 2,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญในช่วง DeFi Summer ปี 2020 ปัจจุบันมีโครงการ MEME v2 ที่เพิ่มฟีเจอร์การสร้าง NFT และการแลกเปลี่ยนศิลปะดิจิทัล

ข้อดี

✅ Supply จำกัด - มีจำนวนเพียง 28,000 เหรียญ ทำให้มีความหายากและมีโอกาสราคาพุ่งสูงเมื่อมีความต้องการ

✅ NFT Utility - มีการผสมผสานกับ NFT และศิลปะดิจิทัล ทำให้มีประโยชน์ใช้งานมากกว่าเหรียญมีมทั่วไป

✅ ชุมชนเข้มแข็ง - มีฐานแฟนคลับที่ติดตามตั้งแต่ยุค DeFi Summer และยังคงแอคทีฟในการสร้างมีมและคอนเทนต์

ข้อเสีย

❌ สภาพคล่องต่ำ - จำนวนเหรียญน้อยทำให้การซื้อขายไม่คล่องตัว อาจเกิด Slippage สูงเวลาซื้อขาย

❌ ความผันผวนสูง - ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงรุนแรงเนื่องจาก Supply น้อยและการเก็งกำไร

MEME ได้รับความสนใจในปี 2024 จากการพัฒนา MEME v2 ที่เพิ่มฟีเจอร์การสร้าง NFT และการแลกเปลี่ยนศิลปะดิจิทัล รวมถึงจำนวนโทเคนที่จำกัดทำให้มีความหายาก ในช่วงที่ตลาดเหรียญมีมกลับมาคึกคัก ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 374 ล้านดอลลาร์อยู่ในอันดับ 157

บล็อกเชนเลเยอร์ 1 รุ่นใหม่ที่พัฒนาโดยทีมจาก Mysten Labs ซึ่งประกอบด้วยอดีตพนักงาน Meta ที่เคยทำงานในโครงการ Diem (Libra) ใช้ภาษาโปรแกรมมิ่ง Move ในการเขียน Smart Contract ซึ่งออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง มีเอกลักษณ์ในการประมวลผลธุรกรรม ทำให้สามารถรองรับได้มากกว่า 120,000 TPS โดดเด่นด้วยระบบ Object Model ที่ทำให้การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการพัฒนาเกม NFT และแอปพลิเคชัน DeFi ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำและมีระบบนิเวศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการร่วมมือกับ Binance และ Gate.io ในการสร้าง Sui Launchpad

ข้อดี

✅ เทคโนโลยีล้ำสมัย - ใช้ภาษา Move ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง รองรับการประมวลผลแบบขนาน

✅ ทีมพัฒนาแข็งแกร่ง - พัฒนาโดยอดีตทีม Meta ที่มีประสบการณ์สูงในการพัฒนาบล็อกเชน

✅ ประสิทธิภาพสูง - รองรับได้มากกว่า 120,000 TPS และมีค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะกับการพัฒนาเกมและ DeFi

ข้อเสีย

❌ ยังใหม่มาก - เพิ่งเปิดตัว Mainnet ทำให้ยังไม่ได้พิสูจน์ความเสถียรในระยะยาว

❌ การแข่งขันสูง - มีคู่แข่งในตลาด L1 จำนวนมาก ทั้ง Solana, Aptos และอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

SUI เป็นหนึ่งในบล็อกเชน Layer 1 ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2024 ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การประมวลผลแบบขนานที่รวดเร็ว และทีมพัฒนาที่แข็งแกร่ง รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่าง Binance และ OKX ในการสร้างระบบนิเวศ โดยเฉพาะในด้านเกมและ DeFi ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 8.53 พันล้านดอลลาร์อยู่ในอันดับ 15

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโตเคอเรนซี การเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะสมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ โดยในปี 2024 มีวิธีการลงทุนหลัก 2 รูปแบบที่นักลงทุนควรพิจารณา

วิธีที่ 1: การเทรดผ่านกระดานแลกเปลี่ยน (Exchange)

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือครองสกุลเงินดิจิทัลจริง การเทรดผ่านกระดานแลกเปลี่ยนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยกระดานแลกเปลี่ยนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก

กระดานแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (CEX)

กระดานแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ดำเนินการโดยองค์กรกลาง ทำหน้าที่คล้ายกับตลาดหลักทรัพย์ แต่เน้นการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล แพลตฟอร์มยอดนิยมในกลุ่มนี้ เช่น Bitkub ที่รองรับการซื้อขาย Bitcoin, Ethereum, USDT และเหรียญยอดนิยมอื่นๆ ด้วยเงินบาท, Binance ที่ให้บริการทั้งการซื้อขายแบบสปอตและสัญญาล่วงหน้า และ Coinbase ที่เน้นการซื้อขายแบบสปอต

การเทรดผ่าน CEX จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตน (KYC) โดยต้องส่งเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชนและที่อยู่ถาวร รวมถึงปฏิบัติตามกฎระเบียบของแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการลงทุน

กระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (DEX)

DEX เป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชนโดยตรง ไม่มีตัวกลางในการควบคุม ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายได้อย่างอิสระและรักษาความเป็นส่วนตัวได้สูง แพลตฟอร์มยอดนิยมในกลุ่มนี้ เช่น Uniswap ที่เน้นการซื้อขายแบบสปอต

DEX ส่วนใหญ่ทำงานบนเครือข่าย Ethereum และใช้ ETH เป็นสกุลเงินหลัก ข้อดีสำคัญคือไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตน และไม่มีการควบคุมจากหน่วยงานกลาง ทำให้การทำธุรกรรมมีความยืดหยุ่นสูง

วิธีที่ 2: การเทรด CFD (Contract for Difference)

การเทรด CFD เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำกำไร โดยไม่จำเป็นต้องถือครองสกุลเงินดิจิทัลจริง แพลตฟอร์ม CFD ชั้นนำในปัจจุบัน เช่น Mitrade หรือ Exness ต่างได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ทำให้มีความมั่นคงทางการเงินสูง

จุดเด่นของการเทรด CFD คือความสามารถในการทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง นักลงทุนสามารถเปิดสถานะขาย (Short) เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวลง หรือใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มบางแห่ง เช่น Mitrade ยังมีบัญชีทดลองให้ผู้สนใจได้ทดลองใช้งานฟรี

เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2024 มีให้เลือกหลายประเภท คุณสามารถพิจารณาข้อมูล ความแตกต่าง รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละเหรียญจากที่เราได้สรุปมาในข้างต้น เพราะทุกการลงทุนนั้นไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจจากสิ่งที่เห็นเท่านั้น แต่มาจากการศึกษาตลาด ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ จากนั้นเมื่อคุณสามารถเลือกได้แล้วว่าต้องการเทรดเหรียญคริปโตเหรียญใดในปี 2024 นี้ได้แล้วขั้นตอนต่อมาก็ให้เลือกว่าคุณต้องการที่จะซื้อเหรียญเพื่อเก็บหรือเทรดเพื่อทำกำไร หนึ่งในการเทรดยอดนิยมก็คือ CFD เพราะไม่ต้องมีคริปโตเป็นของตนเองก็สามารถเทรดด้วยเงินจริงได้ เช่น ที่ MiTRADE ยังมีบัญชีทดลองให้ลองใช้งานเทรดฟรีอีกด้วย

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน