ตลาดคริปโตจะเป็นอย่างไรในปี 2024? น่าลงทุนหรือไม่
ปี 2024 กำลังจะกลายเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ Bitcoin ด้วยการอนุมัติของ SEC สำหรับ spot bitcoin ETF เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2024 และเหตุการณ์ halving ครั้งต่อไปของ bitcoin ที่กำหนดไว้ในเดือนเมษายนที่จะเป็นสองเรื่องใหญ่และอาจส่งผลต่อราคาของ BTC มาร่วมจับตาดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ได้จากบทความนี้
Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 จะส่งผลอะไรบ้าง
ที่มา: coinmarketcap
อย่างที่ทราบกันดีว่า bitcoins ที่ขุดได้ใหม่จะมอบให้กับนักขุดเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการทำงาน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขุด Bitcoin ที่ได้รับสำหรับแต่ละบล็อก (ชุดธุรกรรม) จะแตกต่างกันไป ทุก ๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณทุก ๆ สี่ปี รางวัลของนักขุดจะลดลงครึ่งหนึ่ง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า 'BTC halving' หรือ 'halving'
วัตถุประสงค์ของการลดจำนวน Bitcoin ลงครึ่งหนึ่งก็คือการรักษาความขาดแคลนและมูลค่าของสกุลเงิน รวมทั้งเป็นการจัดการอัตราเงินเฟ้อ ตัวอย่างง่าย ๆ คือ เมื่อจำนวน bitcoin ใหม่ออกมาน้อยลง ความต้องการเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น และราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในกรณีนี้ยังขึ้นอยู่กับแนวคิดทางเศรษฐกิจของอุปสงค์และอุปทาน
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ กิจกรรม halving นั้นก็อาจเป็นการเพิ่มต้นทุนและความซับซ้อนในการขุดเป็นสองเท่า ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของนักขุดลดลงซึ่งอาจส่งผลให้นักขุดบางรายออกจากตลาด ลดอัตราแฮชหรือ Hashrate ที่เป็นจำนวนพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรมและผลิตเหรียญใหม่ออกมา พลังการประมวลผลโดยรวมของเครือข่าย และอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเครือข่าย เป็นต้น
คำถามคือแล้วเราจะสร้างรายได้จากช่วยเวลา halving ของ Bitcoin ได้อย่างไร? สำหรับมุมมองของเทรดเดอร์ สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มโฟกันไปที่กรอบเวลาที่สั้นลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาหลังจากการ halving สำเร็จที่ราคาอาจมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น การแฮ็กหรือการล้มละลายของบริษัทคริปโต ภาวะตลาดหุ้น การปั่นป่วนของวาฬ หรือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบลดการออกเหรียญที่จะต้องจับตาดูอีกครั้ง
การอนุมัติ Spot bitcoin ETF ส่งผลอะไรต่อ BTC
การลงทุนในSpot bitcoin ETF แตกต่างจากการซื้อ bitcoin คือ นักลงทุนที่นำเงินไปลงทุนใน Spot bitcoin ETF ไม่ได้เป็นเจ้าของ Bitcoin เอง โดยบริษัททางการเงินจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขายและการจัดการ Spot bitcoin ETF หากแต่ ผู้ที่ซื้อ bitcoin จะชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมโดยตรง แต่จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดการการลงทุน
หนึ่งในข้อดีบางประการในการเป็นเจ้าของ bitcoin ผ่าน ETF ตัวอย่างเช่น นักลงทุนสามารถถือและติดตาม Spot bitcoin ETF ของตนในบัญชีหลักทรัพย์เดียวกันกับการลงทุนอื่น ๆ ได้
Spot bitcoin ETF ส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์อย่างไร?
นักลงทุนกำลังเดิมพันว่าการเกิดขึ้นของสปอต bitcoin ETFs จะอัดฉีดเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่สกุลเงินดิจิทัล โดยทำให้การลงทุนง่ายขึ้นและน่ากลัวน้อยลง ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่า ETF ทั้ง 11 บริษัทที่ได้รับการอนุมัตินี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับราคา BTC ในระยะยาว และอาจลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเมื่อเวลาผ่านไป
เราอาจเห็นภาพของบิตคอยน์ที่ผ่านมาหลังจากเกือบสองปีแห่งความวุ่นวายที่เห็นราคาของ bitcoin ลดลงและความล้มเหลวของบริษัทคริปโตหลายแห่ง การประกาศที่ผ่านมานี้อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุนจำนวนมากในตลาดคริปโตก็เป็นได้
ด้วยการชูไฟเขียวจากหน่วยงานกำกับดูแลได้รับการคาดหวังมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และราคาของ bitcoin ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 70% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เนื่องจากนักลงทุนคริปโตคาดการณ์ว่าการใช้ bitcoin ETF ในวงกว้างจะช่วยเพิ่มความต้องการของสกุลเงินดิจิทัลได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ยังคงกังวลว่าการใช้คริปโต ETF ในวงกว้างอาจทำให้เกิดความเสี่ยงและความผันผวนมากเกินไปเพราะ ราคาของ bitcoin เป็นที่รู้กันว่ามีความผันผวนอย่างมาก โดยมักไม่มีคำเตือนหรือคำอธิบายที่ชัดเจน
เทรนด์ใหม่บิทคอยน์ที่น่าจับตามองในปี 2024
สืบจากปีที่แล้วที่บล็อคเชนและ AI ได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความมความตื่นเต้นในตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะ ทั้งสองเป็นตัวแทนของกระบวนทัศน์เทคโนโลยีอันทรงพลังที่ได้ปฏิวัติและส่งผลกระทบต่อมุมมองของเราเกี่ยวกับแนวคิดภาพใหญ่ เช่น เงินและระบบอัตโนมัติ โทเค็น Crypto ที่มีการเชื่อมต่อ AI มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2023 เนื่องจากเครื่องมืออย่าง ChatGPT และ MidJourney พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถอันทรงพลังของ AI สู่ตลาดกระแสหลัก
แม้ว่าโมเดลปัจจุบันของ AI มีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ปัจจุบัน เครื่องมือ AI ใช้แคชข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อฝึกโมเดล และยังไม่เป็นการกระจายอำนาจมากพอ แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Google และ Microsoft ยังเป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของโซลูชัน AI ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย
ในตอนนี้กำลังมีโซลูชันการจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูลแบบกระจายอำนาจหลายตัวที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการข้อมูลขนาดใหญ่ของ AI ในลักษณะแบบกระจายอำนาจ ซึ่งรวมถึงโปรเจ็คโทเค็น AI ที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ Bittensor และ Render บริษัท AI ที่มีการกระจายอำนาจได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากในแวดวงปัญญาประดิษฐ์และวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างไร้พรมแดนที่อาจเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ได้รับความสนใจและเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น ในปี 2024 นี้เราอาจเห็นว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin อาจไม่ใช่ปัจจัยเดิม ๆ ที่รู้กันอยู่แล้ว แต่ยังมีเทรนด์ใหม่ที่อาจส่งผลต่อราคาก็เป็นได้
คริปโต เล่นยังไง ?
การลงทุน Cryptocurrency แบ่งออกเป็น 2 วิธี
การขุด
Bitcoin จะใช้การขุดที่เรียกว่า Proof of Work หรือ POW เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและแก้ไขสมการตัวเลข เพื่อยืนยันสิทธิ์การทำธุรกรรม และเพิ่มข้อมูลใหม่ลงไปใน Blockchain หากนักขุดสามารถแก้ไขสมการได้ก่อน จะได้เหรียญ Bitcoin เป็นรางวัลตอบแทน
การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เปิดให้นักลงทุนหรือนักเก็งกำไร สามารถทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ซึ่งจะต่างกับตลาดหุ้นที่มีวันหยุดและมีเวลาเปิดปิดตลาด
โดยปัจจุบันการซื้อขาย Bitcoin ทำได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญ Bitcoin ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องเสียเวลาหาผู้ซื้อหรือผู้ขายเอง และไม่จำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เก็บเหรียญ เพราะเมื่อเปิดบัญชีซื้อขายเว็บเทรดจะทำหน้าที่ดูแลเหรียญ Bitcoin ให้นักเทรด แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไขที่เว็บเทรดกำหนดด้วย
สำหรับนักลงทุนอยากลงทุน Bitcoin ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายแต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะเปิดบัญชีใช้บริการกับโบรกเกอร์เจ้าไหนดี บทความนี้เราขอรวบรวมข้อมูลของแพลตฟอร์มแต่ละเจ้ามาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1.Mitrade: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่ได้รับความนิยม ค่าธรรมเนียม 0% สำหรับการฝากและการถอนเงิน Mitrade เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC และได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้มากมายกว่า 2,400,000 คนทั่วโลกเลือก Mitrade ให้เป็นโบรกเกอร์ที่ไว้ใจ และมีบัญชีทดลองเทรดพร้อมเงินเสมือนจริง $50,000 ฟรีให้นักลงทุนมือใหม่ได้หัดลองเทรดทำความคุ้นชินกับตลาดอีกด้วย
2.Bitkub: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมาย ค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ที่ 0.25% ต่อครั้ง และค่าธรรมเนียมการถอนเงินเริ่มต้นที่ 20 บาท/ครั้ง
3.Zipmex: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่เปิดให้บริการในประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ค่าธรรมเนียมในการเทรดแต่ละครั้งเริ่มต้นเพียง 0.10% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนเงินอยู่ที่ครั้งละ 20 บาท การเปิดบัญชีเทรดก็ทำได้ง่ายผ่านทางออนไลน์ได้เลย
จากนั้นเมื่อเราขุดบิทคอยน์ออกมาแล้ว เราสามารถนำไปแลกเป็นเงินบาทได้กับเว็บไซต์ที่ให้บริการซื้อขายเหรียญดิจิทัลเช่น bitkub.com หรือ satangcorp.com โดยแต่ละแห่งมีค่าธรรมเนียมและอัตรารับซื้อที่ต่างกันไป
ตลาดคริปโต จะเป็นอย่างไรในปี 2024? น่าลงทุนหรือไม่?
แม้ตลาดคริปโตจะเกิดความผันผวน อยู่ในช่วงขาลงตลอดปี 2022 แต่ในปี 2023 คริปโตเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่มาก ไม่เพียงแต่ธุรกรรมของเงินดิจิทัลอย่างเดียวแต่ยังรวมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อีกด้วย
ในปี 2023 ตลาดคริปโตฟื้นตัวขึ้นมา เมื่อวันที่ 9 มกราคม ราคา Bitcoin ปรับขึ้น 2% โดยสามารถซื้อขายเหนือระดับ 17,000 ดอลลาร์ได้ และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ต่อมาธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) อนุญาตให้ธนาคารกลางแห่งชาติเก็บ Bitcoin (BTC) เป็นเงินสำรองได้ถึง 2% เรียกได้ว่า Bitcoin (BTC) มี Use Cases เกิดขึ้นมากมาย และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็มองว่า ในกลางปี 2023 จะเป็นช่วงเก็บสะสม BTC ก่อนการ Halving จะมาถึงในปี 2024
จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองคิดว่าการลงทุนในตลาดของ Cryptocurrency ตอนนี้คาดว่าถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวและเป็นเงินเย็น ทยอยสะสมเหรียญไปเรื่อย ๆ ก็ยังคงมีความน่าลงทุนอยู่กับการเลือกใช้วิธีถือเหรียญระยะยาว อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในช่วงตลาดมีความผันผวนแบบนี้ แต่ในทางกลับกันการลงทุนในระยะสั้นอาจต้องอดทนต่อความผันผวนของตลาดสักหน่อย ต้องมีความมั่นใจว่าเราได้ศึกษาข้อมูลเหรียญต่าง ๆ มาเป็นอย่างดีแล้ว อาจเริ่มต้นลงทุนด้วยการเทรดจำนวนทีละน้อย ๆ ก่อน โดยไม่กระทบกับชีวิต เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและเพื่อทดสอบตนเองในการเข้าใจหลักการลงทุนอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน คริปโต
ผู้เขียนเลือกมาเพียง 5 กลยุทธ์วิธีการเทรดที่นิยมใช้กัน
1.Day Trading ซื้อขายรายวัน
กลยุทธ์นี้เป็นการซื้อขายทำกำไรเสร็จภายในวันเดียว ไม่ถือข้ามวัน ทำกำไรได้ง่าย เนื่องจากมีความผันผวนสูง หมายความว่านักลงทุนมีโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา Crypto ได้มากขึ้น มี Crypto ให้เลือกเทรดเยอะ สามารถเลือกเก็งกำไรได้ตามชอบอีกด้วย
2.Arbitrage ทำกำไรจากส่วนต่าง
Arbitrage ถือเป็นกลยุทธ์ในการทำกำไรที่นิยมใช้กันในตลาด Crypto เพียงแค่ซื้อสินทรัพย์ในตลาดที่ราคาต่ำแล้วนำไปขายในตลาดที่ราคาสูงกว่า การคำนวณไม่มีความซับซ้อนมาก จะมีเพียงต้นทุนการซื้อ และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม เพียงแค่นี้ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว
3.กลยุทธ์แบบ Technical Analysis
วิธีนี้สามารถวิเคราะห์กิจกรรมแนวโน้มทางสถิติมาปรับใช้กับการลงทุน Crypto ได้โดยการนำข้อมูลซื้อขายในอดีตมาวิเคราะห์ พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนในตลาด ตัวอย่างเช่น Trend Analysis, Moving Average, MACD, RSI และอีกมากมาย ซึ่งก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปในการเลือกมาปรับใช้
4.การลงทุน คริปโตระยะยาว
- เรียกนักลงทุนสายนี้ว่า Hodl (Hold on for dear life) ความหมายคือ ถือเหรียญคริปโตฯ ไปแบบยาว ๆ โดยอาจจะถือเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่ขาย ไม่ว่าราคาตลาดจะผันผวนรุนแรงแค่ไหนก็ตาม วิธีนี้ต้องอาศัยความอดทนพอสมควร
- ต่อมาเป็นวิธี DCA (Dollar-Cost Average) กลยุทธ์ถัวเฉลี่ยต้น เป็นวิธีที่ใช้เงินทยอยลงทุนแต่ละงวดในจำนวนเงินเท่ากัน ต้องมีวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อหวังว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนไปจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ต้องการ โดยไม่สนใจความผันผวนระหว่างทาง เมื่อลงทุนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวแล้วจะทำให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ถูกลง สร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี
สิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึงในการเทรดสายนี้คือ โครงสร้างพื้นฐานของเหรียญที่เราจะซื้อมีโอกาสเติบโตมากน้อยแค่ไหน มีศักยภาพในการเติบโตได้ในระยะยาวหรือไม่ เหรียญที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว นักลงทุนอาจเลือกลงทุนในเหรียญใหญ่ ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum เนื่องจากมี Market Cap สูง หรือ Tether ที่เป็น Stablecoin ก็ได้เช่นกัน
เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว
เพราะการเทรดระยะยาวแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลานั่งติดตามดูกราฟตลอดทั้งวัน นักลงทุนไม่ต้องแข่งขันกับเวลาถึงผลตอบแทนที่ได้รับจะน้อยกว่าการลงทุนระยะสั้น แต่ได้รับผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
5.การลงทุน คริปโต ระยะสั้น
การลงทุนคริปโตระยะสั้น สามารถทำกำไรได้บ่อยขึ้น ลดความเสี่ยงจากการถือครองคริปโตนานๆ อีกด้วย โดยการเทรดมักจบลงภายในไม่กี่วัน หรือจบลงเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละคน โดยทำกำไรจากจังหวะราคาที่ผันผวน แต่ก็ต้องแลกมากับการนั่งเฝ้าดูกราฟหน้าจอเพื่อติดตามราคาอย่างใกล้ชิด
การลงทุนระยะสั้นทำงานอย่างไร?
การเทรดระยะสั้นเหมาะสำหรับการเทรด CFD ซึ่งเป็นวิธียอดนิยมที่นักลงทุนใช้เข้าเทรดในตลาดเงิน หมายความว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ สามารถทำกำไรได้ทั้งราคาขาขึ้นและขาลงอีกด้วย นอกจากนักลงทุนจะเทรดคริปโตด้วย CFD ได้แล้ว ยังสามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลายแบบ ซึ่งรวมถึงสกุลเงิน หลักทรัพย์ ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย
สรุป
การลงทุน Bitcoin สามารถทำได้ 2 ทางหลัก ๆ ก็คือ การขุด และการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม การลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้มีรูปแบบความยากง่ายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับนักลงทุนชอบแบบไหนมากกว่ากัน จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง อยากแนะนำนักลงทุนมือใหม่ว่า ให้เลือกวิธีการเทรด Bitcoin จะดีกว่า เพราะเหมาะสำหรับมือใหม่หัดลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญ Bitcoin ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เก็บเหรียญอีกด้วย เพราะเมื่อนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายที่น่าเชื่อถือแล้ว เว็บเทรดจะทำหน้าที่ดูแลเหรียญให้นักลงทุนเอง แต่ต้องเสียค่าทำเนียมตามเงื่อนไขของเว็บเทรดด้วย อย่างไรก็ตามการลงทุนควรเลือกรูปแบบให้เ หมาะสมกับความถนัดของตนเองด้วยนะคะ
Bitcoin Halving ปี 2024 คือวันไหน?
ราคา Bitcoin จะไปสูงแค่ไหนใน 5 ปีนี้?
วันนี้การลงทุนใน Bitcoin ยังคงปลอดภัยหรือไม่?
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน